Warning: Cannot modify header information - headers already sent by (output started at /var/www/marshomme.com/wp-content/plugins/wp_mgr_id/wp_mgr_id.php:1) in /var/www/marshomme.com/wp-includes/feed-rss2.php on line 8
A BOY – Marshomme https://marshomme.com Thu, 23 Feb 2023 08:58:13 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.2.20 https://marshomme.com/wp-content/uploads/2019/10/logo2_icon-90x90.png A BOY – Marshomme https://marshomme.com 32 32 “ต้าห์อู๋” พลทหารหล่อตี๋ขยี้ใจ https://marshomme.com/aboy/532371/ Wed, 07 Dec 2022 11:15:00 +0000
         ข่าวคราวศิลปิน/ดารา/นักร้องเข้ากรมห่างหายจากหน้าฟีดไปนาน (จริงๆ ที่ผ่านมามีอีกหลายคนแหละ แต่แฟนคลับไม่ต้องคร่ำครวญเท่าไหร่นัก) แต่พอฟีดของ “ต้าห์อู๋ – พิทยา แซ่ฉั่ว” เข้ากรมนี่แหละ ที่มารัวๆ ทุกวัน นั่นแสดงว่า หนุ่มคนนี้แฟนคลับแน่นน่าดู


        “ต้าห์อู๋” กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิยาลัยเกษตรศาสตร์ เริ่มต้นวงการบันเทิงจากการประกวดร้องเพลง La Banda Thailand Season 2 ที่แม้จะไปไม่ถึงฝัน แต่เขายังคงเดินทางตามความฝันแบบไม่ย่อท้อ จนกระทั่งได้เข้าร่วมการประกวดในรายการ LAZ iCON ซึ่งต้าห์อู๋ ได้ทำผลงานเป็นที่ประจักษ์ และคว้าตำแหน่ง UPPER ได้ในทุกสเตจการแสดงระหว่างการแข่งในรายการ ทำให้เขานั้นได้ลำดับที่ 1 สำหรับการโหวตในรอบ FINAL และได้เดบิวต์ในวง LAZ1 ที่มีแฟนคลับแน่นๆ


Photo : IG oueiija

]]>
ปอนด์-ภูวิน คัมแบ็กใน “เพื่อนายแค่หนึ่งเดียว” https://marshomme.com/aboy/532367/ Wed, 07 Dec 2022 10:12:00 +0000         สิ้นสุดการรอคอยที่แสนนานสักทีกับแฟนคลับของ #ปอนด์ภูวิน เมื่อซีรีส์วายเรื่องใหม่ ที่เลตมาแสนนาน “เพื่อนายแค่หนึ่งเดียว Never Let Me Go” ได้ฤกษ์ออนตอนแรกวันอังคารที่ 13 ธันวาคมนี้แล้ว


       ทีมนักแสดงนั้น นอกจาก ปอนด์ ณราวิชญ์ เลิศรัตน์โกสุมภ์ และ ภูวิน ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน แล้ว ยังมีคู่รองเจิดๆ อย่าง เพิร์ธ ธนพนธ์ สุขุมพันธนาสาร และ ชิม่อน วชิรวิชญ์ เรืองวิวรรธน์ ด้วย ดูทรงแล้ว เรื่องนี้ท่าทางจะปังๆๆๆ


        “เพื่อนายแค่หนึ่งเดียว” เล่าเรื่องราวของหนึ่งเดียว (ภูวิน ภูวินทร์) และแม่ ธัญญ่า (ออร์แกน ราศี) ที่กำลังตกอยู่ในอันตราย หลังจากที่พ่อของเขาถูกลอบยิงจนเสียชีวิต ปาล์ม (ปอนด์ ณราวิชญ์) จับพลัดจับผลูให้ต้องมาดูแลคุณหนูหนึ่งเดียวในฐานะบอดี้การ์ดส่วนตัว เมื่อหน้าที่กับหัวใจ…กลายเป็นเรื่องเดียวกัน มาตามลุ้นกันว่า ชีวิตของทั้งสองคนจะเปลี่ยนไปอย่างไร?และความสัมพันธ์ของพวกเขาจะพัฒนาไปแค่ไหน?


“เพื่อนายแค่หนึ่งเดียวNever Let Me Go”
ติดตามชมได้ทุกวันอังคาร เวลา20.30 น. และทางYoutube : GMMTV

Text : Takeshi West
Photo : GMMTV
IG phuwintang

]]>
“อลัน คัมปานา” หนุ่มอายุ 19 ลูกครึ่งอิตาลี-หนองบัวลำภู พูดไทยและอีสานอย่างคล่อง https://marshomme.com/aboy/532361/ Mon, 26 Sep 2022 08:47:00 +0000         เด็กสมัยนี้ “โต” ไวจริงๆ ทั้งอาหารการกินเอย วิทยาการต่างๆ เอย ล้วนเป็นปัจจัยเสริมให้ร่ายกาย ‘แข็ง’ แรง เติบโตรวดเร็ว ยิ่งเด็กลูกครึ่งด้วยแล้ว ใหญ่โต เกินอายุ เช่นเดียวกับ อลัน คัมปานา (Alan Campana) นักแสดงหน้าใหม่เอี่ยมอ่อง วัยเอ๊าะๆ หนุ่มลูกครึ่งไทย-อิตาลี อายุ 19 ปี ที่มาพร้อมความสูง 185 ซม. ใหญ่โตเกินเด็กวัยเดียวกัน


        อลัน คัมปานา หรือน้องอลัน เป็นคนหนองบัวลำภู พูดไทยและอีสานได้คล่อง ปัจจุบันเรียนที่มหาวิทยาลัยการกีฬา กีฬาสุดโปรด ได้แก่ ว่ายน้ำ และบาสเกตบอล แต่ที่เห็นหุ่นฟิตๆ แบบนี้ เพราะอลันจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับฟิตเนส แม้บุคลิกภายนอกจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด หน้าตาซึมๆ มึนๆ ตามประสาเด็ก 19 ซุ่มซ่ามในบางครั้ง แต่พอจับแต่งองค์ทรงเครื่องเข้าหน่อย หล่อเป็นเทพบุตรโรมัน ราวกับรูปปั้นในกรุงโรม


          อลัน สนใจการแสดงมาตั้งแต่เด็ก เคยมาเรียนการแสดงที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน จากนั้นก็มีผลงานแบบกรุบกริบ พวกเดินแบบ และถ่ายโฆษณาสินค้าอยู่บ้าง อาทิ เดินแบบงานผ้าทอไทย ร้อยแก่นสารสินธิ์,งานผ้าทอศิลป์ ถิ่นลุ่มภู วิจิตรพัสตรา ศิลปาชีพไทย,งานแพรพรรณลุ่มภูสู่สากล EP5, แฟชั่นโชว์นิยมยีนส์ เป็นต้น แต่เร็วๆนี้ อลันกำลังจะมีผลงานการแสดงซีรีส์เรื่องแรก“รักชอบเจ็บHit Bite Love The Series”ที่มีกำหนดสตรีมมิ่ง มกราคม 2023 แต่ถ้าช่วงนี้สามารถติดตามอลันได้ที่ ไอจี @alan_cpn


Photo credit courtesy from บริษัทJinloe media workจำกัด

]]>
มังกร-รัชชานนท์ มือกลองสุดคิ้ว จากวง “Yes Indeed Band” https://marshomme.com/aboy/532351/ Thu, 16 Jun 2022 14:33:00 +0000
        ช่วงนี้แถวสยามสแควร์ ครึกครื้นเป็นที่สุด ตั้งแต่ประกาศให้เป็นพื้นที่รวมตัวกันทำกิจกรรมสร้างสรรค์ของวัยรุ่น วัยรุ่นมากหน้าหลายตากลับคืนย่านที่เรียกได้ว่าเป็นยุคทองของวัยรุ่น ตั้งแต่ยุค 90’s เห็นบรรยากาศที่ต่างพากันออกมาเดินเต็มถนน ทั้งถ่ายรูป ช็อปปิ้ง และแสดงดนตรี จะไม่พูดถึงสีสันของสยามสแควร์ที่มีวงดนตรีแจ้งเกิดแบบชั่วข้ามคืนวง “Yes Indeed Band” ได้อย่างไร


        วงมัธยมเปิดหมวกที่ชื่อ Yes Indeed Band เป็นการรวมตัวของกลุ่มเพื่อนๆ หลายโรงเรียนมาโชว์ดนตรีในช่วงเวลาเย็นๆ ถึงค่ำที่สยามสแควร์ แม้วงนี้จะมีถึง 5 คน ได้แก่ น้องพอร์ส ร้องนำ,น้องมังกร มือกลอง,น้องแพนเค้ก ร้องนำ,น้องทะเล กีตาร์โซโล่ และ น้องติน คีย์บอร์ด แต่ขอโฟกัสที่น้องมือกลองอย่างน้องมังกรลีลาการฟาดกลองของน้องแล้วบอกเลยว่าไม่ธรรมดา


         มังกร-รัชชานนท์ วรกิจไพบูลย์ จบการศึกษาระดับมัธยมจาก โรงเรียนทวีธาภิเศก ปัจจุบันเรียนที่ วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เรียนการตีกลองมาแต่เด็ก จึงทำให้มีสกิลการตีกลองไม่แพ้มืออาชีพ ไม่ต้องแปลกใจ ถ้าคลิปของน้องมังกรจะถูกแชร์ลงไปบนโซเชียลมีเดียและมียอดเข้าชมมากกว่า 4.1 ล้านครั้ง และทะลุหลักแสนอีกหลายคลิป อยากรู้จักน้องมังกรให้มากกว่านี้ ตามไปฟอลไอจีน้องได้ที่ @m9nedrag0n

Photo @m9nedrag0n
FB :Yes Indeed Band

]]>
นักขี่ม้าหน้ามน หนุ่มหล่อจากไต้หวัน “Cheng Chang Fan” https://marshomme.com/aboy/532346/ Thu, 16 Jun 2022 13:14:00 +0000
        นานๆ จะเจอนักขี่ม้าหล่อๆ สักที ต้องพามาแนะนำกันหน่อย Cheng Chang Fan (范成章) หนุ่มไต้หวันคนนี้ เรียนขี่ม้ามาตั้งแต่เด็ก ก่อนจะเข้าสู่เส้นทางนายแบบ ที่ทำให้มีโอกาสได้ร่วมงานกับแบรนด์ดังระดับไฮเอนด์ อาทิ Dior, Hugo Boss และ Burberry


         มีโอกาสได้แสดงซีรีส์วายชิ้นแรกในชีวิต Craving You เมื่อปี 2020 ด้านการศึกษา จัดว่าไฮโซทีเดียว เขาจบจาก University of the Arts ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทำให้มีความรู้ด้านศิลปะและความงามดีทีเดียว นอกจากนี้ Chengยังเป็นเจ้าของร้านจัดดอกไม้ Cheng & Mach Exotic Florist ในไทเปอีกด้วย

Photo @chengchangfan

]]>
“ดัง-ณัฎฐ์ฐชัย” พระเอกหน้าใหม่ที่กำลังมาแรงจากซีรีย์ “แล้วแต่ดาว” Star In My Mind https://marshomme.com/aboy/532336/ Wed, 11 May 2022 07:56:00 +0000
        ดาวดวงใหม่กำลังจะจุติ ดาวไหนล่ะ ก็ #ดาวเหนือ ที่อยู่คู่กับ #คาบคลื่น ต้อนรับการลงจอของซีรีส์วายเรื่องใหม่สักหน่อย เพราะไหนๆ ก็มีคนเริ่มถึงกันมากขึ้น (แม้ส่วนหนึ่งจะแอนตี้ โดยเฉพาะแฟนนิยาย ที่ไม่ค่อยจะสบอารมณ์กับแคสต์ติ้งซีรีส์พี่น้อง “แล้วแต่ดาว” กับ “ขั้วฟ้าของผม” เท่าใดนัก)

        แต่ฟันธงไปเลยว่า “ดัง-ณัฎฐ์ฐชัย บุญประเสริฐ” นักศึกษาหนุ่มจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขา Computer Innovation Engineering สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จะดังชมชื่อเร็วๆ นี้


        ดังณัฎฐ์ฐชัย เกิดปี ค.ศ.2000 ถ้าจะให้นับอายุก็แค่ดูตามปีคริสตศักราชก็จะรู้เองโดยไม่ต้องบวกลบให้ปวดหัว ดังจัดว่าเป็นนักแสดงหน้าใหม่ซิงๆ เพราะนอกจากเรียนหนังสือที่ลาดกระบังแล้ว งานอดิเรกอื่นๆ ก็มีแค่เล่นกีฬาบาสเกตบอล ฟุตบอล และเข้าฟิตเนสเท่านั้น โดยงานแสดงซีรีส์เรื่องแรก “แล้วแต่ดาว” ที่กำลังออนแอร์อยู่


        “แล้วแต่ดาว” เป็นเรื่องราวของคนแอบรัก ที่ต่อให้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ยังจะรักแค่คนเดิม เหมือนกับดาวเหนือที่ต่อให้โลกจะหมุนไปอีกสักกี่รอบ ดาวเหนือก็จะยังคงอยู่ที่ตำแหน่งเดิม แค่รอเวลาที่ใครอีกคนจะยอมเปิดใจ แล้วปล่อยให้ดาวนำทาง ดาวเหนือ (ดัง ณัฎฐ์ฐชัย) โคจรมาเจอกับรักครั้งแรกอีกครั้งอย่าง คาบคลื่น (จุง อาเชน) เพื่อนร่วมชั้นที่เขาเคยบอกชอบก่อนจะบินไปเรียนต่อที่เยอรมัน แต่คำสารภาพที่รวบรวมความกล้ามานานกลับได้รับเพียงคำว่า “เดินทางปลอดภัยนะ” และการโคจรมาเจอกันครั้งนี้ก็ทำให้ ดาวเหนือมั่นใจว่าต่อให้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ดาวเหนือก็ยังคงอยู่ที่เดิมอยู่ดี คือยังคงรักคาบคลื่นเหมือนเดิม


แล้วแต่ดาวStar In My Mind
ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา20.30 น. ทางช่องGmm25
รับชมย้อนหลังที่Viu เวลา22.30 น.
Photo @dunknatachai

]]>
ป้ายยา ‘ไอ้คนน่ารัก’ ชมแล้วต้องอมยิ้ม นุนิว – ชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์ นายเอกจากซีรีส์วาย “นิ่งเฮียก็หาว่าซื่อ (Cutie Pie Series)” https://marshomme.com/aboy/532287/ Wed, 16 Mar 2022 09:33:00 +0000           วินาทีนี้ หนุ่มน้อยที่กำลังมาแรงสุดๆ คงต้องยกให้ นุนิว – ชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์ นายเอกจากซีรีส์วาย “นิ่งเฮียก็หาว่าซื่อ (Cutie Pie Series)” ที่ออนแอร์ไปได้ไม่กี่อีพี แต่ความน่ารักน่าหยิกของบท ‘คุณหนูเกื้อ’ ก็ทำให้นุนิวแจ้งเกิดได้ไม่ยาก เพราะทั้งน่าตาที่ขาวตี๋โดนใจ แก้มน่าฟัด เมื่อต้องมาสวมบทคุณหนูไฮโซ ขี้งอน เอาแต่ใจ ก็ทำเอาแฟนคลับหลงรักไปตามๆ กัน


          ผลงานชิ้นแรกของ นุนิว ในวัย 20 เป็นเรื่องราวของ ‘เกื้อ กีรติ’ และ ‘กิเลน หวัง’ หรือเฮียเหลียน (ซี–พฤกษ์ พานิช ) คู่หมั้นที่มีอายุห่างกันถึง 7 ปี พล็อตเรื่องแม้จะโบราณไปนิด แต่พอเป็นการหมั้นหมายระหว่างชาย-ชาย ก็ทำให้เรื่องราวน่าสนใจขึ้นกว่าเดิม


           ฝั่งของเกื้อนั้นเป็นตระกูลผู้รากมากดีเก่าแก่ และเคยมีบุญคุณกับตระกูลหวัง ที่น่าจะอพยพมาจากจีนแผ่นดิน มีการอุปถัมภ์ค้ำชูกันจนตระกูลหวังร่ำรวยเป็นเศรษฐีใหม่ เกื้อกับเฮียเหลียนสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กๆ เกื้อจึงเป็นเหมือนน้องเล็กที่คอยวิ่งตามพี่ชาย ยิ่งผู้ใหญ่ฝ่ายเกื้อฝากฝังให้เฮียเหลียนดูแลน้องด้วยแล้ว เกื้อยิ่งยึดมั่นว่าโตไปจะต้องได้แต่งงานกับเฮียเหลียนให้ได้


          เกื้อจึงทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองเป็นคนที่เหมาะสมกับเฮีย และไม่ว่าใครในวงสังคมที่ได้เห็นพวกเขาก็ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า‘เข้ากันเหมือนกิ่งทองใบหยก ’แต่อยู่ดี ๆ ‘เฮียเหลียน’ ก็เปลี่ยนไปทำให้คู่ของเขากลายเป็น ‘กิ่งไม้หักกับใบเหลืองกรอบ’ แทน จาก ‘เฮียเหลียน’ ผู้สุภาพ อ่อนโยน ตามใจ และน่ารักกับ ‘หนูเกื้อ’ มาตลอด กลายมาเป็นคนที่หงุดหงิดใส่ พูดจาเหน็บแนม และเมื่อเกื้อถามว่ารักเกื้อไหม เขาก็ดันตอบมาว่า‘มันยังไม่ใช่’จนเกื้อแทบจะไม่ทนอีกต่อไป!


         เรื่องราวความสัมพันธ์วุ่น ๆ ของสองคู่หมั้น‘เกื้อ’และ‘เฮียเหลียน’จะดำเนินต่อไปอย่างไร จะถอนหมั้นหรือไม่ หรือแท้จริงแล้วพวกเขามีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่

Photo : IG @new_cwr

ซีรีส์นิ่งเฮียก็หาว่าซื่อ (Cutie Pie Series)
ออกอาการทางช่องWorkpoint
ทุกวันเสาร์ เวลา 22.30 น.
รีรันยูทูปMandee Channelเวลา 23.30 น.

]]>
“ไซย์ม่อน – จอมพล ไชยสิทธิ์” นายแบบจากศรีษะเกษ หนึ่งเดียวบนรันเวย์ VTMNTS https://marshomme.com/aboy/532277/ Tue, 08 Mar 2022 06:31:00 +0000
           สปอท์ไลท์ส่องไปที่นายแบบไทยอีกครั้ง บนรันเวย์แฟชั่นโชว์แบรนด์ VTMNTS ที่งานนี้เด็กหนุ่มจากจังหวัดศรีษะเกษ “ไซย์ม่อน – จอมพล ไชยสิทธิ์” สร้างชื่อเสียงในฐานะนายแบบคนไทยเลือดอีสานร้อยเปอร์เซ็นต์


            ไซย์ม่อน เป็นนายแบบคนแรกของไทยที่มีโอกาสได้เดินแฟชั่นโชว์ของ VTMNTS จาก Vetements by Guram Gvasalia ณ กรุงปารีส ในคอลเล็กชั่น คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2022 นอกจากนี้ ยังถ่ายแบบให้กับ Vetements คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2022


          เค้าโครงหน้ายูนีคและคาแลกเตอร์ชิคๆของ ไซย์ม่อน เป็นที่ถูกอกถูกใจเจ้าของแบรนด์อย่างมาก ถึงแม้ว่าเส้นทางบนอาชีพนายแบบของไซย์ม่อนเพิ่งเริ่มต้นได้เพียง8 เดือนเท่านั้น แต่ก็นับว่าเป็นนายแบบหนุ่มอีกคนหนึ่งที่น่าจับตาอย่างมากแถมอนาคตไกลชัวร์ ปัจจุบัน ไซย์ม่อนอาศัยอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์

PHOTO : IG zymonchaiyasit

]]>
เส้นทางนักแสดงอาชีพของ “แบงค์ ธิติ” จากวันที่เป็นเพียงเด็กหนุ่มจากขอนแก่น https://marshomme.com/aboy/532082/ Thu, 16 Sep 2021 12:46:00 +0000           ถ้าให้นับนักแสดงชายที่ขายของเก่ง เราขอเสนอชื่อ แบงค์ – ธิติ มหาโยธารักษ์ ที่รู้จักใช้โซเชียลเรียกเสียงฮือฮาได้เป็นระยะ ล่าสุด หลังจากจบงานละคร “จิตสังหาร” ทางช่อง ONE31 ซึ่งหนุ่มแบงค์พลิกบทบาทการแสดงที่โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ด้วยฉากแอ็กชั่นบู๊ล้างผลาญ ที่ทำเอาสาว ๆ ติดอกติดใจกับความแข็งและความแกร่งของร่างกายหนุ่มคนนี้ จน ‘ฟินคาจอ’ ไปตาม ๆ กัน โดยช็อตที่ทำให้สาว ๆ เกิดอาการเปรี้ยวปาก คงต้องยกให้คลิปโกนหนวด ที่หนุ่มแบงค์เพิ่งปล่อยมาเมื่อสัปดาห์ก่อน ลุคโหด ๆ แบบนี้ ใครอยากได้เป็นสามีแห่งชาติบ้าง ?


          เปลี่ยนลุคแบบนี้บ้างก็ดี เพราะนับตั้งแต่ ฮอร์โมน เดอะ ซีรีส์ จนมาถึงละครเรื่องล่าสุด แบงค์ได้โชว์ให้โลกว่า เขาโตเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้วจริง ๆ แต่จะดีกว่านี้ ถ้าได้อ่านความคิดและมุมมองเรื่องงานที่แบงค์ อยากทดสอบความสามารถของตัวเขาในอนาคต

ทำไมถึงยอมเล่นบทActionเรื่องแรกในละครเรื่องจิตสังหาร ทางช่อง ONE31
           ผมรู้สึกว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ท้าทายตัวเรานะ ละครแอ็กชั่นมันเป็นรูปแบบการแสดงที่เราไม่เคยเล่นมาก่อนครับ เราไม่เคยรู้เลยว่ากว่าจะได้ซีนแอ็กชั่นซีนๆ หนึ่งมา บางทีต้องใช้เวลาถ่ายทำมากกว่าวันสองวัน บางที 3 วัน ก็ยังไม่เสร็จเลย เพราะมันมีทั้งเรื่องเอฟเฟกต์ เรื่องแอ็กชั่น การต่อยตี หรือว่าเรื่องของคิวต่าง ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ยากขึ้นอีกระดับหนึ่งเลยครับ


หลังจากที่ละครจบไปแล้ว เรารู้สึกกับละครแอ็กชั่นอย่างไรบ้าง
          รู้สึกโล่งครับ แต่จริง ๆ รู้สึกเหนื่อยเหมือนกันนะครับ เพราะว่าละครแอ็กชั่นค่อนข้างที่จะใช้ร่างกายเยอะ ขนาดเรามีโอกาสได้ไปเวิร์กช้อปมาก่อนทั้งเรื่องของการเซฟตัวเอง ในการตีลังกา การหมุน การต่อย การเตะ แต่ก็ยังมีสิ่งที่พลาดได้ในการถ่ายทำจริง อย่างเช่น มีซีนหนึ่งที่ผมต้องหมุนม้วนหน้าไปตีลังกาเอาปืนมายิง แต่ก็ลงผิดท่า เอาหลังลงพื้นก่อนจนหลังเดาะ ก็เลยรู้สึกว่าแอ็กชั่นเรื่องแรกของทุกคนเขาก็เป็นอย่างนี้กันหรือเปล่า หรือว่าเป็นเฉพาะเรา

ตั้งแต่ถ่ายมาซีนไหนที่ยากที่สุด แบบเยอะจนไม่อยากนับเทค
          ซีนยากที่สุดน่าจะเป็นซีนใหญ่ ที่มีทั้งตัวละครหลาย ๆ ตัวมารวมตัวกัน ต้องใช้ทั้งเอฟเฟกต์ระเบิด เผาไฟ ใช้ปืนลูกแบลงค์ แล้วก็ต้องต่อสู้โดยมือเปล่า มันทุกอย่างรวมกันในซีนเดียว มันเป็นซีนที่ยากมาก ถ้าเกิดว่าใครที่ติดตามดูในละครเรื่องนี้ก็จะเห็นซีนนั้นครับ


เมื่อกี้แบงค์บอกว่านี่เป็นงานที่ทำให้เราโตขึ้น อยากให้อธิบายตัวละครนิดหนึ่งว่า โตขึ้นอย่างไร
           สิ่งที่ผมบอกว่ามันโตขึ้นคือคาแรกเตอร์ของตัวละครตัวนี้ครับ ทัศน์ไท มีสิ่งที่จะต้องรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวง เพราะเป็นทั้งทายาทของเจ้าของธุรกิจ และมีมูลนิธิที่ตัวเองสร้างขึ้นมา เพื่อที่จะให้โอกาสคนที่ทำผิดพลาดในอดีตที่เคยติดคุกให้มีโอกาสได้กลับมาอยู่ในสังคมได้ปกติ มันจึงต้องแบกรับภาระหลาย ๆ อย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการคอนโทรลหรือว่าคอยเป็นลีดนำให้กับทีมงานของเราด้วย เราต้องดูแลคนจำนวนมาก ที่เป็นเหมือนคนในเหมือนในครอบครัว และนอกจากการที่ต้องคอยดูแลความเรียบร้อยแล้ว เรายังต้องเป็นคนสั่งการ เป็นผู้นำ มันเลยทำให้เราต้องอัปเพาเวอร์ของเราขึ้นมาในการควบคุมคน และการจัดการคนมากขึ้นด้วย

มาร่วมโปรเจกต์จิตสังหารได้อย่างไร
           มาแคสต์ครับ มีการออดิชั่นก่อนตอนแรก ทางทีมช่องวันส่งบทจิตสังหารส่งไปทางนาดาว แล้วทางนาดาวก็เลยส่งเรามาให้เรามาออดิชั่น


แต่พอเรารู้ว่าเราจะต้องมาเล่นละครแอ็กชั่นเรื่องแรก เราเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
          เตรียมใจมากกว่าครับ อย่างแรกคือเราต้องเตรียมใจก่อนว่า มันจะต้องหนักมากแน่ ๆ เพราะว่าเราไม่เคยเล่นละครบู๊มาก่อน ไม่เคยใช้ปืนที่ใช้ลูกแบลงค์มาก่อน ไม่เคยเข้าฉากแอ็กชั่นที่ต้องต่อสู้กับคนเยอะ ๆ มาก่อน แต่ทางทีมงานเขาก็ส่งไปเวิร์กช้อปคิวบู๊ก่อนที่จะมาเริ่มถ่ายทำจริงนะครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ ที่ได้ร่วมแสดงกับโอบ นิธิ อยากให้เล่าความแตกต่างจากซีรีส์เรื่องแรกกับเรื่องนี้ว่าเป็นอย่างไร
          เรื่องแรกที่เราร่วมงานกันคือ Spike! เป็นเรื่องของนักกีฬาวอลเลย์บอลที่อยู่ในช่วงมัธยม ตอนนั้นเราก็ค่อนข้างที่จะใกล้ตัวมาก ๆ เพราะอายุมันก็ยังไม่ค่อยห่างกัน เพิ่งจบจากมัธยมไปแค่ไม่กี่ปี แต่เรื่องนั้นมันก็จะยากตรงที่ว่า เราจะต้องเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลจริง ๆ ซึ่งเราก็มีการได้ไปฝึกซ้อมในการเล่นวอลเลย์บอล เพื่อที่จะเวลาเรามาแสดงจะได้ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าเราจะเล่นได้หรือไม่ ได้ในพาร์ตของนักกีฬาหรือไม่ เพราะว่าในเรื่อง Spike! จะมีทั้งเรื่องของดราม่า เรื่องกีฬาและเรื่องมิตรภาพของเพื่อนเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่พอมาเป็นเรื่องจิตสังหารเนี่ย จะเป็นการเล่าเรื่องมิตรภาพที่ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันแล้ว มีสิ่งที่จะต้องเดิมพันที่ใหญ่ขึ้น มีสิ่งที่จะต้องรับผิดชอบมากขึ้น แล้วตอนที่เราเล่นSpike!เนี่ย เรารับบทเป็นรุ่นน้องของพี่โอบ แต่มาเรื่องนี้เราเป็นเพื่อนที่เติบโตมาพร้อมกัน ผ่านประสบการณ์สารทุกข์สุขดิบมาด้วยกัน พี่โอบรับบทเป็นนภัสเขาเข้ามาอยู่ในครอบครัวเรา เขาก็เป็นเหมือนแบบคนที่คอยช่วยเหลือ คอยซัพพอร์ตเรา


แบงค์นี่อยู่วงการมาก็หลายปีแล้ว ตั้งแต่ Hormones Season 2 ใช่ไหม
          ใช่ครับ

จากนักเรียนมัธยมพอต้องมาเริ่มการแสดง ปรับตัวอย่างไร
           ก็ใช้วิธีการปรึกษารุ่นพี่ที่เขามีประสบการณ์ แล้วก็มีการเรียนแอ็กติ้ง ทั้งเรียนเป็นกลุ่ม แล้วก็เวิร์กช้อปและก็มีแบบไปลงเรียนเองด้วยครับ

เท่ากับว่าอยู่วงการมาก็ 7-8 ปี แล้ว
          ประมาณนั้นครับ นานเนอะ 

ถ้ามองย้อนกลับไปดูตัวเอง จากวันนั้นถึงวันนี้เรารู้สึกอย่างไรบ้าง
            จริง ๆ รู้สึกว่าเราได้เรียนรู้ในสายอาชีพนี้มากขึ้นนะครับ หมายถึงว่าเราได้เรียนรู้เทคนิคในการแสดงมากขึ้น เราได้เข้าใจการแสดงมากขึ้น เรามีโอกาสได้รับบทบาทที่มันหลากหลายมากขึ้น ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่เราปรารถนาหรือว่าเราตั้งใจอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่เราเริ่มเข้ามาในวงการนี้ครับ เราอยากจะลองบทบาทหลาย ๆ บทบาท ที่มันทั้งใกล้ตัวเราไกลตัวเรา หรือว่าที่มันชาเลนจ์หรือท้าทายเรา เพราะว่าเราตัดสินใจที่จะเข้ามาอยู่ในอาชีพนี้แล้ว เราก็อยากจะเรียนรู้มันให้ถึงที่สุด


แม้จิตสังหารจะเป็นแอ็กชั่นเรื่องแรก แต่รู้สึกว่าบทบาทที่แบงก์ได้ฉีกบทของตัวเองและทำได้ดีมาก ก็คือตอนที่เล่นเป็นไท ในรักฉุดใจ นายฉุกเฉิน
            เรื่องนั้นสำหรับผมเป็นเรื่องที่ยากที่สุดในชีวิตของผมแล้ว เท่าที่เคยทำการแสดงมาครับ เพราะมันค่อนข้างที่จะเล่นกับความรู้สึกของเรา แล้วก็ physical ทางร่างกายของเราด้วย ตัวไทเนี่ยเป็นคนที่ประสบอุบัติเหตุและต้องสูญเสียน้องสาวที่รักไป มันเป็นตัวละครที่ค่อนข้างที่จะ lost แล้วก็ไม่มีคนให้พึ่งพาอาศัย ต้องอยู่กับตัวเองคนเดียว ก็เลยทำให้เกิดจิตหลอนขึ้นมา คอยหลอกตัวเองอยู่ทุกวันว่า เรื่องราวทั้งหมดมันยังไม่เกิดขึ้น น้องสาวเรายังอยู่ ยังมีตัวตนอยู่ ซึ่งตอนนั้นผมค่อนข้างที่จะอินกับตัวละครตัวนี้มาก ๆ จนถึงขั้นว่าสลัดมันไม่ออก 
           ผมแยกไม่ออกว่า อันไหนคือตัวไท อันไหนคือตัวแบงค์ ธิติ เพราะว่าเราลงไป work กับตัวละครค่อนข้างลึกมาก ๆ ทั้งการสร้าง background story ให้กับตัวละคร การเชื่อในสิ่งที่ตัวละครรู้สึกว่าเขาสูญเสียน้องสาวไป แล้วก็การหลอกตัวเองอีกทีหนึ่งว่าเรายังไม่สูญเสียน้องสาว มันก็ทำให้เราอินกับตัวละครตัวนั้นมาก ๆ จนถึงขั้นว่าช่วงนั้นอารมณ์แปรปรวนมากครับ ผมพยายามที่จะอยู่กับตัวเองคนเดียว ไม่ค่อยออกไปสุงสิงหรือว่าเจอกับใครเท่าไร ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วตัวผมเองเป็นคนที่ค่อนข้างที่จะชอบไปสังสรรค์ไปเจอเพื่อน ๆ

แล้วกว่าจะสลัดออกมาได้นานไหม ปรับตัวนานไหม
            ก็ค่อย ๆ ครับ ใช้เวลาก็เป็นเดือนเหมือนกัน หมายถึงว่าค่อย ๆ เอาตัวละคร เอาความคิดของตัวละครออกไปจากตัวเรา เอาท่าทางอะไรอย่างนี้ออกไปจากตัวเรา มันก็ต้องใช้เวลานิดหนึ่ง แต่ว่าโดยปกติแล้วเวลาผมเล่นละครเรื่องไหนผมจะเป็นคนที่คัตตัวละครออกง่ายมาก ๆ แต่กับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะมันอาจจะเกี่ยวข้องกับการที่เราเอาคาแรกเตอร์ตัวละครไปฝึก เราไปฝึกไปทำงานกับตัวละครด้วยตัวเองครับ


ถ้าในอนาคต ถ้ามีผู้กำกับหรือผู้กำกับละครมาเสนอบทแนวนี้อีก แบงก์จะ
            ก็สนใจนะครับ เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นบทที่ท้าทายและสนุกมาก พอเราเชื่อในตัวละครมาก ๆ จนทำให้เราไม่ต้องแคร์ว่าเราจะเล่นถูกหรือว่าเล่นผิด แค่เราเป็นตัวละครนั้นในละครเรื่องนั้น ๆ มันก็ทำให้เราสามารถอิมโพรไวส์หรือว่าทำอะไรก็ได้ในฐานะตัวละครตัวนั้น รู้สึกว่าผมสนุกมากตอนที่ผมเป็นไท

แบงก์เริ่มเล่น Hormones นั่นยังอยู่ ม.ปลาย ต้องไป ๆ มา ๆ ระหว่าง ขอนแก่นกรุงเทพฯ คิดว่าการที่เราต้องทำงานตั้งแต่เด็ก มันทำให้เราชีวิตวัยรุ่นของเราหายไปไหม
             ไม่หายนะครับ ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนที่ใช้ชีวิตวัยรุ่นได้ค่อนข้างคุ้มเหมือนกัน เพราะว่าเราแบ่งส่วนได้มั้งครับ ในพาร์ตของการทำงาน แล้วก็พาร์ตของการใช้ชีวิต เพราะผมตั้งเป้าหมายของตัวเองว่า เราอยากจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตในทุกช่วงอายุของเราให้เต็มที่ที่สุด พอเรามากรุงเทพฯ เราทำงานด้วย เราก็มีเพื่อนที่อยู่ที่นี่ด้วย เราได้มาเจอวัยรุ่นกรุงเทพฯ ได้มาเจอวิถีชีวิตของวัยรุ่นกรุงเทพฯ ซึ่งก็แตกต่างกับที่ขอนแก่นเหมือนกัน ที่ขอนแก่นเราไม่ได้มีสถานที่เที่ยว อย่างห้างสรรพสินค้า พารากอน สยาม เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว แต่ที่ขอนแก่นก็มีแค่แฟรี่ เซ็นทรัลขอนแก่น หรือว่าไม่อย่างนั้นเราก็ต้องไปที่เขื่อนอุบลรัตน์เลย เพื่อไปแฮงค์เอาต์กับเพื่อน ๆ ครับ


แบงก์เล่นหนังมา เรื่องแล้ว ซีรีส์ก็อีกมากมาย ระหว่างหนังกับซีรีส์ชอบอะไรมากกว่ากัน
            ชอบหนังครับ ผมชอบทั้งวิธีการถ่ายทำและวิธีการเล่าเรื่องของหนังมากกว่า แต่ผมไม่ได้บอกว่าไหนดีกว่านะครับ แต่ผมแค่ชอบวิธีการแสดงและการเล่าเรื่องแบบหนังมากกว่า เพราะเรารู้สึกว่าเรามีเวลาที่จะทำให้คนดูได้เห็นประมาณ 1-2 ชั่วโมง ใช่ไหมครับ แล้วคนดูก็จะต้อง concentrate กับเราตลอดเวลา สำหรับหนังโรง คนที่จะเข้าไปนั่งเพื่อดูทั้งการสื่อสารของเรา แอ็กติ้งของเรา แล้วก็ตัวเนื้อเรื่องด้วย แต่ว่าละครและซีรีส์เนี่ยมันยังมีเวลา มันก็ดีอีกอย่างหนึ่ง คือมันมีเวลาในการพัฒนาตัวละคร พัฒนาความสัมพันธ์ต่อไป แต่ผมเลือกที่จะชอบหนังมากกว่า เพราะว่ามันค่อนข้างที่จะท้าทายเหมือนกันนะครับ กับการที่เราจะแสดงหนังเรื่องหนึ่ง แล้วมีคนยอมเสียเงินเพื่อเข้าไปดูการแสดงของเรา

เมื่อไรจะได้ดูเรื่องที่ 3
            นั่นสิครับ ผมก็หวังว่าเร็ว ๆ นี้นะครับ เพราะว่าผมก็อยากจะแสดงหนังอีก


อยู่วงการมาก็หลายปีแล้ว ตั้งเป้าในอนาคตของเราว่าอย่างไรบ้าง
           คือเรายังอยากหาสิ่งที่เราอยากทำอยู่นะครับ หมายถึงถามว่าอาชีพนักแสดงมันเป็นสิ่งที่เราชอบไหม มันก็เป็นสิ่งที่เราชอบและเป็นสิ่งที่เรารักนะครับ เราเต็มที่กับมันทุกครั้งที่เราได้มีโอกาสทำมัน แต่เราก็รู้สึกว่าอนาคตเราอาจจะมีเวย์อื่นในการที่เราจะชอบด้วย อย่างเช่น ตอนนี้ผมก็เริ่มสนใจในเรื่องของการทำธุรกิจ เรื่องของการดูแลคน อาจเป็นเพราะว่าเราอาจจะเติบโตมากับครอบครัวที่ทำธุรกิจมาก่อน แล้วก็อยู่ในตัวเรามาตั้งแต่เด็ก ๆ เราก็เลยรู้สึกว่าเราอยากจะลองไปทำโรงแรม (แมมมอธ รีสอร์ต) ที่บ้านดูให้มันดีขึ้นกว่าที่พ่อแม่เราทำ

สมมุตินะ ถ้าวันนั้นเราไม่ได้ตัดสินใจมาร่วมงานกับ Hormones วันนี้แบงค์จะทำอะไร?
          นั่นน่ะสิครับ ผมก็คิดไม่ออกเหมือนกันนะครับ อาจจะอยู่ front ของโรงแรมคอยต้อนรับแขก แล้วก็ศึกษางาน แล้วก็ลองต่อยอดในอนาคตที่เราจะสามารถช่วยให้ครอบครัวได้ครับ


มีอะไรในวงการบันเทิงที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำอีกบ้าง ทั้งบทบาทการแสดง หรือตำแหน่งอื่นๆ
          จริง ๆ ก็ได้ทำค่อนข้างเยอะแล้วนะครับ แต่ในเรื่องของพาร์ตการแสดง ผมยังมีบทบาทที่ยังอยากเล่นอีกหลายบทบาทเลย ที่อยากเอาตัวละครตัวนั้นมาศึกษา แล้วก็ดีเวลลอปให้เข้ากับตัวเราและถ่ายทอดออกไป เช่น น้ำพุ เล่นเป็นตัวละครชื่อ น้ำพุ หรือเคยคิดเล่น ๆ ว่า เป็นเด็กผู้ชายที่อายุเท่าผมก็ได้ แล้วก็ประสบอุบัติเหตุ ทำให้สมองกลับไปคิดว่าตัวเองยังเป็นเด็กทารกอยู่ แต่ร่างกายเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็น่าสนใจดี

อย่างน้ำพุที่สนใจนี่เคยอ่านนิยายต้นฉบับหรือเปล่า
          ผมเคยอ่านหนังสือนอกเวลาเล่มสีชมพู ที่บ้านก็ยังมีอยู่เลย อ่านแล้วรู้สึกชื่นชอบมาก อยากจะศึกษาตัวละครตัวนี้ดูว่า เขารู้สึกอย่างไร ทำไมเขาถึงต้องไปใช้สารเสพติด หรือว่าอยากเข้าไปเรียนรู้ ไปค้นหาว่าเขามีปมอะไรในครอบครัว คนรอบข้างเขา หรือว่าอะไรทำให้เขาเป็นคนแบบนั้น หรือเพราะสังคมหรือเปล่า ที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนแบบนั้น


เคยเอาโปรเจกต์นี้ไปคุยกับผู้ใหญ่บ้างมั้ย
          จริง ๆ เคยคุยกับพี่ย้งนะครับ แต่เขาก็บอกว่ามีคนที่เคยเล่นมาแล้ว

แต่การตีความใหม่ให้มันเข้ากับยุคสมัยมันก็น่าสนใจนะ
           เขาก็บอกเหมือนกันนะครับว่า ถ้าเกิดเป็นเนื้อเรื่องเดิมมันอาจจะไม่ได้ทัชกับคนยุคสมัยนี้แล้ว อาจจะต้องมาดีเวลลอปใหม่ เพื่อที่จะให้เข้ากับยุคสมัยนี้ด้วย

Text by Takeshi West
Source : Photo
          https://www.one31.net/news/detail/46658
          https://www.facebook.com/HormonesTheSeries

]]>
“สิ่งที่ทำได้กับสิ่งที่ชอบ” ของ โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ https://marshomme.com/aboy/531920/ Fri, 09 Jul 2021 02:58:00 +0000

        การโคจรกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของ โอบ-โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ และ แบงค์- ธิติ มหาโยธารักษ์ ในละครเรื่องจิตสังหาร ทางช่องวัน 31 เรียกเสียงกรี๊ด จากบรรดาแฟนคลับได้ไม่น้อย แม้ทั้งคู่จะโตและมีชื่อเสียงไล่เลี่ยกันมาจาก ฮอร์โมน เดอะ ซีรีส์ ทว่าในส่วนของ โอบ- โอบนิธิวิวรรธนวรางค์ นั้นดูจะได้รับบทบาทการแสดงที่หลากหลายมากกว่า

        การร่วมงานกันครั้งใหม่จึงมีเรื่องราวสนุกสนานที่อยากฟังจากปากหนุ่มคนนี้ โอบเล่าสั้นๆ ว่า

        “นี่เป็นการถ่ายทำที่ยาวนานมากประมาณปีครึ่ง ถ่ายๆ หยุดๆ เพราะมีเหตุการณ์โควิด-19 เข้ามาเบรก”


การร่วมงานในจิตสังหาร
        จริง ๆ ทางช่อง One ติดต่อมาครับ ว่าอยากให้ไปแคสต์ร่วมกับแบงค์ ทีนี้ทางฝั่งนาดาวได้อ่านบทดู เราก็รู้สึกว่าก็น่าสนุกดี ส่วนพี่ย้งเองก็บอกว่าอยากเห็นวันที่โอบกับแบงค์มาร่วมแสดงละครด้วยกันอีกครั้ง ก็เลยตัดสินใจใหม่มาแคสต์ร่วมกัน ตอนแรกยังไม่รู้หรอกครับว่าใครจะเล่นเป็นใคร มี 2 บท นภัสกับทัศน์ไท สุดท้ายสรุปออกมาก็คือผมรับบทเป็น นภัส แล้วแบงค์รับบทเป็น ทัศน์ไท

เล่าคาแรกเตอร์ของนภัสให้ฟังหน่อย
        คาแรกเตอร์ของนภัส เป็นเด็กกำพร้าครับ ที่ถูกบ้านของทัศน์ไทเก็บมาเลี้ยง และเลี้ยงให้เป็นเพื่อนทัศน์ไท เป็นเหมือนคนในครอบครัวคนหนึ่ง ทัศน์ไทก็เลยจะกลายเป็นคนพิเศษ นอกจากนี้ทัศน์ไทกับนภัสเกิดวันเดียวกัน ปีเดียวกันด้วย นภัสจึงเป็นเหมือนเพื่อนของทัศน์ไท ซึ่งก็มีเพื่อนคนเดียวมาตั้งแต่เด็ก ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็กจนโต

แต่ทั้งโอบและแบงค์ ทั้งคู่แจ้งเกิดมาพร้อมกันใน ฮอร์โมน เดอะ ซีรีส์
        ใช่ครับ ของผมจะเป็น Hormones Season 1 แบงค์จะเป็น Hormones Season 2


ตอนนั้นมาจอยกับนาดาวได้อย่างไร
        ทางทีม Hormones ไป Scout นักแสดงที่โรงเรียนผม เขาก็มาเดินดูตามแถวตอนเคารพธงชาติ แล้วก็เรียกออกไปถ่ายรูป ถ่ายไปนานมากประมาณ 2 เดือน แล้ววันหนึ่งก็มีคนโทรมาเรียกให้ไปแคสต์ Hormones จากนั้นก็เงียบไปนานเหมือนกัน ผมก็คิดว่าไม่เป็นไร แต่จู่ๆ ก็โทรมาบอกว่าได้เล่นบทนี้ พี่ย้งถามว่า อยากมาอยู่ที่นี่ไหม อยากเซ็นสัญญาไหม ผมบอกสนุกดีได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ก็เลยตัดสินใจเซ็น

กี่ปีแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่เราเล่น Hormones มาจนถึงวันนี้
        ตอนนั้น 18 ครับ ปีนี้ 27 ประมาณ 9 ปี ครับ

เกือบ 10 ปี ที่เราอยู่วงการบันเทิงมาเรียนรู้อะไรบ้าง
        มันทำให้ผมโตเป็นผู้ใหญ่เร็วขึ้นกว่าคนปกติ ผมสามารถรับผิดชอบจัดการชีวิต อย่างตอนนั้นเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ก็จะต้องเรียนหนังสือด้วยทำงานไปด้วย ส่วนเพื่อนคนอื่นเขาก็เรียนชิล ๆ ตกเย็นก็กินข้าวปาร์ตี้กัน ส่วนผมบางครั้งถ้าขาดเรียนไม่ได้จริง ๆ ก็ต้องเข้าเรียน ตอนกลางคืนก็ต้องกลับมานั่งอ่านหนังสือ หรือว่าฟังเทปลอกเลคเชอร์จากเพื่อน ซึ่งมันอาจจะทำให้เราขาดส่วนนั้นไป หมายถึงว่าการใช้ชีวิตในส่วนของมหาวิทยาลัย แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไร ผมก็พอ manage ตัวเองได้ ก็ลองใช้ชีวิตดู รู้สึกว่าในเมื่อเราเลือกทางนี้แล้ว คงถูกลิขิตมาให้เป็นแบบนี้

เราอยู่ในจุดที่เราพอใจหรือยังกับวงการบันเทิง
        ผมรู้สึกว่าตัวเองมาไกลกว่าที่คิดไว้เยอะมาก ๆ ผมไม่ได้คิดว่าตัวผมจะเป็นอาชีพนักแสดงใช้อาชีพนี้ยึดเป็นอาชีพหลักด้วยซ้ำไป ผมเคยคิดว่า ทำไมวันหนึ่งมันมีคนถามว่าทำไมเรายังอยู่ที่เดิม คนอื่นก้าวผ่านเราไปไกลแล้วนะ ผมรู้สึกว่าการคิดแบบนั้น ไป ๆ มา ๆ มันทำให้เกิด toxic สำหรับตัวเองเปล่า ๆ ผมแค่ appreciate ว่าเราใช้ชีวิตมาถึงทุกวันนี้โดยที่มันผ่านอะไรมาเยอะแยะขนาดนี้ได้ มันเป็นเรื่องที่เกินกว่าที่เราคิดไว้แล้ว ซึ่งก็เป็นการเปลี่ยนมุมมองเปลี่ยนความคิดทำให้รู้สึกว่าสบายใจขึ้น ใช้ชีวิตสนุกมากขึ้น ตั้งใจทำงานต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะประสบความสำเร็จ


ความฝันในวัยเด็กของเราเป็นอย่างไร
        ตอน ม.6 ผมอยากเป็นหมอ แล้วไป ๆ มา ๆ ช่วงจะสอบเรารู้สึกว่ามันไม่น่าจะชอบสิ่งสิ่งนี้ จริง ๆ วิชาอย่างเคมี ฟิสิกส์ เราไม่ค่อยได้ แต่ที่เราเรียน มันจะเป็นความคิดระหว่าง “สิ่งที่ทำได้กับสิ่งที่ชอบ” ไม่สัมพันธ์กัน คือถ้าถามว่าเราฝืนเรียนต่อไปตอนนั้นได้ไหม เราเรียนได้ แต่เราแค่ไม่ชอบและจะเอนจอยกับมันอย่างไร เรารู้สึกว่าเราอาจจะเจอทางที่ใช่มากกว่า

        ผมชอบเรียนพวกตัวเลข แล้วก็เลยมาเลือกเรียนเศรษฐศาสตร์ แต่พอมาเรียนจริงก็ suffer อยู่เหมือนกันครับ เพราะตอนที่เราเรียน demand supply สมัย ม.ปลาย มันง่าย ชีวิตมหาวิทยาลัยน่าจะง่าย แต่จริงๆ ไม่ง่ายครับ มาเทอมแรกที่เรียนเศรษฐศาสตร์ วิชาคณะ ได้ D งงเลยว่าเกิดอะไรขึ้นวะ ปกติผมเป็นคนตั้งใจเรียนนะ ทำไมถึงได้แค่นี้ ปีแรกเรียนผมกะจะซิ่ว แต่ซิ่วไม่ติด คะแนนปีต่อมาสูงมาก ก็ไม่เป็นไรในเมื่อเราไม่ได้เราก็คงต้องเรียนที่นี่ เราก็เรียนต่อไป แต่ว่าเราไปเลือกเปลี่ยน major minor คือพอ minor เราก็ไปเลือกเป็นวิชาพวก JC ก็เป็นพวกวารสารแทน

เล่นหนังมา 2 เรื่อง เรื่องที่ 3 ก็มีแล้ว รู้สึกว่าโอบจะถูกโฉลกกับหนังมากกว่าซีรีส์
        ใช่ครับ ถ้าถามว่าการทำงานในรูปแบบของซีรีส์ หนัง ละคร ชออันไหน ผมตอบได้เลยว่าชอบหนัง เพราะว่ามันใกล้เคียงชีวิตจริงมากที่สุด เอามา adapt ใช้ หรือเอามาปรับใช้ เอามาเป็นตัวช่วยในชีวิตประจำวันได้ง่าย แต่ว่าการจะได้หนังเรื่องหนึ่งมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

หนัง 3 เรื่องที่ร่วมแสดงทั้ง อนธการ, แสงกระสือ กับหนังเรื่องใหม่ อะไรที่ทำให้เราสนใจที่จะเลือกแสดง 3 เรื่องนี้
        อนธการเป็นเรื่องการเปิดตัวของการแสดงเรา ในบทเกย์ เรารู้สึกว่าวันที่เราเล่นเราแค่อยากจะแสดงออกว่า จริง ๆ แล้วคนกลุ่มนี้เขาก็เป็นคนมีหัวใจเหมือนกันนะ ไม่ใช่เราไปกดเขา ซึ่งช่วงนั้นยังไม่ถูกการยอมรับมากขนาดนี้ ผมรู้สึกว่าเราอาจจะเป็นตัวแทนหนึ่งที่จะได้ตีแผ่ชีวิตของเพศที่สาม และผมรู้สึกว่ามันก็เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ท้าทายเรา


        ส่วน แสงกระสือ นี่ผมอยู่ในกระบวนการมาตั้งแต่เป็น Pilot ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเนื้อเรื่องคืออะไร บทใกล้จะเสร็จแล้ว แต่ยังไม่บอกว่าคืออะไร แค่ไปถ่าย Visual เพื่อเอาไปขายสปอนเซอร์ต่าง ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะขายได้ไหม ไม่รู้ว่าลูกค้าจะซื้อไหม ให้สปอนเซอร์ไหม แต่ก็ทำผมเชื่อมั่นในตัวพี่โดม ผู้กำกับ


        ส่วนหนังเรื่องที่ 3 มันท้าทายตรงที่เราต้องพูดภาษาอีสานทั้ง ๆ ที่เราเป็นคนกรุงเทพฯ แต่ว่าสิ่งที่ยากคือเราต้องพูดภาษาอีสานให้ได้สำเนียงของคนอีสาน แต่ว่าสำเนียงของคนอีสานเนี่ย เขาจะแบ่งตามภูมิภาคก็คือ อีสานขอนแก่นจะไม่เหมือนอีสานพวกหนองคาย ตอนถ่ายทำทางทีมจะให้คนประกบผม เพื่อบังคับให้ผมไม่พูดภาษากลาง ให้ผมพูดภาษาอีสาน ถูกผิดพูดไปก่อน ซึ่งเรื่องนี้ถ้าถามว่าแตกต่างจากเรื่องอื่นไหม แตกต่างครับ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เครียด ส่วนใหญ่เวลาเห็นผมเล่นหนัง ผมจะได้รับบทแต่เรื่องเครียด ๆ

แล้วซีรีส์เรื่องนี้ต่างจากเรื่องอื่นที่เราเคยแสดงมาอย่างไรบ้าง
        เรื่องนี้ก็เครียดครับ (หัวเราะ) แต่เรื่องนี้จะแตกต่างไปจากเรื่องเดิมตรงที่ว่าดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ทัศน์ไทกับนภัสเนี่ยผ่านอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยกัน แต่ยากกว่านั้นคือเรื่องนี้เป็นละครบู๊เแอ็กชั่นเต็มตัว ซึ่งผมเคยร่วมงานกับช่อง One มาแล้ว เรื่อง รักไม่ลืม ตอนที่ผมออดิชั่น เขาพูดกับผมว่า เรื่องนี้เป็นรักใส ๆ ของวัยรุ่นเลย สนุกแน่นอน ตัดภาพออกมา โอ้โฮ ผมบู๊ไปเยอะอยู่พอสมควร โดนรุมสะกำเต็มไปหมด ตั้งใจว่าจะไม่เล่นบทบู๊ๆ อีก พอวันที่ต้องเข้ามาแคสต์ ผมเดินเข้าไปในห้องประชุม เขาประชุมกันอยู่เราก็บอกว่า ตอนนี้ผมว่างอยู่นะครับ จ้างได้แต่ผมขอไม่เอาละครบู๊แล้วนะครับ สักพักเรื่องนี้ติดต่อมา แล้วบอกว่าเป็นบู๊เต็มตัวนะ โอ้โฮ แต่ก็ตัดสินใจมาเล่นนะ

ผลงานที่ผ่านมาทั้งหมดโอบชอบคาแรกเตอร์ไหนมากที่สุด
        ถ้าเร็ว ๆ นี้นึกออกเรื่องเดียว น่าจะเป็นคลับสะพานฟาย เป็นซีรีส์ที่ออนก่อนหน้านี้ ตอนหนึ่งชื่อตอนว่า คู่เวร คู่กรรม ผมชอบตรงที่มันเป็นคาแรกเตอร์ฉีกแนว เหมือนไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์ แล้วก็ตลกมาก หมายถึงว่าเล่นไปขำไปว่า เฮ้ย ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้ได้ ผมก็รู้สึกว่ามันดีตรงที่เราได้ไป explore อะไรต่าง ๆ ที่เราไม่เคยทำ


แล้วเมื่อไรจะเห็นโอบ นิธิ เล่นซีรีส์วายสักเรื่องหนึ่งแบบเต็มตัว
        คือไม่ใช่ว่าเราปฏิเสธนะครับ แต่เราแค่กำลังหาบทกับคู่เล่นของเราด้วยมั้ง คือเวลาผมตัดสินใจอะไรสักอย่าง ผมจะดูเรื่องบทก่อนเป็นอย่างแรก อย่างที่สองอย่างที่สามคือผู้กำกับกับนักแสดงร่วม

เต ตะวัน วิหครัตน์ ไง ในทวิตเตอร์กระแสดีนะ
        โอ้โฮ ก็ผมเคยร่วมงานกับพี่เตมาแล้ว จากที่ผมเล่นคู่กับแพต กลายเป็นคนมาเชียร์ผมคู่กับพี่เตแทน ส่วนในทวิตเตอร์ก็ดีครับผม แกล้งกันเล่น ๆ ปกติไปเรื่อย ๆ เพราะจริง ๆ เราสนิทกันครับ อย่างช่วงที่ไม่ได้เจอกันก็จะโทรหาหรือว่ามี Video Call ไปหาบ้าง จริง ๆ ก็จะพยายามนัดแต่ไม่ประสบความสำเร็จ คือเขางานยุ่ง เราก็งานยุ่ง เคยชวนพี่เตไปกินหมูกระทะกัน ตั้งแต่ต้นปีที่แล้วจนบัดนี้ยังไม่เคยได้กินเลยครับ

โอบตั้งเป้ากับการอยู่ในวงการบันเทิงไว้แค่ไหน
        ผมคิดไว้ว่า ถ้ายังมีคนจ้างอยู่ผมก็ยังทำ มันเป็นสิ่งที่อันลิมิตครับ มันได้ไปลองทำสิ่งใหม่ ๆ สร้างประสบการณ์ให้ผม เช่น วันหนึ่งถ้าสมมติว่า ผมต้องไปเล่นบทที่มันต้องขี่ม้า เอาจริง ๆ ชีวิตจริงถ้าสมมติผมไปขี่ม้า เป็นคนปกติที่ทำงานทั่วไป ผมคงไม่ได้มีประสบการณ์ที่ว่าวันหนึ่งผมจะไปอะไรแบบนั้น ผมต้องทำงาน วันเสาร์-อาทิตย์ ผมก็คงอยากอยู่บ้าน ผมก็คงไม่ได้ออกไปนั่งขี่ม้าเพื่อที่จะเอามาใช้ในการทำงานของผม ผมรู้สึกว่ามันได้ประสบการณ์ได้ลองอะไรใหม่ ๆ


อยากจะชาเลนจ์ตัวเองในบทบาทการแสดงไหนบ้าง
        บทที่ยังไม่เคยทำ ผมคิดว่าน่าจะเป็น หนังผีจ๋าครับ แบบกลัวผีจัด ๆ อันนี้ยังไม่เคยแสดง อันดับ 2 คือดราม่า ดราม่าปกติจะเห็นเป็นบางซีน แต่ผมยังไม่เคยเล่นซีนที่เป็นผู้ป่วย หรือเป็นคนที่ต้องใช้ดราม่าหมดทั้งเรื่อง อันนี้อยากลองดูเหมือนกัน แล้วก็น่าจะเป็น Comedy จ๋าเลย อันนี้เหมือนเป็นไบโพล่ามากเลยนะ อยากหนีผี อยากจะเศร้าจัด ๆ แล้วก็ไป Comedy จ๋าๆ เลย

ฝากผลงานจิตสังหารหน่อย
        โอบอยากฝากละครเรื่องจิตสังหารด้วยนะครับ จะออนแอร์ทางช่อง One เริ่มวันที่ 14 มิถุนายน นี้ เวลา 20:30 น. วันจันทร์-อังคาร ถ้าถามว่าเรื่องนี้จะสนุกอย่างไรผมบอกได้ว่าเรื่องนี้เนี่ยตัวของพระเอกก็คือทัศน์ไท จะมีปัญหาเข้ามาให้ต้องแก้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็จะไม่สามารถแก้คนเดียวได้จะต้องมีทีมที่คอยช่วยเหลือเขา และเขาจะสามารถพิสูจน์ตัวเองได้ไหมว่าตัวเองไม่ใช่คนที่ผิด แล้วจะพิสูจน์ด้วยวิธีการไหน อยากให้ทุกคนติดตามกันครับ


จิตสังหาร
ทุกวันจันทร์-อังคาร 20:30 น. ทางช่องวัน 31
Text by Takeshi West

]]>