ละแวกข้าวสารถ้าจะหาโรงแรมพักหลังจากปาร์ตี้คืนอันหนักหน่วงแล้ว เชื่อว่าชื่อของโรงแรมไอบิส สไตล์ กรุงเทพ ข้าวสาร เวียงใต้ น่าจะถูกจัดอยู่ในลิสต์อันดับต้นๆของใครหลายคน นอกจากการบริการของที่นี่ถูกพูดถึงอย่างมากแล้ว คนรักปาร์ตี้จะโปรดปรานเป็นพิเศษเพราะเพียงแค่ก้าวเท้าลงจากห้องพักก็สามารถมาแฮงค์เอาท์กันได้ที่บาร์และคาเฟ่ชั้นล่างของโรงแรม ยังได้สัมผัสบรรยากาศของถนนรามบุตรี (ถนนคู่ขนานกับถนนข้าวสาร) ทั้งแสง สี เสียงสุดครึกครื้นยามค่ำคืนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของย่านที่มีชีวิตชีวาที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ หรือจะนอนชิลล์ผ่อนคลายริมสระน้ำก็รีแลกซ์สุดๆ
ไม่นานมานี้ โรงแรมไอบิส สไตล์ กรุงเทพ ข้าวสาร เวียงใต้ หนึ่งใน 9 โรงแรม flagship ของแบรนด์ไอบิส สไตล์ ในเครือแอคคอร์โฮเทล ได้ถูกรับเลือกให้เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน ibis Styles by Us เพื่อจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่ายที่มีการแข่งขันระดับโลก ภายในงานมีการจัดแสดงภาพถ่ายจากผู้ชนะทั้ง 11 ท่านทั่วโลก และผลงานภาพถ่ายของอินฟลูเอนเซอร์จากประเทศสเปน มร. แดเนียล รูเอด้า (@DrCuerda) และมิสแอนนา เดวิส (@Anniset)
ภายในงานทางโรงแรมก็ยังมีเวิร์กช็อปการทำอาหาร ไม่ว่าจะเป็นผัดไทย เบอร์เกอร์ ขนมฮอทดอก รวมถึงเครื่องดื่มอย่างมาร์การิต้าและม็อกเทล และมียังมีพื้นที่ของคนที่ชอบงาน DIY แต่ที่สนุกสุดๆของงานอยู่ที่ช่วงท้ายกับมินิคอนเสิร์ตจากวง Tattoo Colour งานนี้ทั้งสนุกและเสพงานศิลป์ไปพร้อมๆ กัน
นอกจากนี้ยังเปิดตัวแพลตฟอร์มน้องใหม่ Sanook7 ที่ว่ากันว่าจะเป็นแหล่งรวบรวมข่าวสารภูมิภาคในระดับเจาะลึกทุกจังหวัดทั่วไทย ตามสโลแกน ‘สนุกทุกจังหวัด’ ด้วยการนำเสนอข่าวสารแบบเต็มสูบ ไปจนถึงแหล่งที่ท่องเที่ยว-กิน มุ่งหมายเป็นคอมมูนิตี้ระดับท้องถิ่นเพื่อคนทั่วประเทศอย่างแท้จริงผ่านทางเว็บไซต์ www.sanook77.com
แน่นอนว่าภายใต้การรีแบรนด์ทั้งที ครั้งนี้ถือเป็นการรีแบรนด์รวมไปถึงโลโก้เป็นครั้งที่ 5 ก็ต้องมีอะไรสนุกๆกว่าเดิม ด้วยปาร์ตี้ Sanook กว่าเดิม ศิลปินที่มาทำให้งานสนุก มีตั้งแต่กอล์ฟ ฟักกลิ้ง ฮีโร่,แจ๊สสปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊กหรือแจ๊ส ชวนชื่น ปิดท้ายไปกับ 2 ดีเจรับเชิญ DJYP และ DJ GAYAIMS
ถ้าพูดถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแล้วอันดับแรกต้องนึกถึงเรื่องการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หลายคนอาจตั้งข้อสงสัยไว้ในใจว่ารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้านั้นจะเร็วและแรงเทียบเท่ากับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันทั่วๆ ไปได้หรือไม่ รวมไปถึงเรื่องการชาร์จไฟกรณีที่แบตเตอรี่หมดจะต้องทำอย่างไร เรามีคำตอบให้ในย่อหน้าถัดไป
Easy Drive :
ความโดดเด่นของรถยนต์รุ่น NEW MG ZS EV ว่ากันว่าแม้จะเป็นรุ่นที่ใช้ไฟฟ้าทั้งหมด หายห่วงเรื่องอัตราความรวดเร็วมาพร้อมการขับขี่ที่เงียบ ไร้เสียงรบกวน เพราะมีระบบควบคุมแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีพละกำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ (150 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรสามารถเร่งจาก 0-50 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ด้วยระยะเวลาแค่ 3.1 วินาที และให้ระยะทางขับเคลื่อนสูงสุด 337 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC หรือมาตรฐานการทดสอบความประหยัดน้ำมันและมลพิษของยุโรป และยังมีมอเตอร์ไฟฟ้า แบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ได้รับการพัฒนาให้ส่งกำลังได้ดีเยี่ยม และช่วยระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น พร้อมแบตเตอรี่ แบบลิเธี่ยม ไอออน (Lithium-ion) ความจุ 44.5 kWh ที่ผ่านการรับรองและทดสอบตามมาตรฐานสากล โดยสามารถวิ่งผ่านน้ำที่มีความสูงได้ถึงกว่า 40 เซนติเมตร ในขณะที่แบตเตอรี่ยังคงสามารถทำงานได้ตามปกติอีกทั้งยังมีระบบการปกป้องแบตเตอรี่แบบ 360 องศา
ส่วนเรื่องความปลอดภัยก็เป็นหัวใจหลักที่ทาง MG ไม่เคยมองข้าม สำหรับรุ่นนี้เขามีระบบ Advanced Synchronized Protection System ทั้งโครงสร้างตัวถังนิรภัย (FSF) ระบบความปลอดภัย Synchronized Protection System ทั้งหมด 9 ระบบ และระบบเสริมความปลอดภัยในขณะขับขี่ Advanced Driver-Assistance Systems เป็นต้นว่า ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection) เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) พร้อมระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer ตลอดจนถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยรวม 6 จุด รวมถึงกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์ น่าจะช่วยให้หมดกังวลไปได้สำหรับเรื่องนี้
Easy Charging :
ความกังวลอันดับแรกๆก่อนจะซื้อรถไฟฟ้า เชื่อแน่ว่าต้องเป็นเรื่องของที่ชาร์จ ความกังวลใจในเรื่องนั้นจะคลี่คลายลงไปเมื่อเราได้ข้อมูลมาว่า ทางเอ็มจี ได้ลงนามความร่วมมือกับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เพื่อติดตั้งสถานีชาร์จ EA anywhere ให้กับโชว์รูมของเอ็มจี ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ถึง 107 แห่งทั่วประเทศ และกำลังจะขยายเป็น 130 แห่งภายในปีนี้ อีกทั้งยังได้ลงนามความร่วมมือกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในการติดตั้งที่ชาร์จ เพื่อเป็นการลดข้อจำกัดและคลายความกังวลของผู้บริโภคในการที่จะตัดสินใจใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ชาร์จไฟขณะขับขี่
NEW MG ZS EV ยังมาพร้อมระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ที่สามารถ ชาร์จพลังงานในระหว่างการขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative) ที่สามารถเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับได้ถึง 3 ระดับ นอกจากนี้ ยังสามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ 3 รูปแบบ โหมดการขับขี่แบบ Eco เพื่อการประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น แบบ Normalสำหรับการขับขี่ทั่วไป และ แบบ Sport เพื่อการขับขี่ที่เร้าใจส่วนการชาร์จไฟของรถยนต์รุ่น NEW MG ZS EV มี 2 รูปแบบด้วยกัน คือการชาร์จไฟแบบธรรมดา (Normal Charge) ผ่าน MG Home Charger ใช้เวลาชาร์จไฟจาก 0-100% ในระยะเวลาเพียง 6.5 ชั่วโมง และการชาร์จไฟแบบเร็ว (Quick Charge) ผ่านสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะ (Public Charging Station) โดยใช้เวลาชาร์จไฟจาก 0-80% ในระยะเวลาเพียง 30 นาที
Easy Connect : i-SMART
i-SMART ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถยนต์เอ็มจี ใน 3 แกนหลัก ด้วยการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย หรือ SMART Command เชื่อมต่อผ่านหน้าจอภายในรถ หรือ SMART Connect และด้านการตรวจเช็ครถจากมือถือ หรือ SMART Check ซึ่งผู้ขับขี่ NEW MG ZS EV จะสามารถเช็คระดับพลังงานคงเหลือของแบตเตอรี่ การเช็คสถานะและระยะเวลาของการชาร์จแบตเตอรี่แบบเรียลไทม์ รวมไปถึงการค้นหาสถานีอัดประจุไฟฟ้าใกล้เคียง หรือสถานีชาร์จที่โชว์รูมทั่วประเทศ ครอบคลุมไปถึงการสั่งการ MG Home Charger สำหรับการชาร์จไฟที่บ้านได้อีกด้วย
Design :
รถยนต์รุ่น NEW MG ZS EV มีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ SUV ตามแบบฉบับของเอ็มจีที่ผสมผสานระหว่าง ความสวยงาม ความเป็นสากล และความทันสมัยในสไตล์รถยุโรปเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เริ่มตั้งแต่ “สีฟ้า Copenhagen Blue” สีตัวถังแบบพิเศษ กระจังหน้าทันสมัยพร้อมการติดตั้งจุดชาร์จไว้บริเวณหลังกระจังหน้า ลงตัวด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว
ส่วนภายในห้องโดยสารตกแต่งโทนสีดำ พร้อมการตกแต่งคอนโซลหน้า วัสดุนุ่มแบบ Soft touch ให้ความรู้สึกหรูหรามีระดับมากขึ้น พวงมาลัยทรงสปอร์ตหุ้มหนังแบบมัลติฟังก์ชั่น สามารถควบคุมฟังก์ชั่นการใช้งานในรถที่เชื่อมกับหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้วได้เพียงปลายนิ้วอยากให้อ่านตรงนี้ทวนสัก 3 รอบในเรื่องของระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลที่มาพร้อมระบบกรองอากาศที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ถือว่าดีงามสุดๆ และนอกจากภายในห้องโดยสารกว้างสบายแล้ว ไฮไลท์ที่ไม่อยากให้ละสายตาคือ หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) ลองจินตนาการยามค่ำคืนว่าจะสวยงามขนาดไหน
Easy Maintenance
อีกหนึ่งไฮไลท์หลักในข้อกังขาและความกังวลในเรื่องค่าใช้จ่ายในการซ่อมแต่ละครั้ง ทาง MG บอกมาว่าด้วยความที่รถยนต์รุ่น NEW MG ZS EV เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ระบบขับเคลื่อนที่มาจากแบตเตอรี่ และมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก จึงทำให้ชิ้นส่วนอะไหล่น้อยลง การดูแลรักษาเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นอีกทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง
Easy Own
อ่านจบบทความนี้แล้วเชื่อว่าหลายคนเตรียมจองรุ่นนี้แน่ๆ หรือใครที่เล็งๆไว้ก็อย่าช้า เพราะของอย่างนี้ใครขับก่อนเท่ก่อน และยังประหยัดก่อนอีกด้วย ด้วยราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายๆ เพียง 1,190,000 บาท
สำหรับลูกค้า 1,000 คนแรก จะได้รับข้อเสนอพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น
– ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
– ฟรี! ชุดอุปกรณ์ชาร์จไฟในบ้าน หรือ MG Home Charger มูลค่า 45,000 บาท
– ฟรี! ค่าติดตั้ง MG Home Charger มูลค่า 20,000 บาท
– ประกันแบตเตอรี่แบบไม่จำกัดระยะทาง ตลอดระยะเวลา 8 ปี
– ประกันคุณภาพรถยนต์ 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร
ในปีนี้ได้รับการตอบรับจากผู้จำหน่ายอีซูซุทั่วประเทศมากกว่าทุกครั้ง รวมถึงผู้จำหน่ายอีซูซุใน สปป.ลาว และกัมพูชา ในรอบคัดเลือกมีผู้เข้าร่วมแข่งขันกว่า 1,900 คน และผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศจำนวน 214 คน ซึ่งจะช่วยพัฒนาความรู้ ความสามารถ เพิ่มพูนประสิทธิภาพการปฏิบัติงานและประสบการณ์ในการแก้ปัญหาแบบมืออาชีพให้กับบุคลากรของอีซูซุมากยิ่งขึ้น และยังเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ยกระดับความพอใจของลูกค้า สอดคล้องกับวิถีอีซูซุ คือผู้ใช้สุขใจ เพิ่มพูนรายได้ ช่วยให้สังคมพัฒนา
การแข่งขันทักษะด้านการขายและบริการหลังการขายอีซูซุประจำปี 2561 รอบชิงชนะเลิศ ผู้เข้าแข่งขันต้องผ่านการทดสอบอย่างเข้มข้นตามมาตรฐานการปฏิบัติงานในแต่ละด้าน โดยมีคณาจารย์จากสถาบันการศึกษาชั้นนำให้เกียรติร่วมเป็นกรรมการตัดสิน
แบรนด์ดีไซน์สัญชาติอังกฤษ ผลงานที่เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ในวงการดีไซน์ทั่วโลก ในคอลเล็กชั่นสุดชิค 'Ecletic' ในปี 2013 และคอลเล็กชั่นในปี 2014 ยังคงสานต่อโปรเจ็กต์แอคเซสซอรี่สุดชิคสำหรับทุกพื้นที่ในบ้าน โดยแต่ละชิ้นถูกอธิบายไว้ อย่างน่าสนใจ
“คอลเล็กชั่นงานดีไซน์ที่อาจเป็นได้ทั้งของตกแต่งบ้าน ของขวัญชิ้นพิเศษ และงานศิลปะ ทุกชิ้นถูกผลิตขึ้นจากวัสดุชั้นเยี่ยมที่นำมาสร้างสรรค์อย่างประณีต โดยเน้นการโชว์ลักษณะเด่นของวัสดุแต่ละชนิดอย่างชัดเจน เช่น ทองแดง หินอ่อน เหล็ก ทองเหลือง และไม้ โดยแต่ละชิ้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากสิ่งของที่มีประวัติศาสตร์ และเป็นไอคอนของความเป็น British นำมาออกแบบให้เป็นวัตถุที่สามารถใช้งานได้จริง และยังมีลูกเล่นเพื่อความเพลิดเพลินได้ด้วย เหมาะสำหรับทั้งการสะสมและเป็นของขวัญชั้นเยี่ยม”
คอลเล็กชั่นต่างๆ ยังได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุคอุตสาหกรรมและระบบวิศวกรรมแบบอังกฤษ รวมถึงเส้นสายอันเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานตามสไตล์โมเดิร์น เกิดเป็นคอลเล็กชั่นแอคเซสซอรี่ที่ไม่เพียงแต่สวยงามสะดุดตา แต่แฝงมาด้วยลูกเล่นที่น่าสนใจมากมายซึ่งสามารถใช้งานได้จริง เป็นการคงเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้อย่างครบถ้วน
โปรดักส์ต่างๆ ของแบรนด์ทอม ดิกซัน โดยเฉพาะไลติ้งโมเดลต่างๆ จึงได้รับการยกย่องให้เป็นไอคอนของงานออกแบบไลติ้งระดับสูง โมเดลที่มีชื่อเสียงต่างๆ ได้แก่ The Beat Light, Copper Shade, Mirror Ball และ Etch และปี 2018 ได้ออกคอลเล็กชั่นใหม่คือ Melt, Top, Cut ล้วนเป็นชื่อของไลติ้งที่ได้รับการจดจำโดยผู้รักงานดีไซน์ทั่วโลก เพราะมีทั้งความสวยงามที่มาพร้อมเอกลักษณ์ที่ชัดเจนไม่มีใครเหมือน ทั้งยังสามารถเข้ากับพื้นที่ได้ในทุกสไตล์ โดยเฉพาะกับการออกแบบภายในสไตล์ Industrial ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน
หากอยากชมคอลเล็กชั่นแอคเซสซอรี่จากทอม ดิกซัน เพื่อเป็นของขวัญชิ้นเก๋ในช่วงเทศกาลที่จะมาถึงนี้ ลองเข้าไปชมกันได้ที่ MOTIF
ตอกย้ำความเป็นที่สุด สำหรับเทคโนเซลผู้นำตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์และฟิล์มใสคุณภาพ เป็นการปกป้องสีรถยนต์ ด้วยการเปิดตัวฟิล์มใหม่ล่าสุด แน่นอนว่าเปิดตัวทั้งทีย่อมไม่ธรรมดา เพราะเป็นการเปิดตัวฟิล์ม ‘ลูมาร์ เพนท์ โพรเทคชั่น ฟิล์ม แพลทินัม’ เจ้าแรกในอาเซียน ในงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35
คุณจันทร์นภา สายสมร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ได้เปิดเผยว่า บริษัทฯ เปิดตัวลูมาร์ เพนท์ โพรเทคชั่น ฟิล์ม แพลทินัม (ลูมาร์ พีพีเอฟ แพลทินัม) เป็นการตอกย้ำนวัตกรรมฟิล์มปกป้องสีรถยนต์ระดับสูงสุดผลิตจากโรงงานซีพีฟิล์มอิงค์ จากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นโรงงานที่เชี่ยวชาญในการผลิตและติดตั้งกับรถยนต์ซูเปอร์คาร์ทั่วโลกมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาใหม่นี้มาพร้อมกับความใส และที่สำคัญสุดคือสามารถปกป้องสีรถจากสิ่งที่ไม่คาดฝันบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นวัสดุต่างๆ ที่อาจปลิวมากระทบ อย่างสะเก็ดหิน ยางมะตอย มูลนก ยางไม้ และซากแมลง
ด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุด Advanced Nano Hydrogard ทำหน้าที่เคลือบผิวฟิล์มถึงระดับชั้นนาโน และถือเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของลูมาร์เท่านั้น จึงทำให้ผิวฟิล์มมีความทนทานเรียบลื่น เงางามมากกว่าฟิล์มปกป้องสีรถทั่วไป 2 เท่า ป้องกันการเกาะตัวของคราบน้ำและสิ่งสกปรกได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังทนต่อความร้อนสูงถึง 116 C รวมถึงความเป็นกรดด่างอีกด้วย บวกกับนวัตกรรม Self-Healing ที่มีคุณสมบัติการซ่อมแซมรอยขีดข่วนที่เกิดขึ้นกับเนื้อฟิล์มโดยอัตโนมัติและอย่างรวดเร็ว
]]>MG E-Motion รถต้นแบบ ‘เอ็มจี อี-โมชัน’ ที่นำมาจัดแสดงเป็นไฮไลท์ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปปีนี้ คือหนึ่งในผลงานที่สะท้อนแนวทางดังกล่าวโดยเป็นรถต้นแบบที่นอกจากจะมีดีไซน์สปอร์ตล้ำสมัยแล้ว ยังขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ปราศจากมลพิษ พร้อมการเชื่อมต่อสู่โลกภายนอกห้องโดยสารผ่านอินเตอร์เน็ตอัจฉริยะที่จะช่วยให้การเข้าสู่โลกออนไลน์ทำได้อย่างง่ายดาย และยังเป็นการผสมผสานทั้งนวัตกรรมด้านการออกแบบที่โฉบเฉี่ยว บนโครงสร้างแพลตฟอร์มโมดูลาร์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ของเอสเอไอซี ที่สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาไม่ถึง 4 วินาที และมีระยะทางขับเคลื่อนไกลกว่า 500 กม.ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
อีกหนึ่งสิ่งที่อยากให้โฟกัสทันทีที่เข้าไปบูธของ MG คือ New MG 3Limited Edition ว่ากันว่าเป็นรถยนต์ที่จะมาตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่เป็นการนำ MG 3 ใหม่รุ่น X สีขาวมาอัพเกรดความสมาร์ทในสไตล์ที่แตกต่างและเพิ่มความสปอร์ตมากยิ่งขึ้นด้วยหลังคาสีดำ และโดดเด่นขึ้นด้วยสปอยเลอร์หลัง และสเกิร์ตข้าง ซึ่งยังคงให้ความสนุกในการขับขี่จากเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 112 แรงม้า และเกียร์อัตโนมัติใหม่แบบ TORQUE CONVERTER พร้อมระบบความปลอดภัยแบบครบครัน โดยผลิตจำนวนจำกัดเพียง 100 คันเท่านั้น
ข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์เอ็มจีภายในงาน Motor Expo 2018และที่โชว์รูมรถยนต์เอ็มจีทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ถึง 10 ธันวาคม 2561และรับรถยนต์เอ็มจีอย่างเป็นทางการภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2561
• ขับฟรี 90 วัน สำหรับรถยนต์ MG ทุกรุ่น ภายใต้เงื่อนไข ดาวน์ 15% ขี้นไป
• ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ดาวน์ 0 บาท และผ่อนชำระสูงสุด 84 เดือน
• พนักงานที่มีรายได้ประจำ ดาวน์เริ่มต้นเพียง 10% โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน
• นักศึกษาจบใหม่ รับส่วนลดมูลค่า 50,000 บาท เมื่อซื้อรถยนต์ MG 3 ใหม่ ทุกรุ่น
• ข้อเสนอพิเศษในแต่ละรุ่น ประกอบด้วย
– New MG 3: เลือกรับดาวน์เริ่มต้น 5% เพียง 25,950 บาท หรือผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 5,182 บาท หรือรับฟรีชุดแต่ง Body Kit รอบคัน MG ZS : ดอกเบี้ยพิเศษ 1.69% เงื่อนไขดาวน์ 25% และผ่อนชำระ 48 เดือน
– MG 5: เลือกรับดาวน์เริ่มต้น 5% เพียง 32,450 บาท หรือ ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 7,007 บาท
– MG GS 2.0T:ดอกเบี้ย 0% สูงสุด 60 เดือน
– MG GS 1.5T:เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 1.29% หรือผ่อนเพียงเดือนละ 9,443 บาท
– ทุกรุ่นรับฟรีชุดพรมปูพื้น ประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อม พ.ร.บ.นาน1 ปี
ทันทีที่เผยโฉมพรีเซนเตอร์คนใหม่ของแบรนด์สเก็ตเชอร์ส ประเทศไทย ทวิตเตอร์ถึงกับลั่น เพราะหากเป็นสายแฟตัวจริงย่อมรู้ว่า 'Skechers' เป็นแบรนด์รองเท้าสัญชาติอเมริกันที่ฮิตระดับโลกมาตั้งแต่ในช่วงปี พ.ศ. 2533 เป็นต้นมา ในรุ่นดีไลทส์ 3.0 สไตล์พื้นหนา (Chunky shoes)
ไม่แปลกใจที่ 'ก็อต-อิทธิพัทธ์ ฐานิตย์' จะถูกเลือกในฐานะพรีเซนเตอร์ที่ถ่ายทอดภาพลักษณ์อันล้ำสมัยและสไตล์ของคนรุ่นใหม่ของสเก็ตเชอร์ส เพราะดูจากไลฟ์สไตล์หนุ่มคนนี้แล้ว ในชีวิตจริงก็อตก็มีแพชชั่นในเรื่องของรองเท้าค่อนข้างมาก บวกกับคอนเซ็ปต์ของรองเท้ารุ่นใหม่ที่เปิดตัวพร้อมกันนั้น ก็ต้องการสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างที่โดดเด่นของดีไลทส์ 3.0 ไม่ว่าจะเป็นพื้นเมโมรี่โฟม (Memory Foam) ด้านบนของรองเท้าออกแบบเป็นแบบถักเพื่อเพิ่มความสบายในการสวมใส่ ลวดลายเป็นคลื่นที่พื้นหนาด้านนอกของรองเท้าที่สื่อให้เห็นถึงสไตล์ความทะมัดทะแมง
นอกจากจะเปิดตัวรองเท้าดีไลทส์ 3.0 เปิดตัวพรีเซนเตอร์ของแบรนด์สเก็ตเชอร์สแล้ว ก็ยังเปิดแฟลกชิป สโตร์แห่งแรกในประเทศไทย ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 3 โซนบีคอน ที่รวบรวมเซกเม้นท์ที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน ตั้งแต่แนวไลฟ์สไตล์ กีฬา และการออกกำลังกาย ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก รวมทั้งคอลเล็กชั่นสุดฮอตอย่างสเก็ตเชอร์ส ยู และดีไลทส์ แนะนำว่าควรเผื่อเวลาสักนิดหากเข้าไปชมสินค้าในสเก็ตเชอร์สแฟลกชิป สโตร์ เพราะรับรองว่าเพลินขั้นสุดในการช้อปแน่นอน