Warning: Cannot modify header information - headers already sent by (output started at /var/www/marshomme.com/wp-content/plugins/wp_mgr_id/wp_mgr_id.php:1) in /var/www/marshomme.com/wp-includes/feed-rss2.php on line 8
LIFESTYLE – Marshomme https://marshomme.com Thu, 23 Feb 2023 08:58:30 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.2.20 https://marshomme.com/wp-content/uploads/2019/10/logo2_icon-90x90.png LIFESTYLE – Marshomme https://marshomme.com 32 32 ชวนจิบไวน์ ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่ “SALIL JOURNEY RIVERSIDE” https://marshomme.com/lifestyle/532375/ Thu, 23 Feb 2023 08:52:00 +0000
“ยังเหลือที่ว่างริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้สร้างโรงแรมอีกหรือ?”

        นี่เป็นคำอุทานแรกตอนที่ได้รับเชิญไปร่วมงานเปิดโครงการ “สลิล เจอร์นีย์ ริเวอร์ไซด์” ไลฟ์สไตล์สเปซแห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่รวบรวมห้องพัก (โรงแรม เดอะ สลิล ริเวอร์ไซด์ – กรุงเทพ) ร้านอาหาร สปา ฟิตเนส พื้นที่ทำกิจกรรม และร้านค้าจากแบรนด์ชั้นนำ เช่น Harnn และ Karmakamet ไว้ในที่เดียว

       แล้ว“สลิล เจอร์นีย์ ริเวอร์ไซด์”แตกต่างจากโรงแรมอื่นๆ และไลฟ์สไตล์สเปซอื่นๆ ย่านนั้นตรงไหน?

ในแง่ฟังก์ชั่นที่เตรียมไว้สำหรับบริการ ถือว่าครบถ้วนสมบูรณ์ ตอบสนองความต้องการได้ทั้งลูกค้าที่มาพักโรงแรม และลูกค้าคนนอกที่อยากหาร้านเก๋ๆ เงียบๆ นั่งจิบไวน์ ดื่มกาแฟ กินอาหาร ในสถานที่ที่คนไม่แออัดมากจนเกินไป


        แต่ในองค์ประกอบที่ครบถ้วนนั้น มันเกิดจากการปะติดปะต่อของที่ไม่น่าจะเข้ากันให้มาวางรวมกันได้อย่างเหมาะเจาะ ภายใต้แนวคิด Collage of the Mismatched ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ของที่นี่ เพราะทั้งแนวคิดการออกแบบ ฟังก์ชั่นของสิ่งอำนวยความสะดวกที่แตกต่างกัน ลวดลายทางสถาปัตยกรรมและการตกแต่งที่หลากหลาย รวมถึงอารมณ์และบรรยากาศที่ที่ไม่เหมือนกัน แต่นำมาผสมผสานจัดวางหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ซึ่งก็เป็นการมอบประสบการณ์พิเศษแด่ผู้มาเยือนได้เช่นกัน


        เริ่มการใช้พื้นที่ริมแม่น้ำที่มีจำกัดให้ได้ประโยชน์สูงสุด เราจึงได้เห็นอาคาร3อาคารที่ประกอบกันเป็นรูปตัว U (บวก 1 ตรงจุดที่เป็นอาคารรีเซฟชั่น)ที่ห้องพักส่วนใหญ่มีหน้าต่างเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่เบื้องหน้า เป็นจุดขายสำคัญที่เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวที่นิยมบูติกโฮเต็ลให้มาสัมผัสด้วยตัวเอง ห้องพักและห้องเพนต์เฮ้าส์ ในส่วนของโรงแรม เดอะ สลิล ริเวอร์ไซด์ ประกอบด้วยห้องพัก 235 ห้อง 9 รูปแบบ เริ่มต้นด้วยดีลักซ์ขนาด 30 ตร.ม.ไปจนถึงห้องเพนต์เฮาส์แบบสองห้องนอนขนาด 157 ตร.ม.ที่มีวิวสวยที่สุดในบรรดาห้องพักทั้งหมด และเป็นห้องเดียวที่คุณจะได้เห็นแม่น้ำเจ้าพระยาในแบบพาโนรามา


      งานศิลป์ถือเป็นอีกจุดเด่นของ เดอะ สลิล ริเวอร์ไซด์-กรุงเทพ ที่จัดวางไว้ตามอาคารที่เป็นห้องพักและส่วนอื่นๆ โดยได้  เจนพณัฐ สุนทรสวัสดิ์” นักออกแบบชาวไทย ผู้อยู่เบื้องหลัง Window DisplayของBergdorf Goodman ห้างสรรพสินค้าชื่อดังในนิวยอร์กมากว่า มากว่า 20 ปี รับหน้าที่เป็นภัณฑารักษ์ (Art Curator) ผู้คัดเลือกศิลปินชื่อดัง จำนวน 4 ท่าน ให้มาร่วมสร้างสรรค์ลวดลายเหนือจินตนาการ มีการผสมผสานกันระหว่างสัตว์ชนิดต่างๆ งานอุปมาอุปไมย ทำให้ได้ลวดลายแปลกตาไม่เหมือนใคร ถูกจัดวางในห้องพักและจุดต่างๆ ของโรงแรมเหมือนเป็นแกลลอรี่ที่มีชีวิต


        ศิลปินชาวไทยทั้ง4ท่านมีผลงานที่โดดเด่นไปตามสไตล์ของตัวเอง และได้รับการคัดเลือกให้ร่วมนำเสนอผลงานใน“สลิล เจอร์นีย์ ริเวอร์ไซด์” ได้แก่ ณัฐพล พิชัยรัตน์ ที่มีงานที่โดดเด่นด้วยการใช้เทคนิควาดลายเส้นด้วยมือ นักรบ มูลมานัส บัณฑิตเอกภาษาไทยคณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแต่มีพรสวรรค์ในการเป็นศิลปินที่โดดเด่นในเรื่องงานตัดแปะคอลลาจและกราฟิกร่วมสมัยที่มักจะสื่อถึงการผสมภาพย้อนยุคทั้งสไตล์ไทยและตะวันตกงานศิลปะที่สร้างชื่อให้กับนักรบเป็นการตัดภาพจากนิตยสารเก่าที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สังคมวัฒนธรรมวรรณคดีเทพนิยายมาสร้างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้นมา 
       ปัญญวัฒน์ พิทักษวรรณ ศิลปินวาดภาพประกอบชาวไทยที่มีชื่อเสียงในการสร้างศิลปะไทยร่วมสมัย เอกลักษณ์ของเขาคือการผสมผสานความไทยเข้ากับศิลปะในยุคต่างๆ เพื่อนำเสนอมุมมองใหม่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความวิจิตร และเต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบเรโทร และ อรรถกฤษณ์ วรรณสอน หรือที่รู้จักกันในนาม Krishna the Fifth ศิลปินที่รังสรรค์ผลงานจิตรกรรมด้วยจินตนาการจากเรื่องเล่าของสวนเอเดนกับผลไม้ต้องห้าม


        สำหรับคอนเซ็ปต์และดีไซน์หลักของ เดอะ สลิล โดดเด่นด้วยคอนเซ็ปต์ที่แตกต่าง เริ่มจาก “Concept Living Space” ที่ประกอบไปด้วย Stay, Eat, Play , Relax, Work and Shopด้วยการทำงานร่วมกันของพาร์ตเนอร์เพื่อการสร้างประสบการณ์ในการแฮงก์เอาต์ที่แตกต่าง อาทิ นัดเพื่อนจิบกาแฟยามบ่ายที่ Shaloba คาเฟ่ที่ผสมผสานวัฒนธรรมกาแฟร่วมสมัยของเอเชียเข้ากับวิถีชีวิตสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ด้วยการคัดสรรกาแฟชั้นเลิศด้วยความพิถีพิถันเพื่อให้ได้กาแฟอาราบิก้าที่มีคุณภาพดีที่สุด หรือจะเลือกนั่ง Brix Dessert & Brix Mini Bar ร้านขนมโฮมเมด บรันช์ยอดนิยม บริการเครื่องดื่มและของหวานแสนอร่อยทำให้สถานที่แห่งนี้เป็น 'สูตรแห่งความสุข' นั่งชิลที่บาร์ริมสระ พร้อมเพลิดเพลินกับของว่างแสนอร่อย สมูทตี้สดชื่น และเครื่องดื่มค็อกเทลแบบต้นตำรับ


       ค่ำหน่อย มูฟไปที่ NAVA – Kitchen ร้านอาหารที่โดดเด่นด้วยเมนูอาหารจากลำน้ำโขงซึ่งมาบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาอันอุดมสมบูรณ์มาสู่เมืองหลวงของประเทศไทย โดยได้รวบรวมวัตถุดิบจากพื้นที่ท้องถิ่นในจังหวัดต่างๆ นำมารวมกันที่ NAVA เพื่อสร้างสรรค์เมนูสไตล์โฮมเมดที่มีรสชาติดั้งเดิมแบบ ให้บริการตั้งแต่อาหารเช้าแสนอร่อย อาหารกลางวันแบบสบายๆ และอาหารค่ำในบรรยากาศที่สมบูรณ์แบบ


       อิ่มหน่ำสำราญได้ที่ ถ้าชอบจิบเบียร์ ที่นี่มี Taproom by The River แชร์พื้นที่ร่วมกับ NAVA Terrace บาร์เบียร์ที่ให้บริการคราฟต์เบียร์นำเข้าถึง 8 แท็ป เติมเต็มพื้นที่ไลฟ์สไตล์เอาท์ดอร์ริมแม่น้ำแห่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากเบียร์ที่มีให้เลือกมากมายแล้ว สิ่งที่คัดสรรมาอย่างดียังช่วยให้ค้นหาเบียร์ที่เหมาะกับรสนิยมของคุณได้ง่ายขึ้นอีกด้วย


        แต่ถ้าชอบไวน์ แนะนำให้ไปต่อที่ MARs – The Wine Space ร้านไวน์แห่งแรกของ DeePlus Jud Hai Co., Ltd. (D+) ที่มุ่งเน้นไปที่การจัดหาไวน์จากโรงบ่มไวน์บูติกของครอบครัวในออสเตรเลียใต้และนิวซีแลนด์ นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมและมีคุณภาพ

       การเดินทางมาโครงการ สลิล เจอร์นีย์ ริเวอร์ไซด์ สามารถเดินทางมาได้ง่ายๆ ทั้งทางรถยนต์ รถประจำทาง หรือทางรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยลงที่สถานีสะพานตากสิน นอกจากนี้ยังมีบริการเรือรับ-ส่ง จากท่าเรือสลิล เจอร์นีย์ ริเวอร์ไซด์ ไปยังไอคอนสยามและท่าเรือสาทรอีกด้วย
        ส่วนThe Salil Hotel Riverside Bangkok สำรองห้องพักและสอบถามรายละเอียดเพิ่ม โทร. 02-844-8787 หรืออีเมล์ reservations@saliljourney.com

]]>
JUSTIN BIEBER X VESPA เป็นการ Collaboration ที่หลายคนรอคอย https://marshomme.com/lifestyle/532330/ Wed, 20 Apr 2022 08:00:00 +0000
         ไม่มีวี่แววมาก่อนว่าสองป๊อปไอคอนแห่งยุค อย่าง “จัสติน บีเบอร์” กับ “เวสป้า” จะโคจรมาเจอกันได้ แต่จู่ๆ โปรเจกต์คอลแลบสุดเก๋ “JUSTIN BIEBER X VESPA” ก็ปล่อยคลิปเปิดตัวอย่างเป็นทางการออกมาทางสื่อออนไลน์ ซึ่งก็เรียกเสียงฮือฮาจากบรรดาแฟนคลับได้ไม่น้อย


        งานคอลแลบของเวสป้ากับแบรนด์ดังๆ เคยมีมาอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น Giorgio Armani, Christian Dior และ Sean Wotherspoon ซึ่งแบรนด์ทั้งหมดร่วมกันผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ที่แท้จริงให้เข้ากับสไตล์ที่ไม่มีใครเทียบได้ของ Vespa เพื่อพัฒนาคอลเลกชั่นสุดพิเศษ


         ในปีนี้เป็นเวลาสำหรับการทำงานร่วมกัน ระหว่างศิลปินที่เป็นต้นแบบของวัฒนธรรมป๊อประดับโลกอย่าง Justin Bieber ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติและมีแฟนนับล้านทั่วโลก กับแบรนด์ Vespa เพื่อเปิดตัว JUSTIN BIEBER X VESPA เวสป้าเอ็กซ์คลูซีฟโมเดลใหม่ที่ออกแบบและสร้างสรรค์โดย จัสติน บีเบอร์


        ความหลงใหลในแบรนด์เวสป้าของบีเบอร์เป็นที่รู้จักกันมานาน จัสตินให้สัมภาษณ์ ไว้ว่า

        “ครั้งแรกที่ฉันขี่เวสป้าคือที่ไหนสักแห่งในยุโรป อาจจะเป็นลอนดอนหรือปารีส ฉันจำได้แค่ว่าเห็นเวสป้าและรู้สึกว่า ฉันอยากขี่มันสักคัน' และฉันมีช่วงเวลาที่ดีมาก มีเพียงลมที่พัดผ่านเส้นผมของฉัน มันมาพร้อมอิสรภาพ และความสนุก”


        JUSTIN BIEBER X VESPA มาพร้อมกับสีขาวไล่ระดับซึ่งเป็นคุณลักษณะของสไตล์พื้นฐานที่ทำให้ Vespa คันใหม่โดย JUSTIN แตกต่างออกไปสีขาวเป็นสีที่จัสตินเลือกใช้ ผ่านทุกองค์ประกอบใน Vespa Sprint คันใหม่ ตั้งแต่เบาะที่นั่งไปจนถึงที่จับไป ซี่ล้อ โลโก้ของแบรนด์ และเปลวไฟที่วาดบนตัวรถยังเป็นโทนสีขาว นั่นคือความปั่นป่วนที่นักร้องต้องการออกแบบเพื่อรวบรวมแรงผลักดันที่สร้างสรรค์ ความมีชีวิตชีวา และความแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นค่านิยมที่มีทั้งในตัวบีเบอร์และเวสป้า


         ตัวเครื่องยนต์คลาสสิก 50, 125 และ 150 cc ความจุที่สร้างประวัติศาสตร์ของ Vespa ได้รับการปรับปรุงใหม่โดยคำนึงถึงกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมล่าสุด รูปทรงที่สดใสและอ่อนเยาว์ของตัวรถทำให้ตัวรถมีน้ำหนักเบาแต่ให้การปกป้อง ในขณะที่แฮนด์จับที่มีไฟหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ชวนให้หลงใหลอย่างไร้ที่ติ รองรับจอแสดงผล TFT มัลติฟังก์ชั่นสีเต็มรูปแบบที่ทันสมัยสอดคล้องกับฟังก์ชันของสมาร์ทโฟนทั้งหมด ไฟ LED แบบ Full-Led และขอบล้อขนาด 12” อันตระการตาเป็นผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมของการผสมผสานสไตล์และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน


        ลิมิเต็ดอิดิชั่นสุดพิเศษนี้เสริมด้วยคอลเลกชั่นอุปกรณ์เสริมสุดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋า ถุงมือ 1 คู่ และหมวกกันน็อคสีขาวล้วนพร้อม “จัสติน สปิน” เปลวไฟ จะทำให้ประสบการณ์ Vespa เย็นลง! เปิดให้จองล่วงหน้าในวันที่ 20 เมษายนนี้ สาวกเวสป้าเตรียมเข้าเว็บไปจองได้เลย


#MarsHomme
#JustinBieberXVespa
#Vespa
#justinbieber

]]>
TAG Heuer ในเวอร์ชั่นสมาร์ทวอช “Connected Calibre E4” ที่ล้ำทุกมิติ https://marshomme.com/lifestyle/532283/ Tue, 15 Mar 2022 11:18:00 +0000
           ตื่นเต้นไม่น้อย เมื่อรู้ข่าวว่า TAG Heuer ผู้ผลิตนาฬิกาหรูเปิดตัวสมาร์ทวอชใหม่ “Connected Calibre E4” อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนที่ผ่านมา เพื่อสานต่อความสำเร็จจากรุ่นก่อน นั่นแสดงว่า TAG Heuer กำลังเอาจริงเอาจังกับเซ็กเมนต์นี้


            และเมื่อแปะยี่ห้อ TAG Heuer อยู่ตรงหน้า Connected Calibre E4 จะธรรมดาได้ซะที่ไหน แน่นอนว่า ทั้งงานดีไซน์ ซอฟต์แวร์ ตลอดจนฟังกชั่นต่างๆ ต้องล้ำไม่แพ้แบรนด์ใดๆ ที่มีมาก่อนหน้านี้


          Connected Calibre E4 มาพร้อมหน้าปัดรุ่นมาตรฐาน 45 มิลลิเมตรที่ออกแบบใหม่ให้เพรียวบางกว่าเดิม แต่มีตัวเม็ดมะยมที่มากขึ้น หน้าจอใช้คริสตัลแซฟไฟร์ครอบ OLED และยังมีหน้าปัดใหม่ 42 มิลลิเมตร ที่ออกแบบมาให้ตัวเรือนและขอบบางเป็นพิเศษ พร้อมอัพเกรดชิปไปใช้ Qualcomm Snapdragon


          ตัวแบตเตอรี่ของหน้าปัดทั้งสองขนาดสามารถใช้งานได้ทั้งวันในโหมดปกติ โดยจะแตกต่างกันก็ตรงที่รุ่น 45 มิลลิเมตรมีแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่าสามารถใช้ติดตามการวิ่ง 1 ชั่วโมง + เดิน 2 ชั่วโมง หรือติดตามการเล่นกอล์ฟ 5 ชั่วโมง ส่วนรุ่น 42 มิลลิเมตรสามารถใช้ติดตามการวิ่งได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมงเท่านั้น


         ซอฟต์แวร์ของสมาร์ทวอชรุ่นนี้ รันด้วย Wear OS 2 แต่สามารถซัพพอร์ต Wear OS 3 ในอนาคตได้อย่างแน่นอน ราคาจำหน่าย TAG Heuer Connected Calibre E4 สำหรับรุ่น 42 มิลลิเมตรอยู่ที่ 1,800 ดอลลาร์ ส่วนรุ่น 45 มิลลิเมตรอยู่ที่ 2,050 ดอลลาร์ สำหรับรุ่นโลหะสายยาง 2,250 ดอลลาร์ สำหรับรุ่นโลหะสาย bracelet และสำหรับรุ่นไทเทเนียม 2,550 ดอลลาร์ ส่วนราคาในประเทศไทยสอบถามได้ที่ TAG Heuer

Photo : TagHeuer.com

]]>
Porsche 911 By Singer Turbo Study จินตนาการแห่งจิตวิญญาณที่มีเพียง 70 คันทั่วโลก https://marshomme.com/lifestyle/532255/ Tue, 15 Feb 2022 14:36:00 +0000
            อีกหนึ่งค่ายผู้ร่ายเวทย์มนต์ปลุกฟื้นตำนานให้กลับมาชีวิต “Singer” เขาคือผู้เชี่ยวชาญความหรูหราในแคลิฟอร์เนียที่ใครหลายคนคุ้นชื่อดีวันนี้ ได้นำเสนอ Porsche 911 ที่จินตนาการใหม่โดย Singer – Turbo Study Turbo Study เป็นผลงานที่สร้างสรรค์เพื่อการตอบสนองต่อคำขอจากเจ้าของสำหรับบริการฟื้นฟูที่รวมเทอร์โบชาร์จเจอร์ เจ้าของมากกว่า 70 ราย


           บริการรุ่นต่อไปจากซิงเกอร์ได้ร่วมมือกับเจ้าของในการบูรณะบนท้องถนนครั้งแรกเพื่อนำเสนอรถยนต์สมรรถนะสูง ที่ให้อารมณ์แบบเรซซิ่งแต่ในขณะเดียวกันก็ยังจะใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วยเช่นกัน ตัวเทอร์โบอันเป็นเอกลักษณ์จะมี สปอยเลอร์หางปลาวาฬ และครีบฉลาม – แบบใหม่ โดยความสมดุลของความหรูหราและความสปอร์ตเจ้าของแต่ละคนจะปรับแต่งสำหรับรถของพวกเขาเอง


            โดยในครั้งนี้ตัวรถจะเป็นสี Wolf Blue จะทำให้ Porsche911 ที่คิดใหม่โดย Singer เจ้าของเป็นผู้กำหนดสเปคโดยใช้ผลการศึกษา Turbo Study เพื่อสะท้อนวิสัยทัศน์ส่วนตัว เจ้าของรายนี้ให้ความสำคัญกับสมรรถนะสูง สมรรถนะของรถแกรนด์ทัวริ่ง รวมไปถึง: ตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาใน Wolf Blue เครื่อง 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ อินเตอร์คูล แฟลตซิกซ์มากกว่า 450 HP (พลังอาจปรับแต่งตามข้อกำหนดของเจ้าของแต่ละคน) เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ระบบกันสะเทือนแบบขับเคลื่อนล้อหลังและแบบทัวริ่ง ระบบเบรกคาร์บอนเซรามิกภายในตกแต่งด้วยสี Malibu Sand ตกแต่งด้วยไม้ Black Forest เบาะปรับไฟฟ้าอุ่นเครื่องปรับอากาศ


          Porsche911Turbo Study นำรถยนต์ระบายความร้อนด้วยอากาศรุ่น Type964 เป็นจุดเริ่มต้น การศึกษานี้โดยมีวิวัฒนาการใหม่ของ “Mezger”เป็นแบบระบายความร้อนด้วยอากาศแบบ flat-six และเครื่องยนต์ขนาด 3.8 ลิตรนี้มาพร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์คู่พร้อมระบายน้ำทิ้งแบบไฟฟ้า อินเตอร์คูลเลอร์แบบอากาศวิ่งวนสู่น้ำจะติดตั้งอยู่ภายในช่องไอดี'ครีบฉลาม'ที่บังโคลนหลังซึ่งถูกออกแบบใหม่ให้เป็นช่องไอดีและจ่ายอากาศเย็นไปยังห้องเครื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้และการระบายความร้อน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของเจ้าของ ซึ่งการศึกษานี้ทำให้มีกำลังแรงม้าเริ่มต้นที่ 450HP


          นอกจากกำลังของเครื่องยนต์ที่ปรับปรุงตามคำสั่งแล้ว ระบบช่วงล่างก็ได้ผ่านการปรับแต่งด้วยเช่นกันโดยได้รับการปรับปรุงด้วยระดับเสียงที่ลดลงและความสามารถในการเลือกใช้ระบบกันสะเทือนและประสิทธิภาพการกันสะเทือนที่สอดคล้องมากขึ้น ซึ่งช่วยให้เจ้าของรถสามารถมุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการยึดเกาะถนนในช่วงเวลาเดินทางระยะไกลและความเร็วสูงได้หากต้องการ อีกทั้งยังรองรับกับแรงบิดเทอร์โบชาร์จได้อย่างดี ซึ่งการปรับเซ็ตดังกล่าวก็ช่วยให้สามารถจับคู่ความเร็วได้อย่างง่ายดายจากทางผ่านอัลไพน์ไปยังออโต้บาห์น ควบคู่ไปกับความสามารถในการเร่งแซงได้อย่างยอดเยี่ยม


           ซึ่งการปรับปรุงรถยนต์สุดคลาสสิคนี้ไม่ได้ถูกควบคุมความแรงเพียงเท่านี้เพราะว่าเจ้าของสามารถเพิ่มสเปคได้ตามความชอบและกำลังทรัพย์ ดังนั้นราคาของแต่ละคันจะไม่เท่ากัน เพราะมันคือความพึงพอใจของผู้ครอบครองเท่านั้น แบบนี้ชาวไทยผู้หลงใหลความคลาสสิคของ Porsche911 Type964 จะมีโอกาสเป็นหนึ่ง 70 คันหรือเปล่า

Story : Tong Superman
Photo : netcar show

]]>
2022 Jack Daniel's Limited Edition Indian ความพิเศษของนักสะสมผู้ชื่นชอบความเป็นตำนาน จำหน่ายเพียง 107 คันทั่วโลก https://marshomme.com/lifestyle/532234/ Tue, 04 Jan 2022 14:07:00 +0000                   ผลงานสร้าง Iconic American brand ที่เกินกว่าจะบรรยาย ทั้งสองแสดงสัญลักษณ์ความเป็นตัวตนได้อย่างชัดเจนทุกมุมมอง Jack Daniel's® Limited Edition Indian Challenger Dark Horse รถจักรยานยนต์ที่ไม่ซ้ำแบบใครได้รับแรงบันดาลใจจากวิสกี้เทนเนสซีไรย์ที่มีชื่อเสียงของ Jack Daniel's® ซึ่งแต่ละผลิตภัณฑ์ได้รวบรวมจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมแบบเดียวกันเพื่อทำลายแม่พิมพ์และเป็นแบบอย่างของงานฝีมือระดับโลก


          ผลงานสร้างของสองพาร์ทเนอร์เลือดอเมริกาไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกทว่าเขาได้เคยกำเนิดรุ่นพิเศษมาแล้วถึง 5 ครั้งเพื่อรำลึกถึงความยาวนานของวิสกี้ชั้นเลิศภายใต้ ชื่อ Jack Daniel's® ทุกอย่างคือความพิถีพิถันโดยละเอียดเพื่อให้ทุกคนรู้สึกถึงความภูมิใจเมื่อได้ครอบครอง ซึ่งมันไม่ใช่เพียงแค่รถจักรยานยนต์ที่ร่วมกับแบรนด์อะไรสักแบรนด์เพื่อการค้าเชิงพาณิชย์ ทั้งหมดจะต้องสื่อสารถึงความเป็นอเมริกาอย่างมีชั้นเชิง 


          ความพิเศษถูกเติมแต่งลงไปบนตัวรถอย่างตั้งใจเริ่มจากการเพ้นท์ถังน้ำมันสีทองอย่างลงตัวไล่โทนกับสีเขียวเส้นยาวต่อเนื่องตั้งแต่ชุดแฟริ่งด้านหน้าถึงด้านหลัง เลือกใช้ตัวอักษร Indian แทนโลโก้หัวอินเดียนแดง Jack Daniel's® Limited Edition Indian Challenger Dark Horse รุ่นลิมิเต็ดนี้ยังเพิ่มความเป็นตัวตนขึ้นมาด้วย สัญลักษณ์โลโก้ของ Jack Daniel เดินด้ายสีทองที่เบาะนั่ง รวมถึงบริเวณตรงกลางถังน้ำมัน ต่ำลงมาคือที่พักเท้า ส่วนพื้นพักเท้าเป็นรูปรวงข้าวและขนนก


         มองจากด้านข้างของตัวรถเราจะเห็นถึงความขลังของการออกแบบผ่านโทนสีดำทองของตัวรถ ฝาครอบวาล์วเป็นสีทองปั๊มโลโก้ของ Indian แต่ที่น่าชวนหลงใหลมากกว่าคือ ตราพิเศษ Montana Silversmiths ของ Jack Daniel บริเวณกรองอากาศแสดงหมายเลขรถจักรยานยนต์คันนั้น และยังเป็นการเฉลิมฉลองให้กับมอเตอร์ไซค์อินเดียนอีกด้วย นอกจากนี้เขายังได้เพิ่มความพรีเมี่ยมให้รุ่นพิเศษนี่อีกมากเช่น ชุดเครื่องเสียง PowerBand Audio รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และโทรศัพท์อื่นๆ พลังเสียงถือว่าดีในระดับแถวหน้าของรถจักรยานยนต์ในแบรนด์ของ Indian


         บรรจุลำโพงขนาด 7 นิ้ว ถูกบรรจุในแฟริ่งและกล่องด้านข้าง จากนั้นมีไฟหน้าแบบปรับได้ของPathfinderที่เรียบหรู ซึ่งช่วยเพิ่มแสงสว่างตามมุมเอียงและการเพิ่มไฟ LED สำหรับการขับขี่ของ Pathfinder เช่นเดียวกับกระจกหน้ารถบานเลื่อนที่มีสไตล์และแฮนด์บาร์ทรงเตี้ยช่วยให้ควบคุมได้ง่าย


         เครื่องยนต์ Power plus ขนาด 1,768 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ทำแรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ส่วนบอดี้โดดเด่นด้วยสี Rye Metallic กับสีทองและสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ โดยมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ยังเป็นตัวแทนในการเฉลิมฉลองครบ 6 ปี กับการร่วมมือกันระหว่าง Indian Motorcycle, Jack Daniel’sและKlock Werks Kustom


        Jack Daniel's® Limited Edition Indian Challenger Dark Horseจะวางจำหน่ายเพียง107คันทั่วโลก เท่านั้น เพราะนี่คือ iconic American brand อย่างแท้จริง

Story : tong superman
Photo:Ultimate

]]>
Lamborghini Aventador LP780-4 Ultimae รุ่นอำลา Aventador ชื่อนี้จะเหลือเพียงความทรงจำ https://marshomme.com/lifestyle/532174/ Wed, 10 Nov 2021 08:50:00 +0000
         แฟนคลับลัมโบกินีคงรู้กันดีว่า Aventador คือสปอร์ตคาร์อันทรงพลังอีกหนึ่งรุ่น บรรดานักเล่นรถทั่วต่างก็ต้องมีเก็บไว้คอเลคชั่นส่วนตัว ทว่าในวันนี้การกล่าวลาก็เดินทางมาถึง โดยลัมโบกินีได้ประกาศแผนการที่จะผลิตรถยนต์ที่ใช้ไฮบริดภายในปี 2024 และเปิดตัวรถ EV ในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษ จะปิดไลน์เครื่องยนต์สันดาปภายใน Aventador ซึ่งจะเป็นรุ่นสุดท้าย และเพื่อเป็นการสร้างความทรงจำสุดท้ายร่วมกันจึงได้ส่งรุ่นพิเศษ Lamborghini Aventador LP780-4 Ultimae ให้สาวกกระทิงดุได้เก็บเป็นที่ระลึก


          Automobili Lamborghini ประกาศเปิดตัว Aventador LP780-4Ultimae เพื่อเป็นการอำลาของซูเปอร์สปอร์ตคาร์ V12 อันเป็นสัญลักษณ์และเครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นการผลิตรุ่นสุดท้ายโดยเน้นที่คุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ Aventador ทุกรุ่นที่ผ่านมาสร้างความดุดันอย่างบ้าคลั่งให้กับทุกคนที่เคยสัมผัสแรงจนคิดว่าทุกครั้งที่สตาร์ทเครื่องยนต์มันช่างคล้ายกับการออกสตาร์ทในสนามแข่ง


          เมื่อการเดินทางมาถึงจุดปลายของเส้นกราฟย่อมหมายถึงการสิ้นสุดเช่นกัน ซึ่งก็ใช้ได้ดีกับสปอร์ตคาร์ของลัมโบกินี วันนี้ทีมวิศวกรได้ทุ่มสุดกำลังเพื่อการพัฒนาถึงขั้นสูงสุดแบบสุดจริงให้กับ Aventador เพื่อสร้างความทรงจำ เขาสร้างเพิ่มสมบูรณ์แบบให้กับ Lamborghini Aventador LP780-4 ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษทำให้มีสมรรถนะเหนือกว่าของ SVJ 10 แรงม้าและเพิ่มความน่าเกรงขามปรับแรงม้าให้สูงกว่า Aventador S อีก 40 แรงม้า โดยผสมผสานการออกแบบและความปราดเปรียวเข้ากับชิ้นส่วนของนักสะสมที่มีความเด็ดขาดทั้งในรูปแบบคูเป้และโรดสเตอร์ ได้กันชนหน้าหลังพิเศษเฉพาะรุ่น ออกแบบมาเพื่อเน้นการรีดลมและนำลมเย็นไประบายความร้อนได้ดีกว่าเดิม สปอยเลอร์หลังปรับได้สามแบบตามรูปแบบการขับขี่ ในแบบมาตรฐานภายนอกจะใช้สีตัวถังสีเทา two-tone ตัดด้วยการขลิบสีแดง Red Rosso Mimir ส่วนล้อมาในสีเทา Silver Dianthus ขนาด 20 และ 21 นิ้ว รับกับคาลิปเปอร์เบรกสีเทา


           ภายในห้องโดยสารตกแต่งสีดำ ด้วยวัสดุ Alcantara ตัวเบาะเน้นลวดลายตัว Y มีการระบุชื่อ Ultimate ที่เสา A-Pillarและมีการระบุตัวเลข บ่งบอกความเป็น Limited ฝั่งคนขับ 001of 350 หรือ 250 อันเป็นจำนวนที่ผลิตในแต่ละแบบตัวถัง เพื่อบ่งบอกความพิเศษ มาตรวัดเป็นแบบ TFT digital ส่วนการเชื่อมต่อรองรับการสั่งการด้วยเสียงผ่าน Apple CarPlay


          Aventador LP780-4Ultimae มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V12 ความจุ 6.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 770 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 720 นิวตันเมตร และเข้าสู่ระบบการลดน้ำหนัก ทำให้รถมีน้ำหนักน้อยกว่ารุ่น S อยู่ประมาณ 25 กก.และมีอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักเท่ากับ SVJ ส่งกำลังผ่านเกียร์ AT single-clutch7 สปีด ซึ่งสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ภายในเวลาเพียง 50 มิลลิวินาที ช่วยให้ Ultimae coupe เร่งความเร็วจาก 0-100 กม.ต่อชม. ได้ใน 2.8 วินาที จนถึงความเร็วสูงสุด 355 กม./ชม.


          ระบบกันสะเทือนแบบแม่เหล็ก เบรกคาร์บอนเซรามิกพร้อมคาลิปเปอร์แบบ 6 พอตที่ด้านหน้า และคาลิปเปอร์แบบ 4 พอตที่ด้านหลัง ในขณะที่น้ำหนักตัวของรุ่นคูเป้อยู่ที่ 1,550 กก. และรุ่นโรดสเตอร์อยู่ที่ 1,600 กก. ในตัวถังหลังคาแข็ง Coupé ซึ่งเบากว่า Aventador S อีก 25 กิโลกรัม สัดส่วนกำลังต่อน้ำหนักจึงอยู่ที่ 1.98 กิโลกรัม / 1 แรงม้า รูปแบบการขับขี่ปรับได้ทั้ง STRADA, SPORT, CORSA และ EGOโดยอย่างหลังสุดให้ผู้ขับขี่ปรับทุกอย่างได้เองไม่ว่าจะเป็น ช่วงล่าง, เครื่องยนต์,เกียร์,ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และ พวงมาลัยสปอยเลอร์แบบแอคทีฟ ซึ่งสามารถปรับได้ ขึ้นอยู่กับการใช้งานและความเร็ว


         สำหรับในรุ่นความดุดันรุ่นสุดท้าย Aventador LP780-4Ultimae มีสีให้เลือก 18 สี ซึ่งใครหลายคนขอบความพิเศษที่เหนือกว่าทุกด้านของเครื่องยนต์สันดาปภายในคงต้องตามหาและเก็บเข้าไว้ในโรงรถอย่างแน่นอน เพราะชื่อของ Aventador คือสัญลักษณ์ของเครื่องยนต์อันทรงพลัง

Story:Tong Superman
Photo:imotortrip

]]>
NISSAN Z Sport 2022 V6 3.0L ยอดดวงใจนักเล่นรถสปอร์ตญี่ปุ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน https://marshomme.com/lifestyle/532140/ Thu, 14 Oct 2021 11:58:00 +0000
ตำนานก็คือตำนาน เมื่อเขากลับมาใหม่อีกครั้งย่อมต้องมีคนพูดถึง นอกจากนิสสัน GTR ที่รถยนต์สปอร์ตทรงพลังสร้างตำนานรถที่เร็วที่สุดในคลาสแล้ว อีกหนึ่งรุ่นคงหนีไม่พ้นตระกูล Z หรือ Fairlady ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของนิสสันเช่นกัน ด้วยเสน่ห์ของเครื่องยนต์วางหน้าขับเคลื่อนล้อหลัง โครงสร้างที่แสดงอัตลักษณ์เฉพาะตัวคูเป้ท้ายลาดเอียงหน้าตาดุดัน จึงทำให้นักเล่นรถหลายคนสะสมกันเอาไว้


          หากย้อนกลับไปเมื่อปี 1969 จุดเริ่มต้นของตระกูล Z ได้ถือกำเนิดขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยรูปร่างหน้าที่ออกแนวสปอร์ตคูเป้ชัดเจนรวมถึงกำลังขับเคลื่อนอันทรงพลังจึงให้ยุคนั้นเขาก็เป็นเบอร์ต้นๆของผู้ชื่นชอบความแรง ทว่าเวลาผ่านมาถึงปัจจุบัน นับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 6 เส้นสายการออกแบบพัฒนาให้มีความทันสมัยแต่ไม่ทิ้งแนวทางเดิมเลยแม้แต่น้อย แล้วในเจเนอเรชั่นที่ 7


         ล่าสุดนิสสันได้เผยโฉมเจเนอเรชั่นใหม่ของตระกูล Z ออกสู่ธารณชนเป็นที่เรียบร้อยหลายคนบอกว่าเครื่องยนต์บล็อคนี้น่าจะดันแรงม้าให้สูงได้มากกว่านี้ โดยการปรับโฉมครั้งนี้เขาได้มาพร้อมกับขุมกำลัง VR30DDTT บล็อคเดียวกับ Infiniti Q60 เครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตรแบบ V6 พร้อมพละกำลังอยู่ที่ 400 แรงม้าแค่นี้ก็ถือว่ามากพอสำหรับขับไปอวดหน้าตาบนท้องถนนและยังพ่วงมาด้วยเทอร์คู่ทรงพลัง เพื่อการตอบสนองได้ดีทั้งรอบต้นและรอบปลาย


          แน่นอนระบบส่งกำลังมาแบบแพคคู่ให้เลือกทั้งแบบอัตโนมัติ9จังหวะพร้อมแพดเดิลซิฟท์สไตล์ Nissan GT-R รุ่นเกียร์อัตโนมัติทุกรุ่นมาพร้อมฟังก์ชั่น Launch Control สำหรับช่วยออกตัว ส่วนรุ่นเกียร์ธรรมดาเกรด Z Performance ก็จะมีฟังก์ชั่น Advanced Launch Assist Control ด้วยให้กำลังต่อเนื่องลื่นไหล ในเกียร์ธรรมดาจะเป็น6จังหวะอัตราทดชิด พร้อมคลัทช์ประสิทธิภาพสูงของ EXEDY บางครั้งความสนุกก็อยู่ที่เกียร์ธรรมดาบางคนก็ยังหลงไหลกับการขับแบบเดิมอยู่เพื่อเค้นกำลังออกมาให้สุดทุกเกียร์ 


           ดีไซน์ภายนอกเน้นเรียบง่ายแต่คงไว้ซึ่งตัวตนตั้งแต่อดีตโดยชุดกระจังหน้าเป็นทรงเหลี่ยมชัดเจน ตรงกลางช่องดักลมเป็นแบบรังผึ้งเป็นสำเงา ชุดไฟหน้าเป็นแบบ LED ทั้งชุดเลือกใช้ไฟส่องสว่างเวลากลางวันเป็นแบบสองเส้นบนล่าง ซึ่งหากสังเกตช่องดักลมของรุ่นนี้จะคล้ายกับ 350Z จะต่างเพียงขนาดเท่านั้นอาจเล็กกว่า


            หากมองจากด้านข้างตัวรถเราจะเห็นชัดเจนถึงเส้นตรงแนวยาวจากด้านหน้าถึงท้าย รวมถึงหลังบคาลาดเอียงสไตล์รถคูเป้ ซึ่งการออกแบบนี้เป็นการถอดแบบมาจากตระกูล Z ทุกรุ่น ในโฉมนี้ยังถูกเน้นย้ำเส้นสายดังกล่าวด้วยการเพิ่มคิ้วโคเมี่ยมจากเสาเอด้านบนหลังคายาวจนถึงเสาซีผ่านโลโก้ Z ทรงกลม ส่วนหลังคาของรุ่นนี้จะเป็นสีดำตัดกับสีตัวรถ ล้อแม็กมีทั้งสีน้ำตาลทองและสีดำ แยกเป็น 3 เกรดรุ่นย่อย ได้แก่ Z Sport, Z Performance และรุ่นพิเศษจำกัดจำนวน Z Proto Spec (ผลิตเพียง240)


           Z Sport มากับล้อแม็กซ์อลูมิเนียม ลายใหม่ขนาดขนาด 18 นิ้ว ยางYokohama ADVAN Sport ส่วนรุ่น Z Performance จะอัพเกรดขึ้นเลือกใช้ล้อฟอร์จ น้ำหนักเบาเป็นพิเศษของRAYSชื่อนี้สายซิ่งญี่ปุ่นเขารู้กันดีโดยจับคู่ยางสมรรถนะสูง Bridgestone Potenza S007 ด้านหน้าขนาด 255/40 ด้านหลังหน้ากว้างเป็นพิเศษ 275/35 ภายในก็จะมีฟังก์ชั่นมาใช้งานมาให้ครบครันเช่นจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว หรือ 9 นิ้ว (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) พร้อมระบบอินโฟเทนเมนท์ Nissan Connect รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Android Auto หรือ Apple CarPlay, Wi-Fi hotspot, พอร์ท USB มีให้ทั้ง Type-A และ Type-C และชุดเครื่องเสียง Bose พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่งเป็นต้นฯ


           งานนี้นิสสันพร้อมอัดสปอร์ตต่างค่ายอย่าง Toyota Supra แบบไม่มีกั๊ก น่าสนใจอย่างยิ่งว่าชื่อของ Z ซีรี่ส์จะกลับมาเฉิดฉายได้อีกครั้งหรือไม่ ราคาอยู่ที่ 40,000 ดอลลาร์ หรือราวๆ 1.4 ล้านบาท ถ้ามาถึงเมืองไทยราคาจะเพิ่มขึ้นหรือเปล่าต้องรอดู

Story : tong superman
Photo: moto1

]]>
Mercedes-AMG50 Years Legend of Spa “RED Pig” https://marshomme.com/lifestyle/532090/ Sun, 19 Sep 2021 08:21:00 +0000 จากปี 1971 Mercedes-AMG จนถึงวันนี้จากจุดเริ่มต้นและกำลังก้าวสู่ตำนาน 50 ปี ทั้งนี้เพื่อฉลอง Mercedes-AMG ได้เปิดตัวรถแข่งทีเดียวถึงสามคัน Mercedes Red Pig ในชื่อว่า “50 Years Legend of Spa”


นี่คือรถที่มีความแรงเป็นพิเศษและเป็นรุ่นพิเศษสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้กับพี่ใหญ่แห่งความแรงในสนามแข่งระดับตำนาน ซึ่งรถทั้งสามรุ่นนี้จะเป็นตำนานต่อไปในหนาคตเพราะว่า ทำไม? เหตุง่ายๆนี่คือรถที่สมรรถนะสูงจนเกินลิมิตรรถถนนทั่วไป พละกำลังสร้างให้เหมือนกับว่าคุณกำลังจะลงแข่งขัน อุปกรณ์ภายในทั้งหมดยังเต็มไปด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ ใครได้ครอบครองยิ่งต้องภูมิใจ


ทั้ง 3 คัน ถูกตกแต่งด้วยสีแดงให้เหมือนกับรุ่น 300 SEL6.8 AMG คันที่ได้แชมป์เมื่อปี 1971 ในหมายเลข 35 แต่รุ่น 50 Years Legend of Spaจะใช้หมายเลข 50 ให้สอดคล้องกับการครบรอบ 50 ปี พร้อมกับสติ๊กเกอร์ผู้สนับสนุนในการแข่งขัน ‘Red Pig’ ในปีนั้น และโลโก้สนับสนุนนี้ก็เป็นการสร้างความจดจำให้แก่ผู้พบเห็นตลอดหลายปีของการแข่งขัน


รถแข่ง “50 Years Legend of Spa” เป็น Limited Edition ซึ่งประกอบด้วยรุ่น Mercedes-Benz SLS AMG GT3 1 คัน, Mercedes-AMG GT3 รุ่นปี 2016 1 คัน และ Mercedes-AMG GT3 รุ่นปัจจุบันอีก 1 คัน ทำให้กลายเป็นสายพันธุ์ที่หายากอย่างแท้จริง เพราะทุกคันจะได้รับการถ่ายทอดสไตล์รถต้นแบบของการแข่งขันมาได้อย่างครบถ้วน ชุดแอร์โร่ไดนามิกส์รอบคันจัดเต็ม สปอยเล่อร์หน้าขนาดใหญ่รวมถึงสปอยเล่อร์หลังที่พร้อมกดให้รถอยู่กับพื้นได้เต็มประสิทธิภาพ ด้านหลังมีดิฟฟิวเซอร์มาให้สำหรับรีดอากาศใต้ท้องรถเพื่อลดการหมุนวน ซึ่งอุปกรณ์ทั้งหมดสร้างจากเคลฟล่าแข็งน้ำหนักเบา


ในห้องโดยสารเขาได้ใช้พื้นผิวด้านที่เป็นแบบเดียวกันของ Graphite Metallic และแผงหน้าปัดที่ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ แผงหน้าปัดยังมาพร้อมกับแผ่นโลหะครบรอบพร้อมลายเซ็นดั้งเดิมของผู้ก่อตั้ง AMG Hans Werner Aufrecht เบาะนั่งเป็นแบบบัคเก็ตซีทของแท้พร้อมกับปักโลโก้ 50 ปี เอาไว้ด้วย


ข้อมูลจำเพาะทางเทคนิคของรถแข่งรุ่นพิเศษแต่ละรุ่นเกือบจะยังคงอยู่ ยกเว้นระบบไอเสียที่ไม่ได้รับการโมดิฟายด์ ซึ่งช่วยให้สามารถปลดปล่อยพละกำลังของ AMG 6.3 ลิตร V8 ขนาด 650 แรงม้า (478 กิโลวัตต์) ได้โดยไม่ต้องใช้ตัวจำกัดอากาศ


รถแข่งรุ่นพิเศษจะถูกจัดแสดงเป็นครั้งแรกในการแข่งเอ็นดูรานซ์ 24 ชั่วโมงของปีนี้ที่Spaพร้อมกับแบบจำลองของ Mercedes-Benz 300 SEL6.8 AMG Red Pig ในตำนาน สำหรับราคาของ MY2016 GT3 ขายได้ 500,000 ยูโร หรือประมาณ 19 ล้านบาท ในขณะที่รุ่นที่อัปเดตมีสติ๊กเกอร์ ราคาอยู่ที่ 575,00 ยูโร หรือประมาณ 22.5 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน รุ่น SLS AMG GT3 ราคา 650,000 ยูโร หรือประมาณ 25.4 ล้านบาท ทั้งหมดนี้เป็นยิ่งกว่ารุ่นลิมิเต็ดเพราะคือคุณค่าความแรงที่คงไว้ด้วยจิตวิญญาณของ AMG 


Story : tong superman
Photo :Mercedes-benz

]]>
กำจัด “ขน” ไม่พึงประสงค์ของผู้ชาย https://marshomme.com/lifestyle/531835/ Mon, 26 Apr 2021 05:38:00 +0000

เรื่องของขนและการกำจัดขนสำหรับผู้ชาย ยังเป็นความลับที่ผู้ชายยังไม่อยากพูดถึง ยกเว้นแต่เรื่องหนวดและเครา ที่หนุ่มๆ มักไม่ค่อยเปิดเผย ว่ามีขนตรงนั้นตรงนี้ที่ไม่พึงปรารถนา การกำจัดขน ยังฟังดูเหมือนการแต่งหน้าหรืออะไรที่เป็นผู้หญิงจนเกินไป แต่ความจริงแล้วการกำจัดขนเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับหนุ่มๆ


ขนตรงไหนบ้างที่หนุ่มนิยมกำจัดที่ดูจะยอดนิยมที่สุด สำหรับหนุ่มที่ถือหลักการทั้งห้าของโหงวเฮ้งคือการกำจัดขนระหว่างคิ้วทั้งสองข้างไม่ให้คิ้วต่อกันเป็นเส้นเดียว การกำจัดขนที่ใบหู การกำจัดขนที่ไหล่และหลัง การกำจัดขนหน้าอก หรือสำหรับนักกีฬาที่ต้องการความราบลื่นทั่วทั้งตัว เช่น นักเพาะกาย นักว่ายน้ำ และนักขี่จักรยาน อาจกำกัดขนทั่วทั้งเรือนร่าง และแน่นอนว่า หนุ่มบางคนก็ต้องการกำจัดขนที่จุดลับด้วยเช่นกัน

ขั้นตอนและวิธีกำจัดขนมีตั้งแต่ระดับเบื้องต้นที่ทำได้เอง แต่ไม่คงผลถาวรนักไปจนถึงบริการกำจัดขนถาวรด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ล้ำสมัย


การโกน

หนุ่มๆ เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นก็เรียนรู้การโกนขน (หนวด) เป็นวิธีที่สะดวกกับอุปกรณ์ที่มีจำหน่ายทั่วไปในท้องตลาด ทำได้แทบทุกสัดส่วนแต่ต้องอาศัยความระมัดระวังเสียหน่อยให้ผลไม่ถาวรหรือเพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้น


การแว๊กซ์

อุปกรณ์หาซื้อใช้ได้เอง แต่วิธีการยังคงต้องอาศัยความชำนาญและมีความวุ่นวายประมาณนึง ผลที่ได้ทันทีหลังการแว็กซ์เป็นความราบเรียบที่หนุ่มๆต้องประทับใจ และให้ผลไปได้อีกสี่ถึงหกสัปดาห์กับขนอ่อนที่ขึ้นมาน่าประทับใจสามารถทำได้ทั้งมือแขนขาหน้าอกรักแร้และส่วนอื่นๆ ของร่างกาย


เลเซอร์กำจัดขน

วิธีนี้เป็นวิธีการกำจัดขน แม้บางที่จะบอกว่าขนจะไม่ขึ้นใหม่อย่างถาวร แต่ก็ไม่อยากให้ปักใจเชื่อมากนัก เพราะอาจจะเกิดขนใหม่ขึ้นได้อีกแต่อาจจะอยู่ในปริมาณที่น้อย แต่ข้อเสียคือ ราคาแพง


กำจัดขนถาวร

วิธีการกำจัดขนถาวรที่เทคโนโลยีล้ำหน้ามีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เป็นต้นว่า การกำจัดขนที่ใบหู การกำจัดขนที่ไหล่และหลังการกำจัดขนหน้าอก หรือสำหรับนักกีฬาที่ต้องการกำจัดขนทั่วทั้งเรือน

อย่างไรก็ตามที่เรียกกันว่าการกำจัดขนถาวรนั้นไม่ได้แปลว่าถาวรตลอดชีวิต แต่เป็นการถาวรที่ยาวนานกว่าวิธีอื่นทั่วไป

www.myethosspa.com › laser-hair-removal-for-men-face
mybeardgang.com › how-to-treat-beard-lice
www.thetrendspotter.net › Grooming
www.123rf.com › stock-photo › hair_removal_man
www.coolaromaspa.com › considering-waxing-pro-guy…

]]>
Sea Sand Sun ชีวิตติดทะเลของ “กอล์ฟ-ชูเกียรติ คำมูล” https://marshomme.com/lifestyle/531801/ Mon, 05 Apr 2021 11:33:00 +0000 ต้อนรับซัมเมอร์อย่างเป็นทางการ กับไลฟ์สไตล์สุดชิคต้อนรับฤดูกาล Mars Homme พาไปทำความรู้จักกับ นายธนาคารหนุ่ม อย่าง “กอล์ฟ-ชูเกียรติ คำมูล” เรียกได้ว่าเป็นสายทะเลของจริงถึงแม้จะไม่ได้เป็นลูกทะเลโดยกำเนิด เจ้าตัวถึงขนาดออกปากเลยว่า “การไปเที่ยวทะเลคืองานอดิเรก ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องจัด” จัดเอาตัวเองไปติดน้ำเค็มทุกที นอกจากคลื่นใสๆ ลมสบาย แดดสะใจของทะเลไทยที่ทำให้ กอล์ฟ ติดใจแล้ว ยังมีกิจกรรมเท่ๆ ที่เจ้าตัวก็ไม่พลาดที่จะเล่น


Sun Tan

เริ่มที่ กิจกรรมที่ไม่จำเป็นต้องเสียเงินมาก เพียงมีแค่ ซันแทนโลชั่นที่ต้องการตามระดับความเข้ม ของสีผิวที่ปรารถนา เริ่ม ตั้งแต่ spf 2 ไปจนถึง 15-30 แดดบ้านเราเริ่มอาบซักช่วงบ่ายสองบ่ายสามก็น่าจะเพียงพอ แค่นี้ก็มีผิวเข้ม ๆ แทนๆอมน้ำผึ้ง แต่หากอาบแดดจัดเกินไปจะทำให้ผิวเกรียมเกินไปจนไหม้แดง ลอกเอาได้ และที่สำคัญอย่าลืม ทาอาฟเตอร์ซัน หรือ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น


หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต ที่นี่จะมีกิจกรรมเอาใจนักท่องเที่ยวเยอะหน่อยเพราะมีชื่อเสียงเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ที่หนุ่มกอล์ฟ แนะนำ คือ “เจ็ตสกี” แค่เพียงบิดก็โต้คลื่น โต้ลม ชมวิวได้แล้ว แพงขึ้นมาอีกนิด หวาดเสียวหน่อย แต่สนุกสุดๆ และอันนี้ห้ามพลาดเด็ดขาดก็คือ “พาราเซล” หนุ่มกอล์ฟกระซิปว่า “ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด!”


StandUp Paddle Board

ที่ เกาะช้าง หนุ่มเหนือผู้หลงใหลน้ำทะเลคนนี้ แนะนำให้ไปชิลล์ที่โรงแรม nature Beach resort koh Chang มีแพดเดิล บอร์ด หน้าตาคล้ายๆ เซิร์ฟบอร์ด แต่บ้านเราคลื่นทะเลไม่ใหญ่และแรงมากพอจะเล่นได้ ชื่อเต็มๆ ก็คือ StandUp Paddle Board หรือ SUP เป็นกีฬาที่ถูกพัฒนาจากเซิรฟ์ ข้อดี คือไม่ต้องใช้คลื่นเล่น น้ำนิ่ง ทะเล คลอง เขื่อน เล่นได้หมด ง่ายมากๆเหมือนพายเรือ ใครก็เล่นได้โดยอุปกรณ์ ที่เพิ่มมาคือไม้พาย ช่วยเคลื่อนที่ได้ตามใจ ไม่ต้องง้อคลื่น วิธีเล่นคือ การยืนตัวตรง แล้วพยายามทรงตัวบนบอร์ด


“เวลาเล่นแพดเดิล หรือ Sup บอร์ดกับทะเลนั้นคลื่นแต่ละลูก สาดมาไม่เท่ากัน ก็จะได้ใช้กล้ามเนื้อทั้งแขน และ ขาแถมด้วยหน้าท้องในการทรงตัว ซึ่งท้าทายกว่าน้ำนิ่งๆ มาก เท่ หุ่นดีชัวร์”

นอกจากนี้ ก็คงจะเป็นกิจกรรมที่คุ้นเคย แต่ทุกครั้งก็จะได้ดื่มด่ำกับความสวยงามใต้ท้องทะเลแตกต่างกันไปก็คือ Snorkeling นี่ก็ไม่ต้องเสียตังค์ค่าใช้จ่ายเลย  ถ้ามีแว่นตาสำหรับดำน้ำตื้น ดูปะการังอยู่แล้วแบบหนุ่มกอล์ฟ เขาแนะนำว่าไปที่หาดเทียน เกาะแสมสาร สัตหีบ นี่เอง มีนีโมน่ารักๆ ให้ได้ชมกันด้วย  ซึ่งหนุ่มสายทะเล รักธรรมชาติตัวจริง ก็ไม่น่าพลาดกิจกรรมสุดคลาสสิกนี้


ร้อนไหนๆ ก็ประทับใจไม่ลืมเลือนแน่นอน งานนี้หนุ่มกอล์ฟยังฝากติดตาม IG thegolfgab ไว้ด้วย รับรองว่าจะมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ฟอลโลเวอร์ได้กดไลค์กันอีกแน่นอน

Source : IG thegolfgab

]]>