Warning: Cannot modify header information - headers already sent by (output started at /var/www/marshomme.com/wp-content/plugins/wp_mgr_id/wp_mgr_id.php:1) in /var/www/marshomme.com/wp-includes/feed-rss2.php on line 8
ดาราชาย – Marshomme https://marshomme.com Tue, 19 Apr 2022 14:05:20 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.2.20 https://marshomme.com/wp-content/uploads/2019/10/logo2_icon-90x90.png ดาราชาย – Marshomme https://marshomme.com 32 32 เหลือไว้เพียงผลงาน อาลัย ‘บีม ปภังกร’ นักแสดงนำจากซีรีส์ไทยเรื่องแรกของ Netflix https://marshomme.com/interview/529822/ Wed, 23 Mar 2022 14:35:00 +0000

           ตกใจไม่น้อย เมื่อทราบข่าวการจากไปกะทันหันของ ‘บีม ปภังกร’ หนึ่งในนักแสดงมากฝีมือ   ที่เคยร่วมงานถ่ายแฟชั่น E photobook กับ mars homme เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ร่วมไว้อาลัยกับการจากไปของบีม กับบทสัมภาษณ์ขนาดยาวที่บีมเคยให้สัมภาษณ์ไว้กับเรา….


          แม้ซีรีส์แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งออนไลน์ทั้งหลายจะเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ มาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ยอดวิวของทุกแพลตฟอร์มกลับมาทะลุเป้าแบบไม่เหนือความคาดหมาย เพราะโรคระบาดนั่นไง ที่ทำให้เราไปไหนมาไหนไม่ได้ จำต้องหาความบันเทิงเสพชิลล์ๆ แก้เครียดไปวันๆ

           หนึ่งในแพลตฟอร์มที่ฮิตมากๆ ก็คงต้องยกให้เน็ตฟลิกซ์แหละ ที่มีทั้งหนังและซีรีส์เด็ดๆ จากทั่วโลกให้ชมชนิดที่เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว แต่หนึ่งออจินัลซีรีส์ของค่ายนี้ที่น่าจับตามองมากที่สุด คงต้องยกให้ #เคว้ง เพราะนอกจากเป็นซีรีส์ไทยเรื่องแรกที่เป็นออริจินัลซีรีส์ของ Netflix แล้ว เรายังได้พิสูจน์ฝีมือการผลิตและการแสดงของคนไทยล้วนๆ ทั้งนักแสดงและผู้กำกับอีกด้วย

            หนึ่งในนักแสดงนำที่โดดเด่นมากจากซีรีส์เคว้ง ก็คือ ‘บีม-ปภังกร ฤกษ์เฉลิมพจน์’ ที่ได้รับคำชมอย่างมากมาย เรามีคำถามหลายข้อที่อยากจะฟังคำตอบจากปากหนุ่มคนนี้ชัดๆ


feedback จากเคว้งที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง

         ส่วนตัวผมมองว่าค่อนข้างโอเคนะครับ มีทั้งติทั้งชม ชมเราก็ถือว่าเป็นกำลังใจให้ตัวเองนะครับ แต่ว่าส่วนคำติ ผมเก็บมาพัฒนาตัวเอง แล้วอ่านบ้างไม่อ่านบ้าง แต่อันไหนที่อ่านแล้วเรามองว่าเอออันนี้มันจริง เรานำมาปรับปรุงพัฒนาในอนาคตได้

ที่ติเขาติเรื่องอะไร

         ส่วนใหญ่คือด้วยตัวบทครับ ผมว่ารู้สึกว่ามันมีหลายอย่างที่เขายังไม่ได้เฉลยให้เคลียร์ แล้วยังไม่ได้เฉลยให้จบซะทีเดียว คนเลยสงสัยกัน

เตรียมไว้ซีซั่น 2 ไหมเพราะกระแสซีซั่นแรกค่อนข้างดี

          ผมยังไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะทำหรือเปล่าครับ เขาบอกว่าต้องรอทาง Netflix แจ้งอย่างเป็นทางการมาก่อน ส่วนเรื่องกระแสค่อนข้างโอเคอยู่ครับ ทาง Netflix เขาค่อนข้างพอใจ

ทำไมถึงได้มาแคสต์เล่นซีรีส์เรื่องนี้

         มาแบบงู ๆ ปลา ๆ มากเลยครับ คืออยู่ๆ พี่เขาเรียกเข้ามาแคสต์ เราไปแคสต์แบบที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องอะไรเลย เพิ่งมารู้ทีหลังด้วยว่าเป็น Netflix ครับผม


คือไม่ได้ให้รายละเอียดเลยว่า แสดงเรื่องอะไร แนวไหน รับบทเป็นใคร ใช่มั้ย

         คือตัวที่แคสต์ก็เป็นตัวที่ชื่อคราม แค่นั้น รู้แค่ว่าชื่อคราม เป็นลูกชาวประมง เด็กใต้ ชาวเกาะ อะไรประมาณนี้ครับ แค่นี้ นอกนั้น ไม่รู้อะไรเลย สงสัยที่เขาเลือกผมเพราะหน้าตาเข้มๆ คมๆ เหมือนเด็กใต้มั้งครับ

จริงๆ บีมเป็นคนกรุงเทพฯ หรือคนใต้

         คนกรุงเทพฯ ครับ แต่มีคนถามผมเยอะมากว่าเป็นคนใต้หรือเปล่า ยิ่งเล่นเรื่องนี้เสร็จ มีคนมาถาม เต็มเลยว่าเป็นคนใต้หรือเปล่า ไม่ใช่ครับนะครับ คนกรุงเทพฯ เกิดที่นี่

บีมเข้าวงการมานานหรือยัง

        ตั้งแต่ 16 ครับ ตอนนี้ 24 ก็ปีที่ 8 แล้วครับ


ตอนนั้นที่เข้ามาวงการเริ่มจากน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ใช่มั้ย

       ใช่ครับ น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ครับ มีเปิดเป็นออดิชั่นครับ รับน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์แก๊งใหม่ เราก็เข้าไปประกวด มันเป็นประกวดครับ พอเราประกวดเสร็จเราก็ต้องเก็บตัวแป๊บหนึ่ง แล้วมีแข่งรอบสุดท้าย กว่าจะเลือกประมาณเดือนหนึ่งได้ครับผม

ใครชวนไปแคสต์

         ตอนนั้นคุณแม่เป็นคนผลักดันครับ พอแม่เห็นประกาศว่ามีรับน้องแก๊งใหม่ เขาบอกผมให้ลองไปดู อยากให้ลูกกล้าแสดงออกประมาณนี้ครับ คือแม่ผมจะชอบให้ผมอยากจะไปทำอะไรพวกนี้ ไปประกวด ลองไปดูนู่นดูนี่ตั้งนานแล้ว คือเขาอยากให้ผมกล้าแสดงออก แล้วเราก็ไม่เคยไปสักที่ แต่อันนี้เราก็ว่าเราลองไปดู

แล้วที่ไปเล่นหนัง Water Boyy ล่ะ

        Water Boyy เนี่ยเล่นอยู่ในระหว่างที่เล่นช่วงน้องใหม่ไปประมาณ 2 ปี แล้ว แล้วก็มี Water Boyy เข้ามาครับผม ตอนนั้นผมเห็นว่าบทมันน่าสนใจดี ก็เลยลองไปเล่นแค่นั้นเลยครับ ไม่ได้คิดอะไรมากหลังจาก Water Boyy ก็มีน้องใหม่ถ่ายมาเรื่อยๆ ครับ แล้วผมก็มีละครช่อง 3 มิสเตอร์เมอร์แมนบ้าง มี Project S The Series ของนาดาวครับ ตอน Spike ครับ ที่เป็นตอนของนักวอลเลย์บอล แล้วก็มีซีรีส์อีกเรื่องหนึ่งชื่อเรื่องรักหลับครับ ออนแอร์ทางช่อง 3 SD ครับ

ตอนนี้กำลังถ่ายอะไรอยู่

         ตอนนี้ก็มีถ่ายซีรีส์อยู่เรื่องหนึ่งครับ แต่ว่าช่องทางออนแอร์ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นทางไหนเป็นซีรีส์เกี่ยวกับการแข่งเปียโนประมาณนี้ครับ เรื่องราวมันก็จะมีปัญหากันในระหว่างการแข่งประมาณนี้ครับ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ผมขออุบไว้ก่อนดีกว่า


อยู่วงการนี้มาหลายปี รู้สึกพอใจในจุดที่เราอยู่ตอนนี้ไหม

        พอใจไหม ผมว่าตอนนี้มันก็โอเคอยู่นะครับ เพราะถือว่าเราได้มีงานเข้ามาเรื่อยๆ ครับ อาจจะยังไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างอะไร แต่ผมไม่ได้โฟกัสตรงนั้น ผมอยากพัฒนาตัวเองให้มันดีพร้อมที่จะไปอยู่ตรงนั้นในวันที่โอกาสเข้ามาจริงๆ มากกว่าครับ แล้วตอนนี้ผมมองว่ามันเป็นช่วงที่เรากำลังพัฒนาตัวเองให้ฝีมือเก่งๆ กว่านี้ก่อนครับ

ผลงานที่เคยมีมาชอบบทไหนมากที่สุด

ตัวน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ผมก็ชอบนะครับ ตัวที่ผมเล่นชื่อปราบภัย เคว้งนี่ผมก็ชอบ

บทครามกับบีมนี่ต่างกันมากน้อยแค่ไหน

ช่วงแรกๆ ต่างกันเยอะมากในการแบบจูนอิน เขาเรียกว่าอะไร outer ของเรา เราเป็นคนแบบไม่ค่อยใจเย็นครับ เป็นคนทำอะไรรีบๆ ลุกลี้ลุกลน เป็นไฮเปอร์ แต่ว่าตัวครามเขาจะนิ่งๆ ใจเย็นๆ ชิลล์ๆ เป็นชาวเกาะด้วย ดูสุขุมกว่าใช้เวลาจูนอยู่สักพักหนึ่งนะครับ มีพี่จินผู้กำกับช่วย แล้วเวลาเราอยู่กอง ไม่ใช่อยู่กองเดียว ตอนที่ถ่ายทำเราต้องย้ายตัวเองไปอยู่เกาะนานๆ ครับ มันช่วยเราตรงนี้ด้วย ระหว่างนั้นเราก็พยายามทำให้ใจเย็นและนิ่งให้มันมากขึ้นตลอดครับ


ทำไมถึงคิดว่าตัวเองเป็นคนไฮเปอร์

         ผมอยู่ไม่ค่อยสุขครับ แล้วเวลาผมทำอะไรผมทำเร็วๆ ผมไม่ได้แบบทำช้าๆ เวลาทำช้าๆ แล้วผมอึดอัด แต่พอหลังจากผมเล่นเคว้งมา ผมรู้สึกว่าผมเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะอยู่ เปลี่ยนไปในเรื่องของความใจเย็น นิ่งลง วิธีคิดก็ค่อนข้างเปลี่ยนเยอะ

ถ้าวันนี้ไม่ได้เป็นนักแสดงบีมจะเป็นอะไร

         นั่นสินะ ผมคิดอยู่ตลอด อาจจะยังเพิ่งเรียนจบ ไม่รู้ว่าจะทำอะไร เพราะตอนก่อนที่จะเข้ามาเป็นนักแสดง มันก็ยังไม่ใช่เป็นช่วงที่เราคิดได้ว่าเราอยากจะทำอะไร อยากจะเป็นอะไร เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะไปเรียนสายไหน จบมาทำอะไร นึกไม่ออกเลยเหมือนกันครับ

ถ้าสมมุติว่าวันนี้ไม่ได้เป็นนักแสดงแล้ว เราอยากทำอะไรต่อ

         ผมอยากทำธุรกิจ แต่ว่าผมยังไม่รู้ว่าผมต้องการจะทำอะไร ณ ตอนนี้ แต่ที่แน่ๆ คือผมอยากทำธุรกิจ อยากขายของ อยากลองดูสิ่งที่เราไม่เคยทำเหมือนกันครับ

ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาบ้างมั้ย

           เล่นกีฬาครับ ผมเตะบอล ต่อยมวย ฟิตเนสบ้าง เอาหมดเลยครับ ผมชอบเล่นกีฬามาก แต่ว่าพิลาทิสเหมือนที่แม่ผมสอนอยู่เนี่ย ผมว่ามันไม่ใช่ทางของผมเท่าไร เรื่องดูแลตัวเอง ผมไม่ได้ดูแลตัวเองขนาดนั้นครับ ผมตามใจตัวเองเรื่องกิน แต่ว่าผมจะออกกำลังกายอยู่ตลอด เพราะฉะนั้นมันก็จะแล้วแต่ช่วงเวลาครับ ช่วงไหนออกกำลังเยอะ หุ่นจะดี มันก็จะมีอารมณ์อยากไปออกกำลังกายเยอะ ช่วงไหนที่ขี้เกียจๆ มันก็จะเผละหน่อย


อยู่วงการมาหลายปี มีงานหรือบทบาทอะไรที่เรายังไม่เคยรับ และมีความรู้สึกว่าวันหนึ่งถ้ามีโอกาส เราอยากจะไป challenge ตัวเองกับสิ่งนั้นบ้าง

          นึกไม่ออกเลยครับตอนนี้ สมมุติถ้าเข้ามาอย่างนี้ แล้วเราเห็นแล้วว่า เฮ้ยน่าลอง ผมก็คงโอเคครับ แต่หนังผมอยากเล่นอีกนะ เพราะเล่นมาเรื่องเดียว อยากลองอีกเหมือนกัน อ๋อ ผมนึกออกแล้ว ผมอยากเล่นหนังแบบชีวประวัติแบบต่อยมวย อันนี้ผมอยากเล่นมาก อยากเล่นหนังต่อยมวย แบบว่าเป็นชีวประวัติที่แบบนายขนมต้มอะไรอย่างนี้ครับ อันนี้อยากเล่นมาก

ประเมินผลงานตัวเองที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง

            มันควรจะดีกว่านี้ครับ แต่ ณ ตอนที่เราได้ทำ เราก็ทำไปเต็มที่เท่าที่สมรรถภาพเราสามารถทำได้ เพราะฉะนั้นหลังจากนี้มันก็เป็นเรื่องของการที่เราไปพัฒนาตัวเอง ระหว่างที่เราไม่ได้รับงาน ไม่ได้ทำงาน ที่ทำให้เราได้ไปทำงานครั้งหน้า มันอยู่ในสภาพที่พร้อมและฟิตกว่านี้ เวลาเรามองย้อนกลับมาดูงานอีก เราจะได้ไม่แบบเสียดายว่า เฮ้ย ตรงนี้เราน่าจะดีกว่านี้ ทุกครั้งเราก็ทำไปเต็มที่เท่าที่เราทำได้ที่สุด และพยายามพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ นะครับ หรือว่าจริงๆ แล้วจนถึงวันหนึ่งที่ผมแก่มากๆ ผมก็อาจจะยังไม่พอใจในผลงานตัวเองก็เป็นไปได้ครับ ผมไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมมองว่าจริงๆ แล้วมันก็มีอะไรให้พัฒนาขึ้นไปได้อีกเรื่อยๆ

ดาวน์โหลด E Photobook และบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม รวมไปถึงเบื้องหลังคลิปวิดีโอของ ‘บีม ปภังกร’ ได้เร็วๆ นี้

https://www.mebmarket.com/ebook-124286-Mars-Homme-Magazine-Online-BEAM


https://www.ookbee.com/shop/magazine/MARHOMMEMAG/2f044a59-0536-49d5-b979-b67c0028fc99/mars-homme-magazine-online-beam

Text :  Takeshi West

]]>
‘จอส-เวอาห์ แสงเงิน’ Sexual Icon คนใหม่ของวงการ https://marshomme.com/interview/526444/ Wed, 08 Apr 2020 10:44:00 +0000

ละครจบ แต่บรรดาสาวๆ พร่ำบ่นและเพ้อถึง ‘จอส-เวอาห์ แสงเงิน’ เด็กดื้อ (น่าตีก้นให้ลาย) หรือที่รู้จักกันในนามป้องกุลจากละครเกมรักเอาคืน ทางช่อง GMM25 ที่นับวันหนุ่มคนนี้จะฉายแววความเป็นซูเปอร์สตาร์มากขึ้นเรื่อยๆ คราวที่แล้ว เรานัดสัมภาษณ์เฉยๆ ไหนๆสาวทุกประเภทเรียกร้องกันขนาดนี้ก็จัดเซตแฟชั่นเต็มสักหนึ่งเซตแบบที่ถอดเสื้อโชว์บอดี้ ให้บรรดาแฟนคลับ ฟินไปตามๆ กัน แน่นอนว่ามาพร้อมกับบทสัมภาษณ์ที่แซ่บกว่าเดิม


กระแสเด็กดื้อเป็นอย่างไรบ้าง

ตอนนี้ดีมากๆ เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นในทวิตเตอร์ อินสตาแกรม และเรตติ้งละครก็ดีมากๆ ครับ ผมดีใจมากครับ ที่คนอินกับละคร แล้วทุกคนก็เข้ามาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นครับ เขาก็เชียร์ตัวผมเองกับตัวพี่นุ่นเยอะมากๆ ครับ น่ารักดีครับ

ใน ‘สามเราต้องรอด’ จอสแสดงเป็นเด็กไซด์ไลน์ พอมาเล่นเกมรักเอาคืน ก็รับบทเด็กไซด์ไลน์อีก กลัวคนจะติดภาพนี้หรือไม่

ไม่ได้กลัวนะครับ มีคิดบ้าง แต่ไม่ได้กลัวหรือกังวลครับ ผมว่ามันเป็นหน้าที่ของเราในฐานะนักแสดงมากกว่า ที่ในอนาคตถ้ามีบทอื่นๆ ที่ดี เราก็ทำให้เต็มที่ เราจะสามารถลบภาพตรงนั้นได้ คือผมไม่ได้คิดว่าพอเป็นจอสต้องถอดเสื้อ เพราะเรารู้สึกว่ามันเป็นจุดขายจุดแข็งของเรา เพราะว่าเราเป็นคนที่สูงและหุ่นดี แต่ว่าในฐานะนักแสดง การแสดงเราต้องดีตามด้วย ไม่ได้ดีแค่ถอดเสื้อครับ


ภาพจำเรื่องความเซ็กซี่ของเราก็เรื่องหนึ่ง แต่พอมันจำไปมากๆ เข้า ตัวเราจะเปลี่ยนสถานะกลายเป็น ‘วัตถุทางเพศ’ เป็นสิ่งที่คนอยากจับจอง จ้องมอง หรือแม้กระทั่งคิดลวนลานเรา อันนี้ไม่ได้ระบุนะว่าเพศไหนจะคิดกับจอสบ้าง กลัวเรื่องนี้หรือไม่

ผมเฉยๆ นะครับ ผมดีใจเสียด้วยซ้ำที่มีคนชอบ อย่างไรมีคนชอบก็ดีกว่ามีคนเกลียด แต่ว่าเราอยากจะพิสูจน์ในฐานะนักแสดงคนหนึ่งเหมือนกัน ที่ในอนาคตเราต้องพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีก แต่ว่าถ้ามันเป็นส่วนหนึ่งของเราครับ เราควรภูมิใจกับมันที่มีคนชอบหุ่นของเรา หน้าตาของเรา แต่ในทางกลับกัน ฝีมือเราต้องมีด้วย เราต้องพัฒนาตัวเอง อันนั้นเป็นหน้าที่ของผมมากกว่า แต่ผมไม่ได้ซีเรียสครับ แต่ถ้าถึงเวลาจริงๆ ผมอาจจะนอยด์ก็ได้นะ ถ้าสมมุติว่าเราพยายามเต็มที่แล้วแต่ยังติดภาพนั้นอยู่ แต่คิดว่าในอนาคตจะพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีมากกว่าถอดเสื้อครับผม

ตอนนี้มีคนมาเตาะๆ จีบๆเยอะมั้ย

เวลาที่จอสเข้าไปอ่านใน Instagram direct message ครับ บางทีมีบ้างครับ แต่ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เคยมีเมื่อก่อน แต่ว่าตอนช่วงละครออนเราไม่ค่อยได้ไปเช็ก เพราะมันเยอะมาก อ่านไม่ทัน (หัวเราะ) แต่ไม่ได้มีที่น่ากลัวขนาดที่เรารับไม่ได้นะครับ หมายถึงยอมรับว่ามีบ้างครับผม

ความแตกต่างระหว่างเลิฟซีนกับมายด์ และเลิฟซีนกับนุ่น

ต่างนะครับ เพราะว่าอย่างแรกเลยคือกับมายด์เนี่ยเรารุ่นเดียวกัน เราจะไม่ค่อยเกร็งขนาดนั้น แล้วคือในแง่ของตัวบทนีโอเองมันจะมีความแซ่บมากกว่า ผมกล้าพูดเลยเพราะว่าเรื่องมันค่อนข้างที่จะมีเนื้อหาแบบดาร์กนิดหนึ่งครับ แต่ว่ากับพี่นุ่นเนี่ย เลิฟซีนคือมันเกิดจากความรัก ความรักที่เราบริสุทธิ์ใจ คนรักกันเหมือนเมคเลิฟครับ มันจะมีความอบอุ่นกว่า แต่ของฝั่งมายด์นี่จะมี sexual tension กว่าครับผม


ความเหมือน ความต่างของบทนีโอกับป้องกุล

มีครับ มีมากเลยครับ คือแค่ตัวอาชีพเฉยๆ นะครับ ที่มันเหมือนจะคล้ายกัน คือตัวนีโอเนี่ยเป็น Bar Host แต่ตัวป้องกุลเนี่ยเป็นผู้ชายไซด์ไลน์ จริงๆ มันต่างกันนิดหน่อยนะครับ Bar Host คือคนที่คนเต้นเพื่อเอ็นเตอร์เทนลูกค้า แล้วถ้ามันดีก็ไปคุยกันต่อว่าจะดีลกันอย่างไร แต่ส่วนผู้ชายไซด์ไลน์ เอาจริงๆ ผมคิดไปคิดมามันก็คล้ายๆ กันนะครับ แต่ว่าตัวไซด์ไลน์เนี่ยอาจจะไม่มีการเต้นโชว์ แค่นั้นเองครับ ส่วนคาแรคเตอร์นี่คือต่างกันมากเลยครับ เพราะว่านีโอนี้คือคาแรคเตอร์เป็น bisexual ชอบใครจะค่อนข้างที่จะมีอิสระกับความรู้สึกของตัวเอง กล้าที่จะลอง กล้าที่จะท้าทาย ส่วนป้องกุลนี่เป็นผู้ชายที่ขาดความอบอุ่น คือสาเหตุที่เขามาทำงานตรงนี้ ทั้งคู่ต่างกันมาก นีโอทำเพื่อเงินเพื่ออนาคต ส่วนป้องกุลคือแค่เหงา อยากมีผู้หญิงกอดตอนกลางคืน แค่นั้นเองครับ

เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ป้องกุลต้องหาลูกค้าที่แก่กว่าใช่มั้ย

อันนี้ผมไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับ แต่ผมว่าน่าจะเป็นด้วย Nature ของลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาหาผู้ชายไซด์ไลน์เป็นผู้หญิงที่มีอายุแล้ว เพราะว่าในความเป็นจริง หนึ่งคือเขาอาจจะมีฐานะและมีเงินที่มากกว่าครับ และพวกเขาอาจจะผิดหวังจากสามีหรือมองหาเรื่องความรัก ทำให้ผู้ใหญ่คนที่มีอายุแล้วกล้าที่จะเปิด Open กับเรื่องนี้มากกว่าครับผม อันนี้ในความคิดส่วนตัวของจอสนะครับ


ถึงตอนนี้คิดว่าตัวเองเป็น sexual icon คนใหม่ของเมืองไทยหรือยัง?

ผมว่ามันไม่ใช่ผมนะครับที่จะเป็นคนที่ต้องพูด เราไม่ทราบเหมือนกันว่าเราเป็น เราไปอยู่จุดจุดนั้นหรือเปล่า แต่ถ้าสมมุติว่ามีคนบอกเรา เราก็ดีใจอยู่แล้วครับ เพราะถือว่าเป็นคำชมอย่างหนึ่งครับ แต่ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องเป็นนะครับ เราดูแลตัวเอง ออกกำลังกายไปเรื่อยๆ ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาบริหารเสน่ห์ แค่ทำตัวให้ดูดี แล้วเกิดความมั่นใจตัวเองมากกว่า จอสโฟกัสตรงนั้นมากกว่าครับ

คำว่า sexy ในความคิดของจอสเป็นยังไง

จริงๆ คือคำว่าเซ็กซี่นี่มันมีได้ทั้ง appearance ก็คือภายนอก และภายในนะครับ ผมรู้สึกว่ามันสามารถสร้างได้ทั้งคู่เลยครับ ส่วนตัวจอสเอง จอสรู้สึกว่าเริ่มมาจากภายนอก เพราะว่าเราโตมาเป็นคนที่ผอมแล้วสูง แต่ไม่มีกล้ามเลย เราพยายามดูแลตัวเองเข้าฟิตเนสเพื่อเสริมความมั่นใจของตัวเองขึ้นมา พอเรามีหุ่นดีปุ๊บ เรามั่นใจในตัวเอง ส่วนความเซ็กซี่เนี่ยผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนอื่นเขามองอย่างไร แต่สำหรับเรา เรารู้สึกว่ามันเป็น Attitude หมายถึงเรารู้ว่าเรามีดีอะไร แล้วเราใช้มันให้เป็นครับ หมายถึงการแต่งตัว การพูดจา ก็ทำให้คนหลงใหลครับ หมายถึงว่าอาจจะมีคารมหรือว่ามีคำพูดอะไรหลายๆ อย่าง ที่มันเป็นองค์ประกอบโดยรวมครับ บางคนหุ่นไม่ได้ดีมาก แต่สามารถเซ็กซี่ได้ด้วยการแต่งตัว ด้วยการพูด personality charisma ของเขาครับผม


อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม : E Photo Book ปกจอส เวอาห์ ได้แล้วที่นี่


https://www.ookbee.com/shop/magazine/MARHOMMEMAG/fcd95c15-c00a-43f9-bf52-63e32712fd7d/mars-homme-magazine-online-joss

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNTkwNjk0IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NjoiMTE4NDcyIjt9

]]>
NEW COMER ‘ภูมิ-ภูริพันธ์ ทรัพย์แสงสวัสดิ์’ https://marshomme.com/aboy/319607/ Mon, 27 Jan 2020 16:22:00 +0000
แม้ละคร ‘สางนางพราย’ ทางช่อง 8 ออกอากาศมาได้ครึ่งทาง แต่นั่นก็ทำให้นักแสดงหน้าใหม่เอี่ยมอ่อง ‘ภูมิ-ภูริพันธ์ ทรัพย์แสงสวัสดิ์’ แจ้งเกิดได้สบายๆ โดยเฉพาะฉากโชว์หุ่นล่ำๆ ขาวๆ นั้นทำเอาสาวทุกประเภทกรี๊ดดด เสียงหลงไปตามๆ กัน ภูมิภูริพันธ์ เป็นศิลปินฝึกหัดของสังกัดช่อง 8 มา 4 ปีก่อน ตั้งแต่สมัยที่ได้รางวัลเดือนมหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปี 58 ก่อนหน้านี้ ภูมิเคยชิมลางเล่นเอ็มวี ‘อยากรู้ใจจัง’ ของแพรว อาร์สยาม และ ‘เสียบกลางอก’ ของกล้วย อาร์สยาม ส่วนละคร ‘สางนางพราย’ เรื่องนี้ เป็นละครยาวเรื่องแรกในชีวิตหนุ่มคนนี้


‘สางนางพราย’ เป็นละครเรื่องแรกที่ภูมิเล่นหรือไม่

ถ้าละคร เป็นเรื่องแรกครับ จริงๆ เคยเล่นซีรีส์มาก่อนครับ แต่เป็นซีรีส์จบในตอน เล่นเป็นน้องชายนางเอกครับ ตัวบทบาทอาจจะไม่ได้มีมากเท่าไร ซีรีส์เกี่ยวกับผีครับ แล้วตัวเองไม่ได้เห็นผี แต่พี่สาวเราในซีรีส์จะมองเห็นวิญญาณได้ ก็เลยมีโอกาสไปแจมๆ บ้างไป แต่จำนวนซีนอาจจะไม่ได้เยอะมาก

ก่อนจะมาแสดงในสางนางพราย ภูมิเรียนการแสดงมานานหรือยัง

จริงๆ เคยเรียนการแสดงตอนเข้าสังกัด เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้วครับ ตอนนั้นยังไม่มีผลงานเลยครับ เพิ่งมามีผลงานเมื่อไม่นานมานี้ครับ

เคยเล่นมิวสิกวิดีโอมาก่อนหน้านี้ด้วย?

มิวสิกเคยเล่นครับ เคยเล่นเมื่อตอนเด็กๆ ประมาณตอนปี 1 เอ็มวีแรกเลยคือเอ็มวี ‘อยากรู้ใจจัง’ของแพรว อาร์สยาม เล่นเป็นเด็กนักเรียนนี่แหละครับ ไปถ่ายกันที่โคราช ถือว่าเป็นผลงานเอ็มวีแรกเลยที่ได้ทำงานในวงการบันเทิงครับ ก็สนุกมาก ตอนไปถ่ายกันได้เรียนรู้งานว่ามันต้องใช้เวลา ไม่ได้สบายอย่างที่คิด ส่วนเอ็มวีที่สองเป็นเพลง ‘เสียบกลางอก’ ของพี่กล้วย อาร์สยาม เอ็มวีนั้นจะคาแร็กเตอร์โตขึ้นมานิดหนึ่ง เป็นคนที่มีแฟนแต่ว่าเจ้าชู้ แอบไปมีคนใหม่


มาแคสต์ละครเรื่องนี้ได้อย่างไร เรื่องราวเป็นอย่างไร

จำได้ว่าตอนนั้นกำลังไปเที่ยวอยู่ แล้วน้าโป้ง (ปุรินทร์ ขำอ่อน) ไลน์มาบอกว่ามีละครติดต่อมา ให้ลองไปแคสต์ดู ตอนแรกคิดว่าไม่รู้จะได้หรือเปล่า เพราะว่าเราเพิ่งจะเล่นซีรีส์เสร็จ ยังไม่คิดว่าจะมีละครเข้ามาได้เร็วขนาดนี้ ก็ลองไปคุยดูครับ ไปถึงเจอทีมงานผู้จัดเลยครับ พี่เขายื่นบทให้ และให้ลองเล่นให้ดูเลย ตอนแรกเกร็งมากครับ เพราะว่าไม่เคยเล่นละครมาก่อน ต้องแสดงต่อหน้าผู้จัดเต็มไปหมด ไม่รู้ใครเป็นใคร นั่งกันเต็มไปหมดเลยครับ

พอรู้ว่าเราได้รับเลือกให้แสดงในกลุ่มบทนำรู้สึกอย่างไร

ตอนนั้นยังไม่คิดว่าตัวเองได้เล่นครับ คิดว่าแค่ไปแสดงให้ดูเฉยๆ แล้วก็เหมือนกับว่าพี่เขาขอลองเทสต์อีกครั้งหนึ่งตอนฟิตติ้งครับ พอถึงวันฟิตติ้งนี่กดดันอีกเหมือนกันครับ เกร็งอีก เพราะว่าไปเจอนักแสดงที่เขาเคยผ่านงานแสดงมาเยอะๆ พอเราต้องไปเจอเขาจริงๆ ก็ตื่นเต้น กดดัน แล้วให้แคสต์อีกรอบหนึ่ง ผู้กำกับ พี่เบิร์ด (ภูมิภัทร สังวาลย์วรกุล) บอกว่าโอเค พอได้ ก็เลยได้เล่นบทเป็น‘นพพันธ์’ ครับ นพพันธ์นี่คือเป็นรุ่นน้องคนสนิทของพระเอก ซึ่งก็คือพี่กอล์ฟ อนุวัฒน์ครับ ในบทเราจะต้องทำงานด้วยกัน เป็นหน่วยซีลครับคาแร็กเตอร์ที่กวนๆ หน่อย

ถ่ายทำเสร็จหรือยัง เห็นว่าต้องมีฉากดำน้ำด้วย

ตอนนี้ใกล้แล้วครับ อีกไม่กี่คิวก็หมดแล้ว ในละครมีฉากดำน้ำด้วย เรื่องนี้ถ่ายดำน้ำเยอะมาก ถ่ายทั้งบึง ทั้งแม่น้ำ แล้วก็ในสระกระโดดสูง คือเขาเซตไว้เพื่อใช้เป็นโรงเรียนสอนคนดำน้ำครับ สนุกมาก


ทำไมถึงไปเกี่ยวกับเรื่องในน้ำ

เป็นละครรีเมคครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับน้ำ เกี่ยวกับหัวเรือที่มีอาถรรพ์ เป็นเรื่องราวของความรักและความอาฆาต กับการข้ามภพเพื่อมาทวงคืนของสางนางพราย หรือเจ้าหญิงเมธาวดีแห่งอาณาจักรเมธานคร ผู้เป็นพี่สาวของเจ้าหญิงเมธาวลัย (จักจั่น อคัมย์สิริ) เจ้าหญิงเมธาวดีไปตกหลุมรักภาคิไนย องครักษ์ของเธอกับน้องสาว แต่ว่าภาคิไนยนั้นกลับไปมีใจให้เจ้าหญิงเมธาวลัย เมื่อเจ้าหญิงเมธาวดีรู้ตัวว่าเธอเข้าใจผิดคิดว่าภาคิไนยรักเธอ แต่กลับไปรักน้องสาวทำให้เธอหาทางจะกำจัดน้องสาวเพราะความอิจฉาริษยาแต่แผนที่จะกำจัดน้องสาวกลับทำให้เมธาวดีเสียชีวิต จึงทำให้เมธาวดีนั้นเป็นวิญญาณอาฆาตสิงสถิตอยู่ในหัวเรือโบราณ และรอทวงคืนชายคนรักและรอคอยการล้างแค้นทุกชาติ ที่เหลือต้องติดตามเองนะครับ

ที่เขาเลือกให้มาแสดงด้วยเพราะภูมิเคยเป็นนักว่ายน้ำมาก่อนด้วยใช่ไหม

พี่เขาก็รู้นะครับว่าเป็นนักว่ายน้ำ อาจจะแมตช์กับบทด้วยครับ


ภูมิเรียนจบสาขาอะไรมานะ

วิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดลครับ

เห็นว่าตอนแรกสนใจไปทำเทรนเนอร์อยู่พักหนึ่ง

ใช่ครับ จริงๆ ก็ยังรับเทรนอยู่นะครับ แต่ว่าอาจจะไม่ได้รับเพิ่มแล้ว คือตอนนั้นฝึกงานที่ฟิตเนสกลางเมืองแห่งหนึ่งครับ เพราะคิดว่าจะไม่มาทางด้านการแสดงอีกแล้ว คิดว่าจะเข้าคลับเป็นเทรนเนอร์อยู่ที่ฟิตเนสเลย แต่สุดท้ายพอมีโอกาสเข้ามาก็คิดว่าลองดีกว่าในเมื่อโอกาสเข้ามาแล้ว

ทำไมตอนนั้นถึงถอดใจจะไม่ทำงานวงการบันเทิงแล้ว

เพราะว่าตอนที่เข้ามาแรกๆ มันไม่มีงานเลย พอใกล้จะครบ 3-4 ปีที่เซ็นสัญญาแล้ว ก็ไม่รู้ว่าถ้าเรารออีก ไม่รู้ว่าจะรอถึงเมื่อไรครับ อีกอย่างเรามีค่าใช้จ่ายครับ เพราะว่าเราเรียนใกล้จบแล้ว จริงๆ ไม่ได้ขอเงินแม่มาตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยนะครับ คือไม่อยากรองานครับ อยากจะทำไปเลยสักอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน


อะไรคือจุดเปลี่ยน

จุดเปลี่ยนที่มาทำต่อคือคุยกับพี่ๆ ที่ฟิตเนสครับว่าจะทำอย่างไรดี เพราะตอนนั้นพอได้รับเลือกก็ต้องปรึกษากับหลายๆ คนครับ พี่ๆ หลายๆ คนทั้งพี่ๆ ที่ฟิตเนส ทั้งแม่ก้อง (ปรีดิยุช รัตนงาม)ทั้งน้าโป้ง ก็บอกว่าให้ลองดูก่อน โอกาสมันเข้ามาแล้ว จริงๆ กลัวว่าจะไม่ได้กลับไปทำงานเทรนเนอร์อีก ตอนนั้นติดที่ทำงานที่นั่นแล้ว เขารับเราเข้าทำงานแล้วด้วยครับ คือโอกาสมันมาทั้งคู่ครับ แต่อยากลองทางนี้ดูก่อน เพราะว่าเราไม่เคยทำ พี่ๆ ที่ฟิตเนสก็เชียร์ว่าไปเถอะ


ภูมิเคยได้ตำแหน่งเดือนคณะและเดือนมหาวิทยาลัยของมหิดลด้วย

ใช่ครับ คือคณะภูมิ การคัดเลือกดาวเดือนคณะจะใช้การโหวตครับ เป็นการโหวตดาวกับเดือนคณะที่ง่ายมาก ปกติคณะอื่นเขาจะมีการประกวดกันภายในก่อน แค่เดือนคณะนี่ก็ต้องประกวดก่อน มีผลโหวต มีคณะกรรมการจริงจัง แต่ที่คณะภูมิ ด้วยความที่เป็นวิทย์กีฬามั้งครับ เราไม่ได้เน้นเรื่องทางความหล่อความสวยความงามมากนัก เขาก็เลยเปิดโหวตกันในไลน์กลุ่ม มารู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นเดือนคณะไปแล้วครับ


วิทยาศาสตร์การกีฬาต้องเรียนอะไรบ้าง

วิทยาศาสตร์การกีฬา จริงๆ คือการเรียนวิทยาศาสตร์เพื่อมาประยุกต์ใช้ในทางการกีฬาครับ เรียนพวก Anatomy ต้องศึกษาร่างกายว่ากล้ามเนื้อส่วนนี้ใช้งานอย่างไร แล้วจะประยุกต์เข้ากับกีฬาอย่างไร ต้องใช้โภชนาการอะไรบ้าง เป็นการศึกษาเกี่ยวกับร่างกายและวิทยาศาสตร์มาประยุกต์กัน เพื่อให้เกิดศักยภาพสูงสุดทางการออกกำลังกายครับ

กลับมาเรื่องละครบ้าง คาดหวังกับสางนางพรายมากแค่ไหน

คาดหวังอยากให้คนดูเยอะๆ เพราะภูมิว่ามันสนุก แล้วก็เป็นเรื่องแรกของภูมิด้วยครับ แต่ทางด้านการแสดงของภูมิ ภูมิว่ายังต้องพัฒนาอีกครับ โดยเฉพาะเรื่อง acting ครับ เวลาภูมิดูจากมอนิเตอร์แล้ว ภูมิว่ามันต้องพัฒนาอีก เพราะว่ายังใหม่ด้วย


ไลฟ์สไตล์วันหยุดเป็นอย่างไร

ภูมิไม่ค่อยมีวันหยุดครับ ภูมิทำงานตั้งแต่ปี 2 ครับ สอนว่ายน้ำ ถ้ามีเวลาว่างภูมิก็ไปสอนน้องๆ เด็กๆ

อยากให้ภูมิแนะนำน้องๆ ที่อยากเรียนต่อทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาว่าควรจะต้องมีความรู้พื้นฐานหรือต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

ลองเข้าไปทางคณะวิทยาศาสตร์การกีฬาดูว่าพี่ๆ จะแนะนำว่ามีการเรียนการสอนแบบไหน ต้องทำอะไรบ้างในแต่ละชั้นปี แล้วดูว่าเราชอบหรือเปล่า ถ้าชอบให้มาเรียนเลยครับ อย่าไปด้วยความคิดแบบว่าดีไหม หรือว่าจบมาจะทำงานอะไร เพราะว่าถ้าเราชอบ มันจะมีความสุขกับการทำงานครับ


ติดตามความเคลื่อนไหว ‘ภูมิ-ภูริพันธ์ ทรัพย์แสงสวัสดิ์’ IG @poompps
ติดตามละคร ‘สางนางพราย’ ทางช่อง 8 ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 18.40 น.

]]>
ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ คนเดิมในโลกใบเดิม กับเวลาที่เปลี่ยนผ่าน https://marshomme.com/interview/210682/ Fri, 20 Dec 2019 08:09:00 +0000

พระเอกหนุ่มหล่อลูกครึ่งไทย-สิงคโปร์-ฝรั่งเศส เริ่มเข้าสู่แวดวงการแสดงในสังกัด GTH (ปัจจุบันคือ GDH) ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง ‘เพื่อนสนิท’ เมื่อปี 2548 และสามารถคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก ‘คม ชัด ลึก อวอร์ด’ จากผลงานแสดงเรื่องแรกในปีนั้น จากนั้นค่อยๆ พัฒนาตัวเองจนสามารถขึ้นทำเนียบนักแสดงระดับแถวหน้า มีผลงานการแสดงทั้งภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์เรื่อยมาตราบถึงปัจจุบัน

อาจเป็นเพราะความเท่ทั้งรูปลักษณ์และวาจา บวกกับความชิลล์ ขี้เล่น และติดดิน ที่เขาเปิดเผยในโลกโซเชียล ทั้งช่องทาง IG: @sunny_suwanmethanont ซึ่งมีผู้ติดตามถึง 3.5 ล้านบัญชี หรือทาง facebook.com/SunnSuwanFC ที่มียอดฟอลโลว์กว่า 5 แสนคน ทำให้ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ยังคงเป็นที่นิยมชมชอบของคนในวงการและแฟนคลับอย่างไม่เปลี่ยนแปลง

ซันนี่ยังมีผลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง และพร้อมจะบอกเล่ากันตรงนี้ รวมถึงอัพเดตเรื่องราวอื่นๆ ในชีวิต แบบเท่ๆ ชิลล์ๆ


ทำงานในแวดวงบันเทิงมาสิบสี่ปี ได้เรียนรู้อะไรจากวงการบ้าง

ได้เจอคนดีๆ ครับ ได้เจอสิ่งที่ผมอยากทำเป็นอาชีพ และยังทำให้ผมมีแรงขับเคลื่อนจากมันด้วย ผมเลยรู้สึกโชคดี

ยังมีอะไรให้ต้องเรียนรู้อีกบ้างไหม

ทุกอย่างละครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเจอคน การพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น การเข้าสังคม การเงินของตัวเอง ทุกอย่างเลยครับ ได้เรียนรู้จากการเจอคน หรือได้เรียนรู้จากการที่ได้ไปอยู่ในที่ที่เราไม่เคยไป ได้เจอประสบการณ์ใหม่ๆ


ทุกวันนี้ซันนี่ยังเป็นศิลปินในสังกัดของ GDH อยู่ใช่ไหม

จริงๆ แล้ว GHD กับนาดาวคือบ้าน เรามีสัญญาใจกันครับ เขาคอยดูแลผมมาตั้งแต่แรก ก็เลยจะไม่ย้ายไปเมืองจีน (ยิ้ม)

ความยาก-ง่ายระหว่างการเป็นดาราในสังกัด กับไม่มีสังกัดเป็นอย่างไร

อันนี้ผมไม่รู้เหมือนกัน เพราะผมเป็นกึ่งทั้งสองอย่าง ไม่รู้ว่าดาราในสังกัดเขาทำอย่างไร หรือดาราที่ไม่มีสังกัดจะเป็นอย่างไร เพราะว่าผมไม่รู้สึกว่าผมเป็นดาราอะไร ผมเป็นแค่คนปกติที่ทำอาชีพนี้ ก็เลยไม่ได้คิดว่า เอ๊ย…สังกัดแล้วฉันจะทำอะไรต่อไป มีสิ่งเดียวที่คิดจะทำก็คือ การเป็นนักแสดง อยากทำงานแสดงเท่านั้นเอง ที่เหลือก็แล้วแต่ ชีวิตจะไปทางไหนครับ

แต่ที่ผ่านมา งานทุกอย่างก็ผ่านสังกัดใช่ไหม

ใช่ครับ เขาดูแลเรา

และนั่นคือข้อดี

ใช่ครับ มีคนดูแล มีครอบครัวที่ปกป้องเรา ก็ดีครับ ดีกว่าที่เราจะไปคุย ไปหาโน่นนี่เอง อยากเล่นอยากแสดงอย่างนี้จัง แต่ถ้าไม่มีที่ให้ทำก็ไม่ได้


สิบสี่ปีที่ผ่านมา ซันนี่เคยรู้สึกเหนื่อยและท้อแท้บ้างไหม

ผมไม่เคยเหนื่อยเลยครับ ผมเป็นคนแข็งแกร่งมาก ดูกล้ามสิ (ยิ้ม) มันอยู่ที่จิตครับ จิตจะสั่งตลอด ถ้าเราไม่หิวจิตจะสั่งให้ไม่หิว

อีกสองปีอายุจะสี่สิบแล้ว

ครับ ผมไม่เคยสี่สิบมาก่อน

เตรียมตัวอย่างไรบ้างไหม

ผมไม่เคยเตรียมตัวอะไรครับ เพราะผมไม่คิดว่าผมเปลี่ยนอะไรไปเลย ตั้งแต่เล่นหนังเรื่องแรกตอนอายุยี่สิบสาม มันก็มาเรื่อยๆ จนอายุสามสิบแปดเนี่ยครับ ไม่ได้เคยเลยว่าผมโตขึ้นหรือเปล่า หรือว่าเปลี่ยนแปลงอะไรไป ผมแค่อยากใช้ชีวิตและทำในสิ่งที่อยากทำ แค่นั้น


อายุเพิ่มขึ้น เวลาการทำงานเพิ่มขึ้น ข้อจำกัดในการทำงานมันเพิ่มขึ้นด้วยไหม

อ่า…มันหลายๆ อย่างครับ ไม่เชิงเป็นข้อจำกัด แต่พอเราเข้าใจแล้วว่าอันไหนทำได้ อันไหนทำไม่ได้ อันไหนไม่ควรจะทำ หรือว่าอันไหนเรารู้สึกพอใจแค่ไหน ก็จะคุยกันได้ครับ ทุกสิ่งทุกอย่างคุยกันได้ โดยการที่ทำให้รู้สึกวิน-วินกันทั้งสองฝ่าย มันคือการประนีประนอมกันและกัน

งานการแสดง สิ่งที่รับเล่นตลอดเวลานั่นคือสิ่งที่ผมอยากทำอยู่แล้ว ผมไม่เคยยึดติดว่า ผมจะต้องเป็นใคร เป็นพระเอก หรือเป็นนักแสดง มันไม่ใช่วิถีอย่างนั้น คือพอเป็นภาพยนตร์ เป็นซีรีส์ที่เล่น เราทำงานเป็นทีม เหมือนทีมฟุตบอลของเราสิบเอ็ดคน นักแสดงทุกคนก็จะอยู่ในทีม ถ้าเราเตะชนะ เราได้แชมป์ด้วยกัน เราไม่ได้บอกว่า เฮ้ย…เพราะฉันนะ ฉันยิงประตูชัย ฉันเลยชนะ ไม่เกี่ยว

คิดวางแผนอะไรสำหรับอนาคตหรือเปล่า

ตั้งแต่อายุสี่-ห้าขวบแล้ว ผมไม่เคยวางแผนอะไรในชีวิตเลยครับ โชคดีมากที่แม่ผมไม่ค่อยรักผมเท่าไหร่ (หัวเราะ) เขาเคยไปแฉว่า คุณจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ มันคือชีวิตคุณ

ซันนี่ดูแลตัวเองอย่างไร ทั้งด้านสุขภาพ ร่างกาย ผิวพรรณ

อืมม์ จริงๆ แล้วมันคือ คิดในแง่ดีอย่างเดียวครับ ผมเองไม่ค่อยดูแล มีคนคอยดูแลอยู่แล้วคือช่างแต่งหน้า ช่างผม เขาชอบซื้อครีมมาให้ผม แค่นั้นเอง เลยไม่รู้ว่าจะดูแลอะไร ส่วนสุขภาพ เรื่องบอดี้ ถ้ารู้ว่าเราต้องเล่นเป็นอะไร เราก็ทำสภาพร่างกายให้เป็นตามนั้น ก็คือรักษาให้มันตรงกลางไว้


ก็คือใช้ชีวิตตามบท

ใช่ครับ มันก็เหมือนกับ…แล้วแต่ว่าชีวิตเราจะโดนพัดพาไปทางไหน มันสามารถมีช่วงเวลาที่เราจะเป็นแบบนี้ได้ หรือเป็นอีกแบบก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอย่างนั้นอย่างนี้ตลอดเวลา

แล้วถ้าไม่มีงานแสดงล่ะ ซันนี่ดูแลตัวเองอย่างไร

ก็ทั่วๆ ไป มันไม่ใช่การดูแลครับ กินอิ่มนอนหลับเหมือนทั่วๆ ไปแหละครับ

กลัวอ้วนบ้างไหม

ถ้าเกิดว่าจะต้องไปเล่นบทอะไรที่ไม่อ้วน จะกลัวครับ แต่ถ้าไม่มีก็เฉยๆ

เป็นคนอ้วนง่ายไหม

ผมเคยทั้งอ้วนและผอมมาตลอดทั้งชีวิต ผมรู้ตั้งแต่เล่นหนังเรื่อง ‘รัก 7 ปี ดี 7 หน’ ผมรู้จังหวะแล้วว่า ทำแบบไหนจะเอาไขมันออกได้ กินแบบไหนจะ…ผมไม่ต้องกังวลไง เพราะผมมีทรงที่สร้างได้อยู่แล้ว เคยไปฟิตเนสและสร้างทรงไว้แล้ว สมมุติพอเผละไป แป๊บเดียวก็กลับมาเหมือนเดิมได้

ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตัวเอง

ใช่ครับ มันอยู่ที่วินัยของเรา


แล้วกลัวแก่ไหม

ไม่รู้สิ ไม่แก่สักที ไม่รู้จะกลัวไปทำไม

เลขสี่ก็น่ากลัวแล้วนะ

ใช่ จริงเหรอครับ ยังไม่เคยถึงเลยครับ (ยิ้ม) แต่เท่ขึ้นทุกวัน ผมเลยไม่รู้ตัว

คิดถึงเรื่องการมีครอบครัวบ้างหรือยัง

ครอบครัวผมมีอยู่แล้วครับ

ครอบครัวของตัวเองล่ะ

หมายถึงผมเอาแม่ของคนอื่นมาเหรอครับ (ยิ้ม) ยังไม่เคยคิดเลยครับ มันต้องเจอก่อนว่าเราเจอใคร แล้วเราอยากจะสร้างครอบครัวกับเขาหรือเปล่า และเขาต้องอยากสร้างครอบครัวกับเราด้วยนะ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นความต้องการของผมอย่างเดียว ไม่ได้สวยงามเป็นความรัก มันต้องไปด้วยกัน


ตอนนี้ซันนี่มีผลงานอะไรใหม่บ้าง

มีหนังใหม่เรื่อง ‘Happy Old Year’ ครับ จะเข้าฉาย 26 ธันวาคมนี้ ดาราที่ร่วมแสดงมีน้องออกแบบ-ชุติมณฑน์ (จึงเจริญสุขยิ่ง) พี่อุ๋ม-อาภาศิริ (นิติพน) ฟ้า-ษริกา (สารทศิลป์ศุภา) และดาราอีกคับคั่งมากมายครับ กำกับฯ โดยนวพล ธำรงรัตนฤทธิ์

เรื่องราวเป็นอย่างไร

เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์สำหรับคนที่อยากจะทิ้งแต่ไม่อยากจะตัดใจ หนังพูดถึงความสัมพันธ์ของคนกับสิ่งของ คือของที่ก่อนจะให้เรามา มันเคยเป็นของของคนอื่นมาก่อน คือมันไม่ใช่แค่สิ่งของ มันเชื่อมโยงกับคนคนนั้นด้วย

เรื่องเริ่มต้นจากการที่คนคนหนึ่งจะย้ายบ้าน ต้องจัดบ้านใหม่ แล้วต้องไปเก็บของ รื้อของ สุดท้ายก็เลือกว่าอันไหนจะเก็บไว้บ้าง แต่มันมีความรู้สึกขึ้นมาว่า ของบางอย่างมันเคยเป็นของใคร คนให้เรามา เราจะทิ้งมันดีไหม หรือเราจำความรู้สึกว่า คนที่เคยเป็นเจ้าของของสิ่งนี้เขาเป็นคนแบบไหน และจำได้ว่าสิ่งที่เราเคยคุยกับเขามันมีความสุขหรือเปล่า มันเชื่อมกันครับ ระหว่างสิ่งของกับคน

ในเรื่องผมเล่นเป็นโปรดักชั่น ดีไซเนอร์ เป็นคนจัดพร็อป จัดหาของเวลาจะทำอีเวนต์ และเป็นคนดีไซน์ว่าควรจะมีอะไรบ้าง ตัวละครนี้ก็จะเป็นมนุษย์อีกมุมหนึ่ง

ความจริงแล้วผมไม่จำเป็นต้องอธิบายคาแรกเตอร์ของตัวละครหรอกครับ คนมักคิดว่าผมเล่นเหมือนกันทุกเรื่องอยู่แล้ว ใช่หรือเปล่า ไม่ว่าผมจะอธิบายอย่างไร คนก็ยังคิดแบบนั้น (ยิ้ม) ใช่ไหมครับ เล่นเป็นหมอเป้ง (My Ambulance รักฉุดใจนายฉุกเฉิน) เขาก็หาว่าผมเป็นชาวี (น้ำตากามเทพ) มันเหมือนกันตรงไหนผมยังไม่รู้เลย ก็แล้วแต่ ตามสบาย (หัวเราะ)

ตัวซันนี่เองล่ะ มีของอะไรบ้างที่ทิ้งไม่ลง

ที่บ้านเพียบเลยครับ ผมจำได้ว่าของชิ้นไหนที่ผมซื้อหรือใครให้มา แล้วเวลาหยิบออกมาจะทิ้งผมก็รู้สึกเกรงใจ ทิ้งไม่ลง อย่างของที่แฟนคลับให้มา จะยกให้คนอื่นผมยังเกรงใจเลย คนนี้ใส่ได้ แต่ถ้าแฟนคลับไปเห็นเข้าละ อะไรแบบนี้


ซันนี่มีไอดอลไหม และเป็นใคร

แบบอย่างที่ดีที่สุดในการเป็นมนุษย์ใช่ไหมครับ มีครับ สำหรับผมคือในหลวงรัชกาลที่ 9 อยากเป็นสักเสี้ยวหนึ่งของท่าน

ยึดคำสอนอะไรของพระองค์มาปฏิบัติบ้าง

เต็มไปหมดเลยครับ พระองค์ท่านสอนทั้งในเรื่องวิธีคิด คือการที่เราเปลี่ยนวิธีคิดเราก็สามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง ความพอเพียงไม่ได้หมายความแค่ว่าการอดออมหรือเก็บอะไรไว้ใช้ แต่มันคือทัศนคติ ว่าเรารู้จักตัวเองแค่ไหน รู้ว่าอะไรควรจะมีหรือไม่ควรจะมี บางอย่างเราไม่ได้ใช้ด้วยซ้ำ สิทธิบางสิทธิเราไม่มีความต้องการที่จะใช้ในชีวิตด้วยซ้ำ แต่เรากลัวคนอื่นเอาเปรียบ
ถ้าเรารู้ว่าตัวเองต้องการอะไร คนอื่นจะมีอะไรเยอะก็เรื่องของเขา เราจะมีรถสามคันทำไมในเมื่อเราใช้แค่คันเดียว แล้วเราจะมีรถอีกสองคันเพื่ออะไร มันคือวิธีคิดน่ะ วิธีคิดถูกปั๊บทุกอย่างก็ถูก

แล้วไอดอลในการทำงานล่ะ เป็นใคร

ทุกคนละครับ ทุกคนที่รักในอาชีพของเขา และทุ่มเทให้กับมัน ในวิชาชีพที่เขาจะมีได้ นักแสดงที่เคยร่วมงานกับผมทุกคนก็เป็นไอดอลของผมหมด เขาเป็นอาจารย์ผมด้วยเหมือนกัน เพราะเป็นแบบอย่างที่ดี ผมได้เรียนรู้ประสบการณ์จากทุกคน เพราะการแสดงมันต้องเชื่อมโยงกัน ต้อง react กัน เหมือนเราเจอมนุษย์คนหนึ่ง เราก็ได้เรียนรู้อะไรจากเขา


ซันนี่เรียนรู้การแสดงเพิ่มเติมจากไหนบ้าง นอกเหนือจากเวิร์กช็อป

จริงๆ แล้วการแสดงเพิ่มเติมที่ดีที่สุดคือการรู้จักมนุษย์ เจอคน คิดและเข้าใจประสบการณ์ชีวิตครับ ผมไม่เชื่อว่าการแสดงคือการฝึกฝน ผมเชื่อว่าเราจริงใจต่อความรู้สึก สำหรับผมมันไม่ใช่เหมือนกีฬา ผมไม่ต้องการ…การที่ทำอย่างไรให้ตัวเองร้องไห้ได้ตลอดเวลา มนุษย์จริงๆ ทุกคนอยากทำอะไรในตอนนั้น แค่บางจังหวะ บางจังหวะต่อให้เศร้าแค่ไหนเขาก็ไม่แสดงออก บางจังหวะเขาทนไม่ไหว เขาถึงแสดงออกมา

ผมรู้สึกว่าสิ่งนี้มันต้องใหม่ สม่ำเสมอ ผมไม่อยากเคยชินในการที่…ผมฝึกมาเพื่อ…การแสดงคือการใช้ชีวิตตัวละคร ผมไม่สนใจว่าใครจะเก่งหรือไม่เก่ง

ซันนี่ต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานแค่ไหนสำหรับการรับงานแต่ละชิ้น

การเตรียมตัวของผมคือการปลูกฝังความเป็นทัศนคติ (ของตัวละคร) แบบนั้นลงไป ปลูกฝังความเข้าใจ และให้ตัวเองจริงใจต่อความรู้สึกนั้นด้วย ผมไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเหมือนกัน มันเป็นวิธีที่ผมคิดขึ้นมา ถ้ามันผิดหลักการละก็ อาจารย์หลายๆ คนอย่าว่าผมละกัน ผมขอโทษจริงๆ ผมทำได้แค่นี้ครับ (ยิ้ม)

มันคือชีวิตคนครับ เอาจริงๆ แล้วคนเรา…อย่างตัวผม ผมไม่ได้จำอะไรมาพูด ผมฟังอะไรมา รู้สึกแบบไหน แล้วผมก็แสดงหรือ react ตอบไปแบบนั้น ผมไม่ได้คิดว่าผมจะต้องหันหน้าด้านนี้แล้วพูดอย่างนี้นะ มันเท่แน่ๆ เลยเมื่ออยู่ในกล้อง ผมไม่ได้คิด มันเป็นไปเอง

แล้ววิธีการก็คือ ตอนนี้เราก็ต้องไม่ใช่ตัวเอง เราเป็นตัวละครนั้น ใส่ทัศนคติของตัวละครนั้นเข้าไป และใช้ชีวิตเหมือนเขา เขาจะทำอะไรก็แล้วแต่ มันไม่ใช่เรื่องผิด นั่นคือสิทธิของเขา

งานอดิเรกของซันนี่มีอะไรบ้าง

ไม่รู้สิครับ มันเลือกไม่ถูก ผมก็ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ชอบเดินเล่น ชอบช้อปปิ้ง ชอบไปต่างประเทศ ชอบเจอเพื่อน ชอบไปเตะบอล ก็เลยไม่รู้ว่าอันไหนคืองานอดิเรก


มีความสนใจอะไรเป็นพิเศษบ้างไหมเวลานี้

สิ่งที่สนใจในชีวิตตอนนี้ก็คือความสนุกสนานละครับ ความตั้งใจที่อยากจะเป็นคนที่ดีขึ้นให้ได้เรื่อยๆ ทุกวัน รวมทั้งงานแสดง และครอบครัว ผมก็มีอยู่แค่นี้ ผมอาจจะไม่ใช่คนที่แสดงออกด้านความรักกับครอบครัวสักเท่าไหร่ แต่ว่าผมก็อาศัยความเชื่อใจ

แต่มีความใกล้ชิดกับครอบครัวใช่ไหม

ใกล้ชิดครับ ผมอยู่ห่างกับพ่อแม่ประมาณแปดกิโลครับ ตั้งแต่แม่กลับจากแอฟริกาผมยังไม่ได้ไปหาแม่เลย ผมเจอแค่ครั้งเดียว

พวกพี่ๆ ล่ะ

พี่ชายก็อยู่บ้านครับ ยังไม่มีครอบครัว ส่วนพี่สาวผมมีครอบครัวแล้ว ก็แยกกันอยู่คนละบ้าน

แม่ยังเป็นห่วงซันนี่อยู่ไหม

ห่วงตลอดครับ เพราะเขาคิดว่าผมเหมือนเด็กเล็กๆ ตลอด แต่เขาจะไม่มาบอกผมเลยสักครั้งในชีวิตว่าอยากให้ผมทำอะไร

แม่ห่วงเรื่องอะไรบ้าง

ทุกอย่างแหละครับ ต่อให้อะไรเขาก็ห่วง กินข้าวหรือยัง เขาก็ห่วง ลูกเขาน่ะ (ยิ้ม) ถึงผมโตแล้วเขาก็ห่วง เหมือนผม แม่ผมไปแอฟริกาคนเดียวเดือนหนึ่ง ผมก็ห่วง แต่จริงๆ แล้วคิดว่า เขาใช้ชีวิตอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว และเขาไม่ใช่เด็กแล้วไง ผมก็ต้องปล่อยให้เขาทำนั่นทำนี่ แต่เขาก็ไม่บ่น ไปคนเดียว ได้สัญชาติมาลีกลับมาอีก (ยิ้ม) เหนือชั้นมาก ไม่รู้ทำได้อย่างไร โกงอายุได้อีกหกปี
แม่ผมเหนือชั้นมาก พ่อผมยืนปรบมือเลย ทำได้อย่างไร (หัวเราะ)


เรื่อง : บุญโชค พานิชศิลป์


สามารถดาวน์โหลดได้ที่ :
https://www.mebmarket.com/ebook-112421-Mars-Homme-Magazine-Online-SUNNY
https://www.ookbee.com/shop/magazine/MARHOMMEMAG/79e8f50f-bcdd-4c9e-ae70-9cc71ee3b43c/mars-homme-magazine-online-sunny

]]>