Warning: Cannot modify header information - headers already sent by (output started at /var/www/marshomme.com/wp-content/plugins/wp_mgr_id/wp_mgr_id.php:1) in /var/www/marshomme.com/wp-includes/feed-rss2.php on line 8
นักเล่น – Marshomme https://marshomme.com Tue, 04 Jan 2022 18:26:11 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.2.20 https://marshomme.com/wp-content/uploads/2019/10/logo2_icon-90x90.png นักเล่น – Marshomme https://marshomme.com 32 32 Lamborghini Aventador LP780-4 Ultimae รุ่นอำลา Aventador ชื่อนี้จะเหลือเพียงความทรงจำ https://marshomme.com/lifestyle/532174/ Wed, 10 Nov 2021 08:50:00 +0000
         แฟนคลับลัมโบกินีคงรู้กันดีว่า Aventador คือสปอร์ตคาร์อันทรงพลังอีกหนึ่งรุ่น บรรดานักเล่นรถทั่วต่างก็ต้องมีเก็บไว้คอเลคชั่นส่วนตัว ทว่าในวันนี้การกล่าวลาก็เดินทางมาถึง โดยลัมโบกินีได้ประกาศแผนการที่จะผลิตรถยนต์ที่ใช้ไฮบริดภายในปี 2024 และเปิดตัวรถ EV ในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษ จะปิดไลน์เครื่องยนต์สันดาปภายใน Aventador ซึ่งจะเป็นรุ่นสุดท้าย และเพื่อเป็นการสร้างความทรงจำสุดท้ายร่วมกันจึงได้ส่งรุ่นพิเศษ Lamborghini Aventador LP780-4 Ultimae ให้สาวกกระทิงดุได้เก็บเป็นที่ระลึก


          Automobili Lamborghini ประกาศเปิดตัว Aventador LP780-4Ultimae เพื่อเป็นการอำลาของซูเปอร์สปอร์ตคาร์ V12 อันเป็นสัญลักษณ์และเครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นการผลิตรุ่นสุดท้ายโดยเน้นที่คุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ Aventador ทุกรุ่นที่ผ่านมาสร้างความดุดันอย่างบ้าคลั่งให้กับทุกคนที่เคยสัมผัสแรงจนคิดว่าทุกครั้งที่สตาร์ทเครื่องยนต์มันช่างคล้ายกับการออกสตาร์ทในสนามแข่ง


          เมื่อการเดินทางมาถึงจุดปลายของเส้นกราฟย่อมหมายถึงการสิ้นสุดเช่นกัน ซึ่งก็ใช้ได้ดีกับสปอร์ตคาร์ของลัมโบกินี วันนี้ทีมวิศวกรได้ทุ่มสุดกำลังเพื่อการพัฒนาถึงขั้นสูงสุดแบบสุดจริงให้กับ Aventador เพื่อสร้างความทรงจำ เขาสร้างเพิ่มสมบูรณ์แบบให้กับ Lamborghini Aventador LP780-4 ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษทำให้มีสมรรถนะเหนือกว่าของ SVJ 10 แรงม้าและเพิ่มความน่าเกรงขามปรับแรงม้าให้สูงกว่า Aventador S อีก 40 แรงม้า โดยผสมผสานการออกแบบและความปราดเปรียวเข้ากับชิ้นส่วนของนักสะสมที่มีความเด็ดขาดทั้งในรูปแบบคูเป้และโรดสเตอร์ ได้กันชนหน้าหลังพิเศษเฉพาะรุ่น ออกแบบมาเพื่อเน้นการรีดลมและนำลมเย็นไประบายความร้อนได้ดีกว่าเดิม สปอยเลอร์หลังปรับได้สามแบบตามรูปแบบการขับขี่ ในแบบมาตรฐานภายนอกจะใช้สีตัวถังสีเทา two-tone ตัดด้วยการขลิบสีแดง Red Rosso Mimir ส่วนล้อมาในสีเทา Silver Dianthus ขนาด 20 และ 21 นิ้ว รับกับคาลิปเปอร์เบรกสีเทา


           ภายในห้องโดยสารตกแต่งสีดำ ด้วยวัสดุ Alcantara ตัวเบาะเน้นลวดลายตัว Y มีการระบุชื่อ Ultimate ที่เสา A-Pillarและมีการระบุตัวเลข บ่งบอกความเป็น Limited ฝั่งคนขับ 001of 350 หรือ 250 อันเป็นจำนวนที่ผลิตในแต่ละแบบตัวถัง เพื่อบ่งบอกความพิเศษ มาตรวัดเป็นแบบ TFT digital ส่วนการเชื่อมต่อรองรับการสั่งการด้วยเสียงผ่าน Apple CarPlay


          Aventador LP780-4Ultimae มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V12 ความจุ 6.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 770 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 720 นิวตันเมตร และเข้าสู่ระบบการลดน้ำหนัก ทำให้รถมีน้ำหนักน้อยกว่ารุ่น S อยู่ประมาณ 25 กก.และมีอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักเท่ากับ SVJ ส่งกำลังผ่านเกียร์ AT single-clutch7 สปีด ซึ่งสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ภายในเวลาเพียง 50 มิลลิวินาที ช่วยให้ Ultimae coupe เร่งความเร็วจาก 0-100 กม.ต่อชม. ได้ใน 2.8 วินาที จนถึงความเร็วสูงสุด 355 กม./ชม.


          ระบบกันสะเทือนแบบแม่เหล็ก เบรกคาร์บอนเซรามิกพร้อมคาลิปเปอร์แบบ 6 พอตที่ด้านหน้า และคาลิปเปอร์แบบ 4 พอตที่ด้านหลัง ในขณะที่น้ำหนักตัวของรุ่นคูเป้อยู่ที่ 1,550 กก. และรุ่นโรดสเตอร์อยู่ที่ 1,600 กก. ในตัวถังหลังคาแข็ง Coupé ซึ่งเบากว่า Aventador S อีก 25 กิโลกรัม สัดส่วนกำลังต่อน้ำหนักจึงอยู่ที่ 1.98 กิโลกรัม / 1 แรงม้า รูปแบบการขับขี่ปรับได้ทั้ง STRADA, SPORT, CORSA และ EGOโดยอย่างหลังสุดให้ผู้ขับขี่ปรับทุกอย่างได้เองไม่ว่าจะเป็น ช่วงล่าง, เครื่องยนต์,เกียร์,ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และ พวงมาลัยสปอยเลอร์แบบแอคทีฟ ซึ่งสามารถปรับได้ ขึ้นอยู่กับการใช้งานและความเร็ว


         สำหรับในรุ่นความดุดันรุ่นสุดท้าย Aventador LP780-4Ultimae มีสีให้เลือก 18 สี ซึ่งใครหลายคนขอบความพิเศษที่เหนือกว่าทุกด้านของเครื่องยนต์สันดาปภายในคงต้องตามหาและเก็บเข้าไว้ในโรงรถอย่างแน่นอน เพราะชื่อของ Aventador คือสัญลักษณ์ของเครื่องยนต์อันทรงพลัง

Story:Tong Superman
Photo:imotortrip

]]>
NISSAN Z Sport 2022 V6 3.0L ยอดดวงใจนักเล่นรถสปอร์ตญี่ปุ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน https://marshomme.com/lifestyle/532140/ Thu, 14 Oct 2021 11:58:00 +0000
ตำนานก็คือตำนาน เมื่อเขากลับมาใหม่อีกครั้งย่อมต้องมีคนพูดถึง นอกจากนิสสัน GTR ที่รถยนต์สปอร์ตทรงพลังสร้างตำนานรถที่เร็วที่สุดในคลาสแล้ว อีกหนึ่งรุ่นคงหนีไม่พ้นตระกูล Z หรือ Fairlady ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของนิสสันเช่นกัน ด้วยเสน่ห์ของเครื่องยนต์วางหน้าขับเคลื่อนล้อหลัง โครงสร้างที่แสดงอัตลักษณ์เฉพาะตัวคูเป้ท้ายลาดเอียงหน้าตาดุดัน จึงทำให้นักเล่นรถหลายคนสะสมกันเอาไว้


          หากย้อนกลับไปเมื่อปี 1969 จุดเริ่มต้นของตระกูล Z ได้ถือกำเนิดขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยรูปร่างหน้าที่ออกแนวสปอร์ตคูเป้ชัดเจนรวมถึงกำลังขับเคลื่อนอันทรงพลังจึงให้ยุคนั้นเขาก็เป็นเบอร์ต้นๆของผู้ชื่นชอบความแรง ทว่าเวลาผ่านมาถึงปัจจุบัน นับเป็นเจเนอเรชั่นที่ 6 เส้นสายการออกแบบพัฒนาให้มีความทันสมัยแต่ไม่ทิ้งแนวทางเดิมเลยแม้แต่น้อย แล้วในเจเนอเรชั่นที่ 7


         ล่าสุดนิสสันได้เผยโฉมเจเนอเรชั่นใหม่ของตระกูล Z ออกสู่ธารณชนเป็นที่เรียบร้อยหลายคนบอกว่าเครื่องยนต์บล็อคนี้น่าจะดันแรงม้าให้สูงได้มากกว่านี้ โดยการปรับโฉมครั้งนี้เขาได้มาพร้อมกับขุมกำลัง VR30DDTT บล็อคเดียวกับ Infiniti Q60 เครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตรแบบ V6 พร้อมพละกำลังอยู่ที่ 400 แรงม้าแค่นี้ก็ถือว่ามากพอสำหรับขับไปอวดหน้าตาบนท้องถนนและยังพ่วงมาด้วยเทอร์คู่ทรงพลัง เพื่อการตอบสนองได้ดีทั้งรอบต้นและรอบปลาย


          แน่นอนระบบส่งกำลังมาแบบแพคคู่ให้เลือกทั้งแบบอัตโนมัติ9จังหวะพร้อมแพดเดิลซิฟท์สไตล์ Nissan GT-R รุ่นเกียร์อัตโนมัติทุกรุ่นมาพร้อมฟังก์ชั่น Launch Control สำหรับช่วยออกตัว ส่วนรุ่นเกียร์ธรรมดาเกรด Z Performance ก็จะมีฟังก์ชั่น Advanced Launch Assist Control ด้วยให้กำลังต่อเนื่องลื่นไหล ในเกียร์ธรรมดาจะเป็น6จังหวะอัตราทดชิด พร้อมคลัทช์ประสิทธิภาพสูงของ EXEDY บางครั้งความสนุกก็อยู่ที่เกียร์ธรรมดาบางคนก็ยังหลงไหลกับการขับแบบเดิมอยู่เพื่อเค้นกำลังออกมาให้สุดทุกเกียร์ 


           ดีไซน์ภายนอกเน้นเรียบง่ายแต่คงไว้ซึ่งตัวตนตั้งแต่อดีตโดยชุดกระจังหน้าเป็นทรงเหลี่ยมชัดเจน ตรงกลางช่องดักลมเป็นแบบรังผึ้งเป็นสำเงา ชุดไฟหน้าเป็นแบบ LED ทั้งชุดเลือกใช้ไฟส่องสว่างเวลากลางวันเป็นแบบสองเส้นบนล่าง ซึ่งหากสังเกตช่องดักลมของรุ่นนี้จะคล้ายกับ 350Z จะต่างเพียงขนาดเท่านั้นอาจเล็กกว่า


            หากมองจากด้านข้างตัวรถเราจะเห็นชัดเจนถึงเส้นตรงแนวยาวจากด้านหน้าถึงท้าย รวมถึงหลังบคาลาดเอียงสไตล์รถคูเป้ ซึ่งการออกแบบนี้เป็นการถอดแบบมาจากตระกูล Z ทุกรุ่น ในโฉมนี้ยังถูกเน้นย้ำเส้นสายดังกล่าวด้วยการเพิ่มคิ้วโคเมี่ยมจากเสาเอด้านบนหลังคายาวจนถึงเสาซีผ่านโลโก้ Z ทรงกลม ส่วนหลังคาของรุ่นนี้จะเป็นสีดำตัดกับสีตัวรถ ล้อแม็กมีทั้งสีน้ำตาลทองและสีดำ แยกเป็น 3 เกรดรุ่นย่อย ได้แก่ Z Sport, Z Performance และรุ่นพิเศษจำกัดจำนวน Z Proto Spec (ผลิตเพียง240)


           Z Sport มากับล้อแม็กซ์อลูมิเนียม ลายใหม่ขนาดขนาด 18 นิ้ว ยางYokohama ADVAN Sport ส่วนรุ่น Z Performance จะอัพเกรดขึ้นเลือกใช้ล้อฟอร์จ น้ำหนักเบาเป็นพิเศษของRAYSชื่อนี้สายซิ่งญี่ปุ่นเขารู้กันดีโดยจับคู่ยางสมรรถนะสูง Bridgestone Potenza S007 ด้านหน้าขนาด 255/40 ด้านหลังหน้ากว้างเป็นพิเศษ 275/35 ภายในก็จะมีฟังก์ชั่นมาใช้งานมาให้ครบครันเช่นจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว หรือ 9 นิ้ว (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) พร้อมระบบอินโฟเทนเมนท์ Nissan Connect รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Android Auto หรือ Apple CarPlay, Wi-Fi hotspot, พอร์ท USB มีให้ทั้ง Type-A และ Type-C และชุดเครื่องเสียง Bose พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่งเป็นต้นฯ


           งานนี้นิสสันพร้อมอัดสปอร์ตต่างค่ายอย่าง Toyota Supra แบบไม่มีกั๊ก น่าสนใจอย่างยิ่งว่าชื่อของ Z ซีรี่ส์จะกลับมาเฉิดฉายได้อีกครั้งหรือไม่ ราคาอยู่ที่ 40,000 ดอลลาร์ หรือราวๆ 1.4 ล้านบาท ถ้ามาถึงเมืองไทยราคาจะเพิ่มขึ้นหรือเปล่าต้องรอดู

Story : tong superman
Photo: moto1

]]>