Casio G-Shock Ref. 6900-PT80 เป็นการ Collaboration ร่วมกันระหว่างแบรนด์นาฬิกา Casio นักร้องชื่อดังอย่าง John Mayer และ The HONDINKEE Shop ความเจ๋งของนาฬิการุ่นนี้ชวนย้อนให้นึกถึงอดีตในยุค 80 เป็นการนำเอานาฬิกา รุ่น DW900 มาต่อยอด เพราะรุ่นนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในนาฬิกา G-Shock ที่โดดเด่นที่สุดก็ว่าได้ อายุอานามปาไปไม่น้อยถูกผลิตมามากกว่า 25 ปีแล้ว จัดเป็นรุ่นที่นักเล่นนาฬิกานิยมกันอย่างมาก
ไฮไลท์ของรุ่น G-ShockRef. 6900-PT80 จะอยู่ที่ จอแสดงผล Triple Graph เป็นวงกลม 3 อัน สีแดง เขียว และเทา ซึ่งโทนสีเหล่านี้อ้างอิงมาจากสีของ คีย์บอร์ด Casio รุ่นPT-80 แบบดั้งเดิมที่เต็มไปด้วยความคลาสสิกในช่วงกลางของปี 1980
ต้องยอมรับว่าถึงแม้จะเป็นรุ่นที่ค่อนข้างเรียบตามแบบฉบับของ G-Shock ตัวเรือนและสายเรซินสีขาวนวลก็ให้ความรู้สึกทันสมัย ลุคสปอร์ตตี้ และดูสนุกสนานไม่น้อย
สนนราคาอยู่ที่ $ 180 USD และแน่นอนว่า ด้วยความเป็นรุ่นลิมิเต็ดขนาดนี้ ออกแบบร่วมกับ John Mayer ทันทีที่เปิดขายก็หมดภายใน 10 นาที
หนุ่มวัย 25 ปี มีพ่อเป็นเจ้าของอาณาจักรสินค้าหรูค่าย LVMH ยามนี้ได้รับความไว้วางใจให้เข้าครองตำแหน่งผู้บริหาร TAG Heuer แบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิสที่ครองความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของโลกนาฬิกา
ผู้ประกอบการนาฬิกาในสวิตเซอร์แลนด์ไม่ค่อยมีใครกล้าพูดถึง แต่มีการสาปแช่งผู้ผลิตนาฬิกาสวิสอยู่ในใจ เป็นการสาปแช่ง Rolex แบรนด์สัญลักษณ์รูปมงกุฎนึกจะทำอะไรก็ได้ตามใจอยากด้วยยอดจำหน่ายที่สูงกว่า เข้าถึงผู้คนได้ง่ายกว่าผ่านบรรดาคนดังหรืออินฟลูเอนเซอร์รวมถึงส่วนแบ่งทางการตลาดในสัดส่วนที่ใหญ่กว่า
แม้กระทั่งในช่วงวิกฤตโรคระบาดผู้ซื้อยังต้องไปต่อคิวยาวเมื่อ‘Submarine’รุ่นใหม่เปิดตัวที่เจนีวา เท่ากับเป็นการประกาศว่า Rolex ยังเป็นผู้นำตลาดของวงการ และแบรนด์อื่นจำเป็นต้องถ่อมตัว
TAG Heuer ของค่าย LVMH เองก็เพิ่งเปิดตัว ‘Carrera’ นาฬิกาโครโนกราฟในตำนานไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้า และมีการปรับเปลี่ยนให้แตกต่างจากรุ่นดั้งเดิมเพียงเล็กน้อย พอเรียกเสียงฮือฮาได้บ้าง แต่ไม่กึกก้องเท่าแบรนด์คู่แข่ง “ชื่อเสียงของ Carrera แผ่วไปบ้างเมื่อช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นั่นเพราะเอกลักษณ์มันหายไป” ทายาทรุ่นหนุ่มของตระกูลอาร์โนลต์บอก
เฟรเดริก อาร์โนลต์ (Frédéric Arnault) เพิ่งเข้ารับตำแหน่งบริหารบริษัทนาฬิกาที่อายุยาวนานถึง 160 ปีเมื่อต้นเดือกรกฎาคมที่ผ่านมา เขาเป็นลูกชายของแบร์นารฺด์ อาร์โนลต์ (Bernard Arnault) หุ้นส่วนใหญ่วัย 71 ของ LVMH ซึ่งถือครองสินค้าหรูในเครือถึง 75 แบรนด์ ในไลน์นาฬิกานอกจาก TAG Heuer แล้วยังมี Hublot และ Zenith กิจการของ LVMH จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ปัจจุบันมีมูลค่าราว 2.31 หมื่นล้านฟรังก์สวิส
ตระกูลอาร์โนลต์ถือครองหุ้นอยู่ 47 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้แบร์นารฺด์ อาร์โนลต์กลายเป็นผู้ชายที่ร่ำรวยที่สุดในฝรั่งเศส และลูกๆ ของเขา…สี่ในจำนวนห้าคนล้วนนั่งแป้นบริหารกิจการบริษัทในเครือ เฟรเดริกคือทายาทคนล่าสุดที่เข้ามารับช่วงต่อในตำแหน่งสำคัญ
เฟรเดริก อาร์โนลต์สำเร็จการศึกษาด้านคณิตศาสตร์และสารสนเทศจากมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคในปารีส มีประสบการณ์การทำงานกับ Facebook และบริษัท McKinsey & Company สามารถพูดได้สี่ภาษา ฝรั่งเศสและอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว ส่วนเยอรมันและอิตาเลียนระดับปานกลาง
นอกจากนั้นเขายังเชี่ยวชาญในการเล่นเปียโน อันเป็นพรสวรรค์ที่ได้รับจากน้องสาวของย่า-เอแลน แมร์ซีเยร์ (Hélène Mercier) นักเปียโนชื่อดัง เขาฝึกฝนเปียโนมาตั้งแต่อายุห้าขวบ เคยได้เข้าร่วมวงออร์เคสตรามอสโก ฟิลฮาร์โมนี เขาชื่นชอบกับการได้เล่นคอนเสิร์ตมาก แต่ยามนี้เขาไม่มีเวลามากพอที่จะฝึกซ้อมมันอีกแล้ว
LVMH เป็นธุรกิจครอบครัวที่เฟรเดริกคุ้นเคย และเป็นส่วนหนึ่งของมันตั้งแต่วัยเด็ก เขาเคยเข้าร่วมในการประชุมบริษัท เคยเดินทางติดตามพ่อของเขา และเคยเรียนรู้หลายสิ่งอย่างเกี่ยวกับแวดวงสินค้าหรู จึงเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาที่วันหนึ่งจะมีโอกาสได้เข้ามาทำงานในธุรกิจของครอบครัว
และแม้ธุรกิจจะมีตัวเลือกมากมาย แต่เขาก็เลือกที่จะเข้ามาอยู่ที่แบรนด์ TAG Heuer เหตุผลเพราะเขาคุ้นเคยกับมัน เมื่อตอนอายุ 11 ขวบเขาเคยได้รับนาฬิกาเรือนแรกเป็นของขวัญ มันคือ TAG Heuer ‘Aquaracer’ ที่ทำให้เขารู้สึกหลงรัก
เฟรเดริกยังหลงใหลในคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และคอมพิวเตอร์ ช่วงเป็นนักศึกษาปีสุดท้ายเขาทุ่มเทให้กับการประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ เช่น อัลกอรึทึม และปัญญาประดิษฐ์ จากภูมิหลังนี้ทำให้เห็นชัดว่าทำไมเขาจึงเลือกมาฝึกงานที่ TAG Heuer โดยเฉพาะกับนาฬิกาอัจฉริยะ
เฟรเดริกเริ่มงานในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเชื่อมต่อเทคโนโลยีเมื่อปี 2017 ปีถัดมาเขาได้รับการโปรโมตเป็นหัวหน้าฝ่ายดิจิทัล คุมทีมวิศวกรซอฟต์แวร์และดีไซเนอร์ปฏิสัมพันธ์ราว 30 คน ช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมาเข้า-เจเนอเรชั่นที่ 3 ของแบรนด์ TAG Heuer นำเสนอ ‘Connected’ ผลงานเรือนเวลาสมาร์ทวอตช์ ที่เขามีส่วนร่วมมาตั้งแต่เริ่มต้นการพัฒนา
ในแวดวงนาฬิกามีเสียงร่ำลือกันถึงเรื่องอายุอานามของผู้บริหารคนใหม่ นั่นเพราะ TAG Heuer มีประวัติศาสตร์มายาวนานถึง 160 ปี มีเรื่องราวเล่าขานเกี่ยวกับนักแข่งรถในตำนาน-โจ ซิฟเฟิร์ต และดาราฮอลลีวูด-สตีฟ แม็คควีน ทั้งสองเคยสวมใส่นาฬิกาโครโนกราฟรุ่น Monaco แล้วเด็กหนุ่มที่เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์จะมาเข้าใจในศิลปะการทำนาฬิกาแบบประเพณีโบราณได้อย่างไร
เฟรเดริก อาร์โนลต์ไม่ได้โต้แย้งเรื่องนี้ เขารู้ซึ้งดีถึงประวัติของแบรนด์ – เอดูอาร์ด ฮอยเออร์ (Edouard Heuer) อายุเพิ่ง 20 ปีตอนที่เริ่มก่อตั้งโรงงานนาฬิกา หลังจากนั้นสมาชิกของครอบครัวฮอยเออร์ก็ทยอยรับช่วงกิจการต่อ แต่ละคนอายุระหว่าง 20-27 ปี ฉะนั้นประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่งของ TAG Heuer ก็มีผู้บริหารรุ่นหนุ่มรวมอยู่ด้วย
ตัวเขาเองมีเป้าหมายชัดเจนที่จะนำพาแบรนด์ไต่ขึ้นอันดับ 4 ของวงการนาฬิกาสวิส ปัจจุบัน TAG Heuer มียอดขายราว 857 ล้านฟรังก์สวิส และอยู่ในอันดับที่ 9 กุญแจสำคัญในฐานะชาวดิจิทัลซึ่งเป็นผู้บริหารคนใหม่ ก็คือ เขาจะดูดซับทุกอย่างเกี่ยวกับงานฝีมือให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เขาใช้เวลาหมดไปกับการเรียนรู้กระบวนการดีไซน์ หรือสิ่งที่ต้องทำเพื่อสร้างคุณภาพสูงสุดในการผลิตนาฬิกาแต่ละซีรีส์ นอกจากนั้นเขายังต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับความคุ้มค่าของตัวเรือนและหน้าปัดนาฬิกาแต่ละเรือนด้วย
ระหว่างการเรียนรู้งานในความรับผิดชอบ เฟรเดริกยังใช้เวลาคลุกคลีกับทีมงาน สร้างสัมพันธ์ใกล้ชิด และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
“บรรยากาศในการทำงานที่ดีเป็นเรื่องสำคัญ” เขาว่า “บางทีนามสกุลของผมอาจทำให้หลายคนรู้สึกกลัว แต่จะว่าไปแล้วใครๆ ก็รู้สึกอย่างนั้นกับซีอีโอทุกคนไม่ใช่หรือ”
เรื่อง : บุญโชค พานิชศิลป์
ตลอดช่วง 100 ปีที่ผ่านมา Mido เป็นมากกว่านาฬิกาทั่วไป การออกแบบที่อยู่เหนือกาลเวลา การเลือกใช้วัสดุที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ และนวัตกรรมด้านเทคนิค โดยพื้นฐานความคิดในการผสมผสานระหว่างนวัตกรรม การสร้างสรรค์ และประโยชน์ในการใช้งานผ่านการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมของโลกแต่ละแห่ง รวมไปถึงความประณีต เหล่านี้ล้วนกลายมาเป็น DNA ของแบรนด์ Mido
ซัมเมอร์นี้ MARS HOMME อยากแนะนำ นาฬิกา 3 รุ่น จากมิโด้ ยิ่งสายสปอร์ตไม่ควรพลาด ที่นอกจากความเท่แล้วยังเพิ่มความลักชูรี่สปอร์ตแบบคนรุ่นใหม่ และเหมาะกับทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นบิสิเนส ลุค หรือปาร์ตี้ลุค
Multifort Chronometer
จัดเป็นนาฬิกา Luxury Sport เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกพัฒนาและผลิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทุกรายละเอียดถูกสร้างสรรค์ขึ้นอย่างใส่ใจ เป็นคอลเล็กชั่นแรกที่ได้รับการติดตั้งกลไก Caliber80Si ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน COSC การันตีความเที่ยงตรงในระดับ Chronometer พลังงานสำรองกว่า 80 ชั่วโมง
ตัวเรือนทำจากเตนเลสสตีล 316L ขัดซาติน ขอบตัวเรือนขัดเงา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 42 มม. กันน้ำได้ถึงระดับ 100เมตร หน้าปัดสีดำขัดลายแบบเจนีวา สไตรป์ในแนวตั้ง หลักชั่วโมงทรงไดมอนด์-คัต ขัดแบบซาติน เคลือบด้วยสารเรืองแสง Super-Luminova สำหรับมองเห็นตอนกลางคืนโดดเด่นด้วยสายหนังสีน้ำตาลปั๊มเกล็ดจระเข้ บานพับผลิตจากสแตนเลสเคลือบ PVD สีอมชมพู
OCEAN STARCOLLECTION
Ocean Star & Ocean Star Diver 600
เรือนเวลาสุดสปอร์ตสำหรับคนรักกิจกรรมทางน้ำ ความทนทาน ความหรูหรา และความเที่ยงตรงคือคำจำกัดความของคอลเล็กชั่นOcean Star ได้เป็นอย่างดี โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวในท้องทะเล ทั้ง 2 รุ่น บรรจุกลไก Caliber 80 ที่ถูกพัฒนาให้มีกำลังงานสำรองสูงสุดถึง 80 ชั่วโมง ฝาหลังสลักลายปลาดาว ชวนให้ระลึกถึงท้องทะเลและตำแหน่ง 12 นาฬิกา มีปุ่มที่เคลือบสารเรืองแสงแบบ Super-Luminova สีขาว กระจก Sapphire มีการเคลือบสารกันแสงท้อนเอาไว้ทั้ง 2 ด้าน ทำให้สามารถสัมผัสความงามของหน้าปัดได้อย่างเต็มที่
Ocean Star
ตัวเรือนกันน้ำได้ถึง 200 เมตร มาพร้อมกับหน้าปัดสีฟ้าเข้ม ตัวเรือนผลิตจากสตีลที่ทนทานผ่านการขัดแต่งอย่างพิถีพิถัน เคลือบ PVD สี Pink Gold บนตัวเรือนผ่านการขัดลายซาติน ขอบ Bezel
Ocean Star Diver 600
เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์ที่ชอบกิจกรรมทางน้ำ โดยเฉพาะการดำน้ำ รุ่นนี้ตัวเรือน ตัวเรือนกันน้ำได้ถึง 600 เมตร หน้าปัดเคลือบเงาสีดำ ขอบตัวเรืนเซรามิค สายยางซิลิโคนสีดำให้ความรู้สึก Luxury Sport มาพร้อมเครื่องรุ่นท๊อป Caliber 80 Chronometer Si , และ Helium Valve ให้คุณพร้อมทุกสาถานการณ์ใต้น้ำลึก
]]>ใกล้เทศกาลส่งความสุข ท็อปลิสต์ของขวัญอันดับต้นๆ ที่หลายคนปรารถนาหนึ่งในนั้นต้องเป็น ‘นาฬิกา’ แต่จะดีแค่ไหนหากมีคนรู้ใจเลือกของขวัญที่ตรงกับคาแร็กเตอร์ Mars Homme อาสาเป็นพี่เลี้ยงบอกใบ้ให้สำหรับหนุ่ม ๆ ที่ยังไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรเป็นของขวัญให้สาว ๆ ขอแนะนำ A Gift for Girl เรือนเวลาสำหรับสาวยุคใหม่ที่แฝงไว้ด้วยความเรียบโก้
เรือนเวลาที่สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของผู้หญิง ภายใต้นิยามของคำว่าสุขุม ภูมิฐาน เผยให้เห็นความกล้าในการแสดงออกของสุภาพสตรีทันทีกับคอลเล็กชั่น Baroncelli Lady Day & Night ของ Mido ไม่ว่าจะทำงาน เดินช้อปปิ้ง หรืออยู่ท่ามกลางแสงสีในงานปาร์ตี้ หรือไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด ก็สลับสับเปลี่ยนสายนาฬิกาง่ายๆ ด้วยตัวเอง เป็นการปรับอารมณ์ของเรือนเวลาให้สอดคล้องไปตามช่วงจังหวะและโอกาส
Baroncelli Lady Day & Night มาพร้อมกับรูปลักษณ์ 3 แบบ 3 สไตล์ที่ถูกผสมผสานให้อยู่ในนาฬิกาเพียงเรือนเดียว อารมณ์และสัมผัสแห่งเรือนเวลาจะเปลี่ยนไปตามสายหนัง 3 แบบที่อยู่ในเซ็ต ทั้งสายหนังแท้ปั๊มลายหนังจระเข้แบบกึ่งด้านสีดำ สายหนังสีแดงแท้ปั๊มลายหนังจระเข้เคลือบแล็กเกอร์แวววาว และสายผ้าลายซาตินสีเทา
ไฮไลต์ของตัวเรือนเวลานี้อยู่ที่หน้าปัดแบบ Mother-of-Pearl สีขาวมุกประดับด้วยเพชรในตำแหน่ง 3, 9 และ 12 นาฬิกา (จุดละ 0.051 กะรัต) เพิ่มความโดดเด่น เรียบหรู มีกลไกรหัส Caliber 80 ถูกจัดวางเอาไว้ ซึ่งถือเป็นกลไกรุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาให้มีกำลังสำรองสูงถึง 80 ชั่วโมง และจะช่วยให้ทุกการสวมใส่เป็นไปอย่างง่ายดาย ลืมเรื่องความยุ่งยากในการสวมใส่ของนาฬิกาอัตโนมัติเหมือนกับที่ผ่านมาไปได้เลย การออกแบบเส้นสายและรูปทรงที่มีความโค้งมนอ่อนช้อย Baroncelli Lady Day & Night จึงกลายเป็นเพื่อนคู่ใจบนข้อมือที่ให้ความมั่นใจกับผู้สวมใส่ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืน
ถ้า Mars Homme จะแนะนำนาฬิกาสักเรือน ย่อมไม่ใช่นาฬิกาธรรมดาทั่วไป เพราะนั่นต้องหมายถึงว่าพิเศษและลิมิเต็ดจริงๆ เพราะนาฬิกาที่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาเท่านั้น แต่อยู่ที่ต้นทางของการผลิตรวมไปถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่คนออกแบบและคนทำให้ความสำคัญในทุกดีเทล
Hamilton ได้เผยโฉมนาฬิการุ่น Broadway GMT ที่เหมาะกับหนุ่มนักเดินทาง สามารถบอกเวลาได้ถึง 2 ไทม์โซน ตามเอกลักษณ์ในนาฬิกาแบบ GMT ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปอยู่ที่ไหนบนโลก คุณก็สามารถดูเวลาต้นทาง หรือ Home Time และเวลาที่ 2 ซึ่งเป็น Local Time ผลิตมาเพียง 2,018 เรือนทั่วโลกเท่านั้น ความลิมิเต็ดไม่ได้อยู่ที่จำนวนที่การผลิตที่น้อย แต่ในรุ่นนี้มีขอบวงแหวน (BEZEL) ที่ทำจากเซรามิกสีดำสนิทพร้อมสลักชื่อ 24 เมืองในฝันสำหรับนักเดินทางด้วยตัวอักษรสีขาว ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ Hamilton ทำขอบวงแหวนเซรามิกสามารถกันน้ำได้ที่ 50 เมตร (5 บาร์) พร้อมกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัล พร้อมลงสารป้องกันแสงมา โดยมีสายให้ 2แบบ ทั้งสายหนังสีดำที่เข้ากันได้อย่างลงตัว หรือจะเป็นสเตนเลสสตีลสำหรับคนที่ชอบวัสดุแบบโลหะทั้งเรือน
คอลเล็กชั่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการนำผ้าสำหรับทำชุดสูทโมเดิร์นที่เราคุ้นเคยกันดีเพื่อคุณผู้ชายในยุคปัจจุบัน ผสมผสานกับฟังก์ชั่น และคุณสมบัติต่าง ๆ ที่จะช่วยเติมเต็ม และตอบสนองความต้องการของหนุ่มคนเมืองที่ทันสมัย ตัวเรือนมีการดีไซน์หน้าปัดเป็นสีดำ หน้าปัดสเตนเลนสตีลขนาด 46 มม.พร้อมด้วยกลไกระบบขึ้นลานอัตโนมัติรหัส H-14 กำลังลานสำรองสูงสุด 80 ชั่วโมง กับพรายน้ำสีขาวบนเข็มชั่วโมง นาที และวินาที และสีแดงบนเข็ม GMT ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Super-Lumi Nova ที่จะช่วยให้หน้าปัดโดดเด่นได้ถึงขีดสุด ตัดกับพื้นหลังสีดำสนิทบนหน้าปัดที่ถูกออกแบบให้มีแถบตรงกลางในแนวตั้งที่ได้แรงบันดาลใจจากตึกสูงระฟ้าในเมืองที่ไม่เคยหลับใหล