Warning: Cannot modify header information - headers already sent by (output started at /var/www/marshomme.com/wp-content/plugins/wp_mgr_id/wp_mgr_id.php:1) in /var/www/marshomme.com/wp-includes/feed-rss2.php on line 8
ผู้ชาย – Marshomme https://marshomme.com Tue, 19 Apr 2022 14:05:20 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.2.20 https://marshomme.com/wp-content/uploads/2019/10/logo2_icon-90x90.png ผู้ชาย – Marshomme https://marshomme.com 32 32 เหลือไว้เพียงผลงาน อาลัย ‘บีม ปภังกร’ นักแสดงนำจากซีรีส์ไทยเรื่องแรกของ Netflix https://marshomme.com/interview/529822/ Wed, 23 Mar 2022 14:35:00 +0000

           ตกใจไม่น้อย เมื่อทราบข่าวการจากไปกะทันหันของ ‘บีม ปภังกร’ หนึ่งในนักแสดงมากฝีมือ   ที่เคยร่วมงานถ่ายแฟชั่น E photobook กับ mars homme เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ร่วมไว้อาลัยกับการจากไปของบีม กับบทสัมภาษณ์ขนาดยาวที่บีมเคยให้สัมภาษณ์ไว้กับเรา….


          แม้ซีรีส์แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งออนไลน์ทั้งหลายจะเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ มาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ยอดวิวของทุกแพลตฟอร์มกลับมาทะลุเป้าแบบไม่เหนือความคาดหมาย เพราะโรคระบาดนั่นไง ที่ทำให้เราไปไหนมาไหนไม่ได้ จำต้องหาความบันเทิงเสพชิลล์ๆ แก้เครียดไปวันๆ

           หนึ่งในแพลตฟอร์มที่ฮิตมากๆ ก็คงต้องยกให้เน็ตฟลิกซ์แหละ ที่มีทั้งหนังและซีรีส์เด็ดๆ จากทั่วโลกให้ชมชนิดที่เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว แต่หนึ่งออจินัลซีรีส์ของค่ายนี้ที่น่าจับตามองมากที่สุด คงต้องยกให้ #เคว้ง เพราะนอกจากเป็นซีรีส์ไทยเรื่องแรกที่เป็นออริจินัลซีรีส์ของ Netflix แล้ว เรายังได้พิสูจน์ฝีมือการผลิตและการแสดงของคนไทยล้วนๆ ทั้งนักแสดงและผู้กำกับอีกด้วย

            หนึ่งในนักแสดงนำที่โดดเด่นมากจากซีรีส์เคว้ง ก็คือ ‘บีม-ปภังกร ฤกษ์เฉลิมพจน์’ ที่ได้รับคำชมอย่างมากมาย เรามีคำถามหลายข้อที่อยากจะฟังคำตอบจากปากหนุ่มคนนี้ชัดๆ


feedback จากเคว้งที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง

         ส่วนตัวผมมองว่าค่อนข้างโอเคนะครับ มีทั้งติทั้งชม ชมเราก็ถือว่าเป็นกำลังใจให้ตัวเองนะครับ แต่ว่าส่วนคำติ ผมเก็บมาพัฒนาตัวเอง แล้วอ่านบ้างไม่อ่านบ้าง แต่อันไหนที่อ่านแล้วเรามองว่าเอออันนี้มันจริง เรานำมาปรับปรุงพัฒนาในอนาคตได้

ที่ติเขาติเรื่องอะไร

         ส่วนใหญ่คือด้วยตัวบทครับ ผมว่ารู้สึกว่ามันมีหลายอย่างที่เขายังไม่ได้เฉลยให้เคลียร์ แล้วยังไม่ได้เฉลยให้จบซะทีเดียว คนเลยสงสัยกัน

เตรียมไว้ซีซั่น 2 ไหมเพราะกระแสซีซั่นแรกค่อนข้างดี

          ผมยังไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะทำหรือเปล่าครับ เขาบอกว่าต้องรอทาง Netflix แจ้งอย่างเป็นทางการมาก่อน ส่วนเรื่องกระแสค่อนข้างโอเคอยู่ครับ ทาง Netflix เขาค่อนข้างพอใจ

ทำไมถึงได้มาแคสต์เล่นซีรีส์เรื่องนี้

         มาแบบงู ๆ ปลา ๆ มากเลยครับ คืออยู่ๆ พี่เขาเรียกเข้ามาแคสต์ เราไปแคสต์แบบที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องอะไรเลย เพิ่งมารู้ทีหลังด้วยว่าเป็น Netflix ครับผม


คือไม่ได้ให้รายละเอียดเลยว่า แสดงเรื่องอะไร แนวไหน รับบทเป็นใคร ใช่มั้ย

         คือตัวที่แคสต์ก็เป็นตัวที่ชื่อคราม แค่นั้น รู้แค่ว่าชื่อคราม เป็นลูกชาวประมง เด็กใต้ ชาวเกาะ อะไรประมาณนี้ครับ แค่นี้ นอกนั้น ไม่รู้อะไรเลย สงสัยที่เขาเลือกผมเพราะหน้าตาเข้มๆ คมๆ เหมือนเด็กใต้มั้งครับ

จริงๆ บีมเป็นคนกรุงเทพฯ หรือคนใต้

         คนกรุงเทพฯ ครับ แต่มีคนถามผมเยอะมากว่าเป็นคนใต้หรือเปล่า ยิ่งเล่นเรื่องนี้เสร็จ มีคนมาถาม เต็มเลยว่าเป็นคนใต้หรือเปล่า ไม่ใช่ครับนะครับ คนกรุงเทพฯ เกิดที่นี่

บีมเข้าวงการมานานหรือยัง

        ตั้งแต่ 16 ครับ ตอนนี้ 24 ก็ปีที่ 8 แล้วครับ


ตอนนั้นที่เข้ามาวงการเริ่มจากน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ใช่มั้ย

       ใช่ครับ น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ครับ มีเปิดเป็นออดิชั่นครับ รับน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์แก๊งใหม่ เราก็เข้าไปประกวด มันเป็นประกวดครับ พอเราประกวดเสร็จเราก็ต้องเก็บตัวแป๊บหนึ่ง แล้วมีแข่งรอบสุดท้าย กว่าจะเลือกประมาณเดือนหนึ่งได้ครับผม

ใครชวนไปแคสต์

         ตอนนั้นคุณแม่เป็นคนผลักดันครับ พอแม่เห็นประกาศว่ามีรับน้องแก๊งใหม่ เขาบอกผมให้ลองไปดู อยากให้ลูกกล้าแสดงออกประมาณนี้ครับ คือแม่ผมจะชอบให้ผมอยากจะไปทำอะไรพวกนี้ ไปประกวด ลองไปดูนู่นดูนี่ตั้งนานแล้ว คือเขาอยากให้ผมกล้าแสดงออก แล้วเราก็ไม่เคยไปสักที่ แต่อันนี้เราก็ว่าเราลองไปดู

แล้วที่ไปเล่นหนัง Water Boyy ล่ะ

        Water Boyy เนี่ยเล่นอยู่ในระหว่างที่เล่นช่วงน้องใหม่ไปประมาณ 2 ปี แล้ว แล้วก็มี Water Boyy เข้ามาครับผม ตอนนั้นผมเห็นว่าบทมันน่าสนใจดี ก็เลยลองไปเล่นแค่นั้นเลยครับ ไม่ได้คิดอะไรมากหลังจาก Water Boyy ก็มีน้องใหม่ถ่ายมาเรื่อยๆ ครับ แล้วผมก็มีละครช่อง 3 มิสเตอร์เมอร์แมนบ้าง มี Project S The Series ของนาดาวครับ ตอน Spike ครับ ที่เป็นตอนของนักวอลเลย์บอล แล้วก็มีซีรีส์อีกเรื่องหนึ่งชื่อเรื่องรักหลับครับ ออนแอร์ทางช่อง 3 SD ครับ

ตอนนี้กำลังถ่ายอะไรอยู่

         ตอนนี้ก็มีถ่ายซีรีส์อยู่เรื่องหนึ่งครับ แต่ว่าช่องทางออนแอร์ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นทางไหนเป็นซีรีส์เกี่ยวกับการแข่งเปียโนประมาณนี้ครับ เรื่องราวมันก็จะมีปัญหากันในระหว่างการแข่งประมาณนี้ครับ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ผมขออุบไว้ก่อนดีกว่า


อยู่วงการนี้มาหลายปี รู้สึกพอใจในจุดที่เราอยู่ตอนนี้ไหม

        พอใจไหม ผมว่าตอนนี้มันก็โอเคอยู่นะครับ เพราะถือว่าเราได้มีงานเข้ามาเรื่อยๆ ครับ อาจจะยังไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างอะไร แต่ผมไม่ได้โฟกัสตรงนั้น ผมอยากพัฒนาตัวเองให้มันดีพร้อมที่จะไปอยู่ตรงนั้นในวันที่โอกาสเข้ามาจริงๆ มากกว่าครับ แล้วตอนนี้ผมมองว่ามันเป็นช่วงที่เรากำลังพัฒนาตัวเองให้ฝีมือเก่งๆ กว่านี้ก่อนครับ

ผลงานที่เคยมีมาชอบบทไหนมากที่สุด

ตัวน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ผมก็ชอบนะครับ ตัวที่ผมเล่นชื่อปราบภัย เคว้งนี่ผมก็ชอบ

บทครามกับบีมนี่ต่างกันมากน้อยแค่ไหน

ช่วงแรกๆ ต่างกันเยอะมากในการแบบจูนอิน เขาเรียกว่าอะไร outer ของเรา เราเป็นคนแบบไม่ค่อยใจเย็นครับ เป็นคนทำอะไรรีบๆ ลุกลี้ลุกลน เป็นไฮเปอร์ แต่ว่าตัวครามเขาจะนิ่งๆ ใจเย็นๆ ชิลล์ๆ เป็นชาวเกาะด้วย ดูสุขุมกว่าใช้เวลาจูนอยู่สักพักหนึ่งนะครับ มีพี่จินผู้กำกับช่วย แล้วเวลาเราอยู่กอง ไม่ใช่อยู่กองเดียว ตอนที่ถ่ายทำเราต้องย้ายตัวเองไปอยู่เกาะนานๆ ครับ มันช่วยเราตรงนี้ด้วย ระหว่างนั้นเราก็พยายามทำให้ใจเย็นและนิ่งให้มันมากขึ้นตลอดครับ


ทำไมถึงคิดว่าตัวเองเป็นคนไฮเปอร์

         ผมอยู่ไม่ค่อยสุขครับ แล้วเวลาผมทำอะไรผมทำเร็วๆ ผมไม่ได้แบบทำช้าๆ เวลาทำช้าๆ แล้วผมอึดอัด แต่พอหลังจากผมเล่นเคว้งมา ผมรู้สึกว่าผมเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะอยู่ เปลี่ยนไปในเรื่องของความใจเย็น นิ่งลง วิธีคิดก็ค่อนข้างเปลี่ยนเยอะ

ถ้าวันนี้ไม่ได้เป็นนักแสดงบีมจะเป็นอะไร

         นั่นสินะ ผมคิดอยู่ตลอด อาจจะยังเพิ่งเรียนจบ ไม่รู้ว่าจะทำอะไร เพราะตอนก่อนที่จะเข้ามาเป็นนักแสดง มันก็ยังไม่ใช่เป็นช่วงที่เราคิดได้ว่าเราอยากจะทำอะไร อยากจะเป็นอะไร เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะไปเรียนสายไหน จบมาทำอะไร นึกไม่ออกเลยเหมือนกันครับ

ถ้าสมมุติว่าวันนี้ไม่ได้เป็นนักแสดงแล้ว เราอยากทำอะไรต่อ

         ผมอยากทำธุรกิจ แต่ว่าผมยังไม่รู้ว่าผมต้องการจะทำอะไร ณ ตอนนี้ แต่ที่แน่ๆ คือผมอยากทำธุรกิจ อยากขายของ อยากลองดูสิ่งที่เราไม่เคยทำเหมือนกันครับ

ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาบ้างมั้ย

           เล่นกีฬาครับ ผมเตะบอล ต่อยมวย ฟิตเนสบ้าง เอาหมดเลยครับ ผมชอบเล่นกีฬามาก แต่ว่าพิลาทิสเหมือนที่แม่ผมสอนอยู่เนี่ย ผมว่ามันไม่ใช่ทางของผมเท่าไร เรื่องดูแลตัวเอง ผมไม่ได้ดูแลตัวเองขนาดนั้นครับ ผมตามใจตัวเองเรื่องกิน แต่ว่าผมจะออกกำลังกายอยู่ตลอด เพราะฉะนั้นมันก็จะแล้วแต่ช่วงเวลาครับ ช่วงไหนออกกำลังเยอะ หุ่นจะดี มันก็จะมีอารมณ์อยากไปออกกำลังกายเยอะ ช่วงไหนที่ขี้เกียจๆ มันก็จะเผละหน่อย


อยู่วงการมาหลายปี มีงานหรือบทบาทอะไรที่เรายังไม่เคยรับ และมีความรู้สึกว่าวันหนึ่งถ้ามีโอกาส เราอยากจะไป challenge ตัวเองกับสิ่งนั้นบ้าง

          นึกไม่ออกเลยครับตอนนี้ สมมุติถ้าเข้ามาอย่างนี้ แล้วเราเห็นแล้วว่า เฮ้ยน่าลอง ผมก็คงโอเคครับ แต่หนังผมอยากเล่นอีกนะ เพราะเล่นมาเรื่องเดียว อยากลองอีกเหมือนกัน อ๋อ ผมนึกออกแล้ว ผมอยากเล่นหนังแบบชีวประวัติแบบต่อยมวย อันนี้ผมอยากเล่นมาก อยากเล่นหนังต่อยมวย แบบว่าเป็นชีวประวัติที่แบบนายขนมต้มอะไรอย่างนี้ครับ อันนี้อยากเล่นมาก

ประเมินผลงานตัวเองที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง

            มันควรจะดีกว่านี้ครับ แต่ ณ ตอนที่เราได้ทำ เราก็ทำไปเต็มที่เท่าที่สมรรถภาพเราสามารถทำได้ เพราะฉะนั้นหลังจากนี้มันก็เป็นเรื่องของการที่เราไปพัฒนาตัวเอง ระหว่างที่เราไม่ได้รับงาน ไม่ได้ทำงาน ที่ทำให้เราได้ไปทำงานครั้งหน้า มันอยู่ในสภาพที่พร้อมและฟิตกว่านี้ เวลาเรามองย้อนกลับมาดูงานอีก เราจะได้ไม่แบบเสียดายว่า เฮ้ย ตรงนี้เราน่าจะดีกว่านี้ ทุกครั้งเราก็ทำไปเต็มที่เท่าที่เราทำได้ที่สุด และพยายามพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ นะครับ หรือว่าจริงๆ แล้วจนถึงวันหนึ่งที่ผมแก่มากๆ ผมก็อาจจะยังไม่พอใจในผลงานตัวเองก็เป็นไปได้ครับ ผมไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมมองว่าจริงๆ แล้วมันก็มีอะไรให้พัฒนาขึ้นไปได้อีกเรื่อยๆ

ดาวน์โหลด E Photobook และบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม รวมไปถึงเบื้องหลังคลิปวิดีโอของ ‘บีม ปภังกร’ ได้เร็วๆ นี้

https://www.mebmarket.com/ebook-124286-Mars-Homme-Magazine-Online-BEAM


https://www.ookbee.com/shop/magazine/MARHOMMEMAG/2f044a59-0536-49d5-b979-b67c0028fc99/mars-homme-magazine-online-beam

Text :  Takeshi West

]]>
กำจัด “ขน” ไม่พึงประสงค์ของผู้ชาย https://marshomme.com/lifestyle/531835/ Mon, 26 Apr 2021 05:38:00 +0000

เรื่องของขนและการกำจัดขนสำหรับผู้ชาย ยังเป็นความลับที่ผู้ชายยังไม่อยากพูดถึง ยกเว้นแต่เรื่องหนวดและเครา ที่หนุ่มๆ มักไม่ค่อยเปิดเผย ว่ามีขนตรงนั้นตรงนี้ที่ไม่พึงปรารถนา การกำจัดขน ยังฟังดูเหมือนการแต่งหน้าหรืออะไรที่เป็นผู้หญิงจนเกินไป แต่ความจริงแล้วการกำจัดขนเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับหนุ่มๆ


ขนตรงไหนบ้างที่หนุ่มนิยมกำจัดที่ดูจะยอดนิยมที่สุด สำหรับหนุ่มที่ถือหลักการทั้งห้าของโหงวเฮ้งคือการกำจัดขนระหว่างคิ้วทั้งสองข้างไม่ให้คิ้วต่อกันเป็นเส้นเดียว การกำจัดขนที่ใบหู การกำจัดขนที่ไหล่และหลัง การกำจัดขนหน้าอก หรือสำหรับนักกีฬาที่ต้องการความราบลื่นทั่วทั้งตัว เช่น นักเพาะกาย นักว่ายน้ำ และนักขี่จักรยาน อาจกำกัดขนทั่วทั้งเรือนร่าง และแน่นอนว่า หนุ่มบางคนก็ต้องการกำจัดขนที่จุดลับด้วยเช่นกัน

ขั้นตอนและวิธีกำจัดขนมีตั้งแต่ระดับเบื้องต้นที่ทำได้เอง แต่ไม่คงผลถาวรนักไปจนถึงบริการกำจัดขนถาวรด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ล้ำสมัย


การโกน

หนุ่มๆ เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นก็เรียนรู้การโกนขน (หนวด) เป็นวิธีที่สะดวกกับอุปกรณ์ที่มีจำหน่ายทั่วไปในท้องตลาด ทำได้แทบทุกสัดส่วนแต่ต้องอาศัยความระมัดระวังเสียหน่อยให้ผลไม่ถาวรหรือเพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้น


การแว๊กซ์

อุปกรณ์หาซื้อใช้ได้เอง แต่วิธีการยังคงต้องอาศัยความชำนาญและมีความวุ่นวายประมาณนึง ผลที่ได้ทันทีหลังการแว็กซ์เป็นความราบเรียบที่หนุ่มๆต้องประทับใจ และให้ผลไปได้อีกสี่ถึงหกสัปดาห์กับขนอ่อนที่ขึ้นมาน่าประทับใจสามารถทำได้ทั้งมือแขนขาหน้าอกรักแร้และส่วนอื่นๆ ของร่างกาย


เลเซอร์กำจัดขน

วิธีนี้เป็นวิธีการกำจัดขน แม้บางที่จะบอกว่าขนจะไม่ขึ้นใหม่อย่างถาวร แต่ก็ไม่อยากให้ปักใจเชื่อมากนัก เพราะอาจจะเกิดขนใหม่ขึ้นได้อีกแต่อาจจะอยู่ในปริมาณที่น้อย แต่ข้อเสียคือ ราคาแพง


กำจัดขนถาวร

วิธีการกำจัดขนถาวรที่เทคโนโลยีล้ำหน้ามีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เป็นต้นว่า การกำจัดขนที่ใบหู การกำจัดขนที่ไหล่และหลังการกำจัดขนหน้าอก หรือสำหรับนักกีฬาที่ต้องการกำจัดขนทั่วทั้งเรือน

อย่างไรก็ตามที่เรียกกันว่าการกำจัดขนถาวรนั้นไม่ได้แปลว่าถาวรตลอดชีวิต แต่เป็นการถาวรที่ยาวนานกว่าวิธีอื่นทั่วไป

www.myethosspa.com › laser-hair-removal-for-men-face
mybeardgang.com › how-to-treat-beard-lice
www.thetrendspotter.net › Grooming
www.123rf.com › stock-photo › hair_removal_man
www.coolaromaspa.com › considering-waxing-pro-guy…

]]>
Clean Cut Good Shape ร่างกายและเส้นผม https://marshomme.com/lifestyle/531793/ Mon, 29 Mar 2021 09:07:00 +0000

ไม่ใช่แค่เพียงผิวหน้าเท่านั้นที่ทำให้หนุ่มดูสดใสโดดเด่นกว่าคนข้างเคียง แต่ต้องผิวกาย เส้นผม และความสะอาดเป็นสำคัญ ยังไงเสีย Clean Cut Good Shapeก็ย่อมต้องดูดีกว่า หมดสมัยแล้วที่ผู้ชายเก่งไม่ดูแลตัวเอง (ตั้งแต่หัวจรดเท้า) บุคลิกและความโดดเด่นเป็นส่วนประกอบสำคัญในความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จในชีวิต รู้หรือไม่ว่าสิ่งประทับใจสิ่งแรกสำหรับผู้ที่พบเห็นคือทรงผม คนมักจะจำและประทับใจ หรือไม่ประทับใจ กับทรงผมของเรา ถึงแม้ขนาดอาจจะไม่สำคัญ แต่รูปลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญครับ


รักษาเส้นผม

เส้นผมไม่มีเส้นประสาท ไม่มีเลือดหล่อเลี้ยง ไม่รับความรู้สึก ต้องได้รับการบำรุงจากด้านล่างและเสริมด้านบน ไม่เช่นนั้นเส้นผมจะขาด แห้ง แตกปลาย และไม่เป็นประกาย รับประทานอาหารที่มีวิตามินบีต่างๆ และอาหารที่ทำจากนม หรือรับประทานวิตามินและซิลิกาเสริมด้วยยิ่งดี

เพื่อการบำรุงจากโคนผม ให้เส้นผมและหนังศีรษะได้รับอากาศและหายใจ อย่าใส่หมวกเป็นประจำตลอดเวลา การออกกำลังกายจะช่วยเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อหนังศีรษะ กระตุ้นและนวดไปในตัว การนวดหนังศีรษะเป็นการช่วยบำรุงเส้นผมที่ดี การสระผมบ่อยครั้งอาจทำให้เส้นผมและหนังศีรษะแห้งจนเกินไป นอกจากนี้คุณควรเสียเวลาสักนิดเพื่อเรียนรู้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมใหม่ๆ ที่ทำให้เส้นผมยืดตรง หรือมันเป็นประกายแลดูมีสุขภาพ


ทรงผม

อย่าลืมหาช่างตัดผมฝีมือดี ซึ่งสำคัญมาก เห็นเพื่อนคนไหนผมทรงเตะตา ปรี่เข้าไปถามที่มาของช่างฝีมือทันที เริ่มจากเจรจากับช่างถึงความต้องการของเรา แต่ช่างอาจรู้ว่าอะไรเหมาะกับรูปทรงศีรษะ ใบหน้า และชนิดของเส้นผมคุณ ซึ่งเราจะต้องไว้ใจช่างด้วย

โดยเฉพาะเมื่อต้องการเปลี่ยนทรงผม และเปิดใจรับการเปลี่ยนแปลงแบบนานๆ ครั้ง การโกนศีรษะนับเป็นแฟชั่นที่มาแรงและยังไม่เสื่อมคลาย ที่สำคัญเมื่อโกนจนเกลี้ยง ต้องรักษาหนังศีรษะให้ดูดี บำรุงด้วยโลชั่นและปกป้องด้วยครีมกันแดดเหมือนผิวสำคัญส่วนอื่น


ผิวตัว

หนุ่มๆ อย่างเราสามารถทำอะไรกับผิวกายได้บ้าง

· ขัดผิวตัวเป็นประจำ โดยเฉพาะหลัง เพื่อให้ผิวหนังเก่าได้ผลัดออกง่าย และเผยเซลล์ผิวใหม่ที่กำลังเจริญเติบโต ทำให้ตัวคุณดูเปล่งประกาย และนุ่มลื่นเมื่อสัมผัส

· บำรุงอย่าให้ผิวแห้ง เหี่ยวย่น ขาดน้ำหรือความชุ่มชื้น ทาโลชั่นบำรุงผิวเป็นประจำ ถึงแม้เมืองไทยจะอยู่ในเขตอากาศร้อนชื้น แต่ลมแห้งในฤดูหนาวจากเมืองจีน หรือการอยู่ในห้องปรับอากาศที่ดูดเอาความชื้นในอากาศออกไปเสียหมด สามารถทำลายผิวกายได้

· ปรับสีของเม็ดสีผิวด้วยโลชั่นที่มีส่วนผสมของสารสกัดที่ช่วยควบคุมและปรับสภาวะการทำงานของเม็ดสีในร่างกาย ช่วยให้ผิวตัวขาวเนียนเรียบน่ามอง

· รักษาและป้องกันสิวที่ลำตัวและหลัง สิวเกิดขึ้นได้ทุกส่วนในร่างกาย ล้างและทำความสะอาดร่างกายทุกซอกมุม โดยเฉพาะหลัง ให้สะอาดหมดจด บริเวณที่เรามองไม่เห็นนั้น จะมีคนใกล้ชิดหรือผู้ลึกลับที่มองเห็นมันชัดกว่าเราเสียด้วยซ้ำ ต้องเตรียมตัวให้พร้อม

· ป้องกันจากรังสีอัลตราไวโอเลต ด้วยสารป้องกันแดดที่มีค่าSPFที่เหมาะสมกับกิจกรรมที่เราทำเป็นประจำ หรือมากเป็นพิเศษสำหรับวันที่ต้องออกเดินทางกลางแดด

Credit Photo :
Babaloca.com
https://www.desiblitz.com/content/the-21st-century-british-asian-man
https://www.trendstales.com/mens-beauty/

]]>
‘นิค วูสเตอร์’ สปอร์ต สูงวัย เน็ตไอดอลในโลกโซเชียล https://marshomme.com/scoop/531531/ Mon, 16 Nov 2020 09:52:00 +0000

ชายสูงวัยที่ปรากฏตัวตามสื่อแฟชั่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้ชื่อว่าเป็นไอคอนแห่งสตรีท สไตล์มีภาพลักษณ์การแต่งกายที่เป็นแบบเฉพาะตัว มีความเท่ เนี้ยบ และที่โดดเด่นกว่าสิ่งอื่นใดนั่นคือ เส้นผมและหนวดเคราสีดอกเลาของเขา


“ความจริงผมเป็นแค่ชายแก่ธรรมดาๆ ที่สวมกางเกงเหมือนใครอื่นเขาแต่ผมอาจจะโชคดีหน่อยตรงที่กางเกงของผมเลือกใส่ดูมีสไตล์กว่าของคนอื่น” เขาเคยบอกกับสื่อ


นิคเคลสันวูสเตอร์ (Nickelson Wooster) หรือชื่อเรียกสั้นๆ ว่า ‘นิค’ เป็นชาวอเมริกัน เกิดเมื่อปี 1960 ที่เมืองซาลินารัฐแคนซัส ในครอบครัวชนชั้นกลาง ที่พ่อแม่พร่ำสอนเสมอว่าถ้าเขาปรารถนาจะได้อะไรก็ให้ทำงานหาเงิน แล้วซื้อสิ่งของที่ต้องการด้วยตนเองนิคลุ่มหลงในแฟชั่นมาตั้งแต่วัยเยาว์ ตอนอายุ 16 เขาเริ่มทำงานในร้านขายเสื้อผ้ากระทั่งได้เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแคนซัสในปี 1978 เขาเลือกเรียนด้านสื่อสารมวลชนและการโฆษณา


ภายหลังเรียนจบในปี 1982 วูสเตอร์ก็โยกย้ายไปนครนิวยอร์กเข้าทำงานในบริษัทโฆษณา ต่อมาเขาเปลี่ยนงานไปเป็นพนักงานขายโฆษณาที่นิวยอร์กแมกกาซีน แต่ก็ถูกไล่ออกเพราะบริษัทพบว่าเขาติดยา

“ตอนที่ผมย้ายมานิวยอร์กมันเป็นเพียงแค่ความคิดอยากเอาตัวรอดเท่านั้นเอง ผมเป็นเกย์ ที่โตมาในยุค 70 ซึ่งมันไม่ง่ายสักเท่าไหร่นิวยอร์กเป็นเมืองที่หยิบยื่นโอกาสให้ผมใช้ชีวิตอยู่ได้แบบไม่ต้องรู้สึกกดดัน”


วูสเตอร์ค้นพบงานใหม่เป็นพนักงานฝ่ายจัดซื้อของห้างดัง เริ่มจาก Barneys สาขานิวยอร์ก ต่อมาย้ายไปอยู่สาขาของ Bergdorf Goodman ในวัย 35 เขาสามารถเลิกยาได้สำเร็จก่อนพลิกเปลี่ยนชีวิตไปทำงานด้านการค้าปลีกกับแบรนด์ Calvin Klein จากนั้นไป Polo Ralph Lauren และก้าวขึ้นเป็นประธานบริษัทของแบรนด์ John Bartlett ห้าปีหลังจากนั้นเขาก็ออกมาก่อตั้ง Wooster Consultancy บริษัทเอเจนซีของตนเอง ในวัย 40


“พ่อของผมกับภรรยาของเขายังไม่เข้าใจเลยว่างานที่บริษัทของผมทำอะไรบ้างผมต้องอธิบายให้พวกเขาฟังว่าหน้าที่หลักๆ ของผมมีอยู่สามอย่าง คือผมออกแบบผลิตภัณฑ์โดยทำงานร่วมกันกับแบรนด์ผมให้คำปรึกษาแก่บริษัทต่างๆ ในส่วนของไลฟ์สไตล์และผมนำเสนอมันด้วยตัวเองในฐานะแอมบาสเดอร์”


แต่แล้ววูสเตอร์ก็ประสบปัญหาด้านการเงินเสียก่อนจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอดอีกครั้ง เขาโยกย้ายจากนิวยอร์กไปไมอามีทำงานกับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ก่อนโยกย้ายอีกครั้งไปลอส แองเจลิส ล้มเหลวอยู่สอง-สามครั้งกระทั่งในปี 2005 เขาก็ได้ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการค้าของแบรนด์ Rozae Nichols สองปีต่อมาเขาย้ายไปเป็นผู้อำนวยการฝ่ายครีเอทีฟเซอร์วิสของแบรนด์ Splendid/Ella Moss


ปี 2010 วูสเตอร์ได้รับข้อเสนอให้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายแฟชั่นสุภาพบุรุษของห้าง Neiman Marcus แต่เขาทำงานที่นั่นได้เพียงปีครึ่งก็ต้องถูกปลดออกเหตุเพราะบทสัมภาษณ์ที่ตรงเกินไปของเขากับนิตยสาร GQ ตำแหน่งงานประจำสุดท้ายของเขาคือรองประธานอาวุโสของ JCPenney ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มีอยู่ถึง 840 สาขาใน 49 รัฐของอเมริกา


ช่วงปี 2015 นิค วูสเตอร์มีชื่อเสียงโดดเด่นในโลกออนไลน์ เป็นเน็ตไอดอลเมื่อตอนอายุเลข 5 เขาชอบเล่น Tumblr ซึ่งเป็นบริการไมโครบลอกกิง รวมทั้ง The Fancy และ Pinterest เขาเรียนรู้ที่จะเข้าใจถึง “การปรับเปลี่ยนมุมมองของสิ่งที่ตาเห็น” นอกจากนั้นเขายังค้นพบฟีดในทวิตเตอร์รวมทั้งข้อความใน Tumblr ของเขาว่าบรรดาผู้ชายทั้งหลายไม่เพียงแต่สนใจในเรื่องสไตล์เท่านั้น หากยังต้องการรู้จริงๆ ว่าพวกเขาจะหาซื้อมันได้อย่างไร และในราคาที่ดีด้วย


การเรียนรู้ความเป็นไปในโลกโซเชียลยังทำให้เขาเข้าใจในงานที่เขาทำมากขึ้นด้วยมันทำให้เขารู้ว่าทุกคนในโลกออนไลน์ชอบการซื้อขายทุกคนปรารถนาจะรู้สึกว่าตนเองสามารถซื้อของได้ในราคาที่คุ้มค่าที่สุด “มองย้อนมาที่ตัวผมเองถ้าผมสามารถเสนอมุมมองที่อัปเกรดให้กับลูกค้าในราคาที่พวกเขาพอใจได้ผมคิดว่าเราก็จะวินกันทั้งสองฝ่าย”

วูสเตอร์กลายมาเป็นที่รู้จักของชาวเน็ตจากภาพลักษณ์ที่มีสไตล์ของเขาเสื้อแจ็กเก็ตสั่งตัด หนวดเครา และแขนที่มีรอยสัพร้อมบรรยายภาพตนเองเป็น ‘เด็กจากแคนซัส’


เขาพูดถึงรอยสักที่มักมีคนถามถึงบ่อยครั้งว่า “ผมสักก็เพราะผมชอบมันเท่านั้น ไม่ได้มีความหมายอะไรพิเศษและไม่เกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่น ตรงกันข้าม ผมชอบเวลาที่ผมสวมแจ็กเก็ต สวมกางเกงแล้วแอบคิดเอาเองว่าไม่มีใครรู้หรอกว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในร่มผ้า”

ปัจจุบันในวัย 60 วูสเตอร์ยังคงดูแลร่างกายอย่างดี ตื่นนอนปกติตอนตีห้า ไดเอตเรื่องอาหารการกินเขาชอบเมนูอาหารที่ปรุด้วยน้ำมันมะกอก และออกกำลังกายสม่ำเสมอด้วยการขี่จักรยานเล่นคาร์ดิโอ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เขาโปรด


“ฟังดูตลกนะ ตอนที่ผมอายุยี่สิบแปด ผมรู้สึกคล้ายกับว่าผมรู้ไปเสียทุกเรื่องแต่พออายุย่างเข้าเลขห้า ผมบอกได้เลยว่า ผมแทบไม่รู้อะไรเลย” เขาเคยกล่าวเมื่อวัย 52 ครั้งที่ให้สัมภาษณ์สื่อ

นิค วูสเตอร์ไม่เคยสมรส และไม่มีบุตร


เรื่อง : บุญโชค พานิชศิลป์

]]>
Lockdown Story เกย์ โรคระบาด และอาการตกหลุมรัก https://marshomme.com/lifestyle/529764/ Thu, 30 Apr 2020 16:43:00 +0000
โดยเบญจกาย


จั่วหัวแบบนี้ เบญจกายไม่ได้จะแต่งนิยายวายให้อ่านนะคะ แต่หลังจากที่เงียบหายไปยาวนาน เพราะไม่มีเก้งกวางท่านใดเจียดคิวมาให้สัมภาษณ์ ถือโอกาสใช้เวลาว่างช่วงกักตัว หลังจากดูน้องพรฮับจนเมื่อยมือ เสิร์จหาข้อมูลอื่นๆ ดูบ้างว่า ชาว LGBT บ้านอื่นเมืองอื่น ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มากน้อยแค่ไหน แม้จะไม่ได้มีข้อมูลที่ชัดเจนนัก แต่เรื่องราวต่างๆที่อิรุงตุนังกับเกย์ ก็มีเรื่องให้เบ้ปาก และมีเรื่องราวน่ารักๆ ที่น่าหยิบมาทำซีรีส์มากๆ ค่ะ


เอาเรื่องที่ชวนให้เบ้ปาก มองบนกันก่อนนะคะ แม้โลกจะเจริญก้าวหน้ามาถึงยุคดิจิทัลแล้วก็เถอะ แต่ก็มิวายมีวิวาทะบ้าๆ บอๆ ระหว่างพวกเกย์สุดโต่งกับพวกคริสเตียนหัวรุนแรง


เรื่องของเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เมื่อ ‘ริชาร์ดเวเบอร์’ ทนายความและเกย์นักเคลื่อนไหวทางสังคม ชาวนิวยอร์ก วัย 57 ปี ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคโควิด-19 การเสียชีวิตจะด้วยโรคระบาดแบบนี้หรือด้วยสาเหตุใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเกย์หรือมนุษย์ทั่วไปก็ควรเป็นเรื่องที่ต้องแสดงความเสียใจใช่มั้ยคะ

แต่นายริค ไวล์ส เจ้าของเว็บไซต์ TruNews กลับแสดงอาการดีใจอย่างออกนอกหน้า โดยกล่าวถึงการเสียชีวิตของริชาร์ดเวเบอร์ ว่าเป็นคำตัดสินของพระเจ้า!!!

“เขาเป็นทนายอาวุโสของ LGBT เนติบัณฑิตยสภาแห่งนิวยอร์ก นักกฎหมายที่เคยฟ้องร้องโบสถ์, ทนายความที่เคยฟ้องกระทรวง ทั้งยังเป็นตัวตั้งตัวตีให้มีการบูรณาการการใช้ห้องน้ำ เพื่ออนุญาตให้ ‘ผู้ชาย’ ใช้ห้องน้ำร่วมกับเด็กๆ แต่วันนี้ทนายความอาวุโสของพวกเขาได้ชีวิตที่นครนิวยอร์กด้วยเชื้อไวรัสโคโรนา นี่คือคำตัดสินของพระเจ้า ผมเพียงต้องการจะบอกพวกคุณว่า อย่ายืนอยู่ตรงข้ามกับพระองค์” ไวล์สกล่าว

ค่ะ พลันที่ประโยคนี้โดนเผยแพร่ออกไป ปฏิกิริยาจากฝ่ายตรงข้ามก็ตามมาทันที เพราะข้อเท็จจริงที่ปรากฏก็คือไวรัสโคโรนาไม่เคยเลือกเพศ ชนชั้น เชื้อชาติ ฐานะ เลยแม้แต่น้อย มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้สามารถตายได้ด้วยโรคโควิด-19 กันทั้งนั้น และข้อเท็จจริงที่มีทั่วไปก็คือคนเคร่งศาสนาก็เสียชีวิตจำนวนไม่น้อยเช่นกัน จนกลายเป็นที่มาของประโยค

“หากเอชไอวีเป็นการลงโทษเกย์ของพระเจ้าแล้ว เชื้อไวรัสโคโรนาคือการลงโทษคริสเตียนอนุรักษนิยมจากพระเจ้าเช่นกัน”

อันนี้คือวิวาทะที่พวกเกย์สุดโต่งกับพวกคริสเตียนหัวรุนแรงในยุโรปกับอเมริกา เขาวีนใส่กันนะคะ ไทยแลนด์ไม่เกี่ยว

ทุกครั้งที่มันเกิดการระบาดของโรคระบาดพวกนี้ทีไร เราจะได้ยินวิวาทะพวกนี้เสมอ ตอนที่เอชไอวีระบาดหนักในยุค 90 ก็เช่นกัน ซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นศูนย์กลางของ LBGT ทางฝั่งตะวันตกของอเมริกาก็ได้รับข้อกล่าวหานี้ไปเต็มๆ แต่ให้บังเอิญที่การระบาดของไวรัสโคโรนาครั้งนี้ มันดันไปจู่โจมที่ศูนย์กลางของศาสนาใหญ่ๆ ได้แก่ กรุงโรม ศูนย์กลางของคาทอลิก, เอเธนส์ ศูนย์กลางของกรีกออร์โธดอกซ์, มอสโก ศูนย์กลางของออร์ทอดอกซ์ รัสเซีย ลอนดอน ศูนย์กลางของพวกแองลิกัน, เยรูซาเล็ม ศูนย์กลางแห่งศรัทธาของชาวยิวและซอลท์เลคซิตี้ซึ่งศูนย์กลางของพวกมอร์มอน

ฝั่งเกย์เสรีนิยมที่ซานฟรานซิสโก ก็ออกมาตอกกลับในเรื่องนี้ทันที โดยเปรียบเทียบว่า ความพิโรธของพระเจ้าในการส่งไวรัสโคโรนามาปราบมนุษย์โลกดูบ้างว่าเป็นอย่างไร ในซานฟรานซิสโกมีผู้ป่วยไม่ถึง 1,000 รายและมีผู้เสียชีวิต 12 ราย ในขณะที่เมืองสำคัญๆทุกแห่งของศูนย์กลางของศาสนาหลักๆ ของโลก ศาสนาที่ ณ จุดหนึ่งเคยเลือกปฏิบัติต่อชุมชน LGBT กลับมีอัตราการติดเชื้อไวรัสและเสียชีวิตมากกว่าซานฟรานซิสโก ซานฟรานซิสโกเป็นเมืองที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

ฉะนั้น คำพูดของริค ไวล์ส จึงดูจะไม่ถูกต้องเท่าใดนัก นี่คือสิ่งที่เกย์เสรีนิยมสุดโต่งฝั่งซานฟรานซิสโกสรุปมา ความจริงที่ควรจะเป็นในเวลานี้ก็คือเราทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หยุดสร้างความเกลียดชังด้วยสร้างวาทกรรมต่างๆ นานา และหยุดโทษคนอื่นโดยไม่สำเหนียกมองตัวเองเลยสักนิด

ชอบบทสรุปนี้จัง เพราะในขณะที่คนในยุโรปและอเมริกายังเหยียดเพศกันอยู่ บ้านเรากลับเอาโรคระบาดมาสร้างประเด็นทางการเมืองได้ไม่หยุดหย่อน แต่จะมีคนไทยชังชาติสำนึกมั้ยคะ…

ฟังเรื่องเหวี่ยงวีนแล้ว กลับมาที่เรื่องน่ารักๆ บ้างนะคะ ในทุกวิกฤตที่เกิดขึ้นบนโลกมักจะตามมาด้วยเลิฟสะตอรี่เสมอ แล้วหลายเรื่องจะถูกแต่งขึ้นภายหลัง แต่เรื่องนี้เรื่องจริงๆ ค่ะ และบอกได้เลยใครที่กำลังหาพล็อตทำซีรีส์ เรื่องนี้ปังสุด


แล้วความรักท่ามกลางโรคระบาดใหญ่เป็นอย่างไร เรื่องนี้เกิดขึ้นในลอนดอน เมื่อนายแอรอน ฮุสเซย์ โพสต์ในทวิตเตอร์ส่วนตัว ถึงเรื่องความรักของเขาช่วงกักตัว ที่บังเอิ๊ญบังเอิญมากค่ะแม่ เรื่องมีอยู่ว่า นายแอรอน ฮุสเซย์ และนายรี้ดแบดแมน เกย์ชาวอังกฤษ ที่อาศัยอยู่ในลอนดอนทั้งคู่ ได้ออกเดตกันมาไม่กี่วัน ก่อนที่คนส่วนใหญ่ของโลกจะต้องเข้าสู่โหมดล็อกดาวน์เพื่อสุขภาพและความปลอดภัยของชุมชน

จะเรียกว่า เจอกันไม่กี่ครั้งก็ว่าได้ (ส่วนจะได้เสียกันมาก่อนหรือไม่ อันนี้เบญไม่ทราบนะคะ อาจจะแค่ภายนอกก็ได้ใครจะรู้ อิอิ) ภาษาไทยเรียกว่าเป็นคู่กิ๊กนั่นเอง แต่จู่ๆ วันหนึ่ง รูมเมตของรี้ด ก็กลายเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อ เพราะดันไปอิรุงตุงนังกับคนที่ติดเชื้อไปก่อนหน้านี้ รี้ดแม้จะยังไม่ติดเชื้อ แต่สถานการณ์ก็ถูกบังคับให้เขาต้องขอความช่วยเหลือจากใครสักคนหนึ่ง เพื่อหาที่พักชั่วคราว และก็ได้บ้านของแอรอนนี่แหละที่เป็นที่พักใจค่ะ

เรื่องมันน่าจะจบง่ายๆ เนอะ แค่มาอาศัยไม่กี่วันเดี๋ยวก็กลับห้องตัวเอง แต่ดันมาเจอประกาศของท่านนายกผู้แสนจะน่าเบื่อของชาวอังกฤษหลายๆ คน นายบอริ่ง จอห์นสัน อุ๊บส์ ผิดค่ะ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ดันประกาศล็อกดาวน์ลอนดอนทันที ทำให้ทั้งคู่ออกจากห้องไม่ได้ (หุยยย ป้าไม่อยากจะคิดเลยค่ะว่าอะไรจะเกิดขึ้น)


“เขามาขออยู่ 2-3 วัน เพื่อปกป้องตัวเองและดูว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับรูมเมตของเขา” แอรอนกล่าว หลังจากนั้นในวันถัดมา “นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ก็ประกาศล็อกดาวน์เด็ดขาด เราออกไปไหนไม่ได้ทั้งวันและมันก็สมเหตุสมผลสำหรับเขาที่จะอยู่ต่อไปจนกว่านายบอริสจะยกเลิกคำสั่ง”

“เมื่อคุณถูกขังอยู่ในบ้านกับใครสักคนตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน มันจะช่วยเร่งให้คุณทำความรู้จักกันเร็วขึ้น ในขั้นตอนนี้ โชคดีที่เราไม่ได้มีพฤติกรรมที่รบกวนซึ่งกันและกันมากจนเกินไป” แอรอนกล่าว

นั่นล่ะค่ะ เมื่อไม่มีอะไรจะทำนอกจากต้องอยู่ด้วยกัน 24 ชม. ก็ทำให้รู้จักกันและกันอย่างรวดเร็ว และในที่สุดทั้งสองก็กลายเป็นแฟนกัน


“แม้มันจะเป็นเรื่องแปลกๆ แต่ฉันมีความสุขมาก ที่นี่เราเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเรา เพราะเราสามารถเข้าใจกันและกันอย่างแท้จริง โดยไม่มีคนนอกมารบกวน” รี้ดกล่าว

เรื่องราวล็อกดาวน์สะดุดรักก็จบลงแต่เพียงแค่นี้ก่อน ส่วนในอนาคตจะเป็นอย่างไร โปรดไปแต่งเรื่องเอาเองตามอัธยาศัย หรือไม่ก็รอให้ปลดล็อกดาวน์ในลอนดอนเมื่อไหร่จะติดต่อขอสัมภาษณ์พวกนาง

เรียบเรียงข้อมูลจาก
https://www.pride.com/lovesex/2020/4/15/these-two-men-had-go-lockdown-together-now-theyre-boyfriends
https://www.lgbtqnation.com/2020/04/hiv-gods-punishment-gays-coronavirus-gods-punishment-christians/?fbclid=IwAR0CQaBi9_YwY2VulWN9VOZ-KvcQTN9N12zfL0OnmSciZcaCiTVA9WTFGjk#.Xpfbus5uJmQ.facebook

]]>
Tiago Ramos หนุ่มบราซิล วัย 22 แฟนใหม่แม่เนย์มาร์ https://marshomme.com/aboy/529692/ Thu, 16 Apr 2020 15:59:00 +0000

จะมีอะไรแซ่บไปกว่านี้ ทันทีที่คุณแม่ของเนย์มาร์ นาดีน กอลซัลเวส ในวัย 53 โพสภาพแสนหวานร่วมเฟรมกับแฟนใหม่ที่มีอายุเพียง 22 ปี Tiago Ramos (ติอาโก้ รามอส) ความแซ่บที่สองคือแฟนใหม่ของแม่ยังเป็นถึงนายแบบ เด็ดกว่านั้นติอาโก้ รามอส ยังเป็นนักแคสเกม FREE FIRE

“อธิบายไม่ได้ ไม่สามารถอธิบายได้ ถ้าคุณยังอยู่…..”

แคปชั่นประกอบภาพของนาดีน กอลซัลเวส โพสต์รูปคู่กับแฟนหนุ่มคนใหม่ แน่นอนว่าลูกชายสุดที่รักของเขา เนย์มาร์ เข้ามาคอมเมนท์ภาพว่า “อธิบายไม่ได้……” ลูกชายไฟเขียวไปอีก

แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องความร้าวฉานในครอบครัวของเนย์มาร์ เพราะพ่อกับแม่เขาได้แยกทางกันตั้งแต่ปี 2016 รักครั้งใหม่ของคุณแม่ก็จะต้องแซ่บร้อนแรงให้สมกับคบหนุ่มบราซิล กราบหุ่น กราบความหล่อ

Credit : IG tiagoramoss

]]>
#shirtchallenge วัดความฟิต ท้าทายกำลัง https://marshomme.com/scoop/529684/ Wed, 15 Apr 2020 17:19:00 +0000

เมื่อหนุ่ม ๆ โดนท้าทายผ่าน IG ให้ใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายด้วยการถอดเสื้อในท่าหกสูงติดกับกำแพง เท่านั้นยังไม่หนำใจ ใส่เสื้อเสร็จแล้วก็ต้องถอดกลับคืนในท่าเดิม บอกได้เลยว่าถ้าไม่แข็งแรงจริงทำไม่ได้และไม่แนะนำให้ทำตามเพราะอาจเกิดอันตรายได้

มากไปกว่า #challenge คือการชี้เป้าหนุ่มหล่อ บอดี้ดีมาโชว์ทักษะความแข็งแรงของช่วงแขน แผ่นหลัง ไล่ไปถึงปลายเท้า รวมมิตร #shirtchallenge ที่เรารวบรวมมาให้แล้วว่าเด็ด

]]>
อย่าเพิ่งเกลียด ‘ชางกึนวอน’ ใน ‘Itaewon Class’ https://marshomme.com/scoop/463306/ Tue, 17 Mar 2020 17:55:00 +0000
ใครที่ติดหนึบกับซีรีส์ Itaewon Class จะต้องรู้สึกเกลียด ‘ชางกึนวอน’ รับบทโดย ‘อันโบฮยอน’ นักแสดงหนุ่มที่ฝากฝีมือไว้ในหลายเรื่อง Mars Homme พาไปทำความรู้จักกับเส้นทางกว่าจะมาเป็นนักแสดงมากความสามารถของอันโบฮยอนที่รับรองว่าจากที่เกลียดบทบาทในการเป็นชางกึนวอน จะต้องหลงรักอันโบฮยอนคนนี้แน่ๆ


안보현


อันโบฮยอนหนุ่มน้อยจากเมืองปูซาน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแดคยอง สาขา Modeling สมัยมัธยมเคยเป็นนักมวยของโรงเรียนตั้งแต่อยู่ม.1 จนถึง ม.6 ฝีมือในการเป็นนักมวยโรงเรียนก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา อันโบฮยอนกวาดรางวัลมาเพียบในการแข่งขันระดับชาติในฐานะนักมวยมือสมัครเล่น


หุ่นพิฆาต

ร่ำลือกันมาตั้งแต่ช่วงที่อันโบฮยอนเป็นนายแบบ ว่ากันว่าหุ่นลีนๆของเขาใครเห็นเป็นต้องสะดุด และมาพร้อมกับความสูง 187 เซนติเมตร ที่ทำให้เขาดูโดดเด่นอย่างมากหากเทียบกับนายแบบในรุ่นราวคราวเดียวกัน


การแสดงในนาม ‘อันโบฮยอน’

อันโบฮยอนเป็นนักแสดงเต็มตัวตั้งแต่ปี 2014 ปัจจุบันเป็นนักแสดงของค่าย FN Entertainment ต้นสังกัดเดียวกับอีดาแฮ และอิมซูฮยัง และสนิทสนมกับคิมอูบิน ตั้งแต่สมัยที่ทำงานเป็นนายแบบจนถึงปัจจุบัน เขาเคยให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Radio Star เมื่อปี 2018 ว่าคิมอูบินเป็นคนสำคัญที่ช่วยเหลือเขาบนเส้นทางสายนักแสดง

“ผมจบจากโรงเรียนนายแบบเหมือนกันกับเขา เรามีอายุห่างกัน 1 ปี และก่อนที่เราได้พบกันในฐานะนักแสดง ผมเคยขอยืมชุดเขาใช้ในงานเลี้ยงของโรงเรียนและเราก็สนิทกันด้วยครับ” ไม่เพียงแค่นั้น อันโบฮยอนยังบอกอีกว่า คิมอูบินเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่มาเยี่ยมเขาในระหว่างที่เขาเข้ากรมรับใช้ชาติ

ปี 2014
เริ่มเดบิวต์ผลงานการแสดงชิ้นแรกในปี 2014 ในซีรีส์ Golden Cross (KBS,2014) ซีรีส์ Two Mothers (KBS,2014) My Secret Hotel (tvN,2014)

ปี 2015
ซีรีส์ The Dearest Lady (MBC,2015)

ปี 2016
เป็นที่รู้จักมากขึ้นในบทอิมควังนัม หรือฉายาพิคโกโร่ นายทหารในทีมอัลฟ่าของกัปตันยูชีจิน (รับบทโดยซงจุงกิ) ในซีรีส์ Descendants of the Sun (KBS,2016) อันโบฮยอนยังแจ้งเกิดในวงการภาพยนตร์ ผ่านผลงาน Hiya (2016) ที่แสดงร่วมกับอีโฮวอน (โฮย่า)


ปี 2017
ในซีรีส์ย้อนยุค Rebel: Thief Who Stole the People (MBC,2017)
บทมูคยอง ในซีรีส์ My Only Love Song (Netflix,2017)

ปี 2018
บทพโยแทจิน ในหนังสั้น Dokgo Rewind (2018) แสดงร่วมกับเซฮุน EXO คังมินา และบทแบคโดฮุน ในซีรีส์ Hide and Seek (MBC,2018)


ปี 2019
ในปีนี้เส้นทางการแสดงของอันโบฮยอนเฉิดฉายถึงขีดสุด และแน่นอนว่าใครๆ ก็พูดถึงฝีมือการแสดงของเขา แถมยังพ่วงด้วยแฟนคลับที่ติดตามเขาเป็นจำนวนมาก

บทบาทนัมอึนกี เพื่อนของซองด็อกมี (รับบทโดยพัคมินยอง) ในซีรีส์ Her Private Life (tvN,2019)
ผลงานภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ในภาพยนตร์ร่วมทุนเกาหลี-ญี่ปุ่น Memories of a Dead End (2019) ที่ซูยอง SNSD – ชุนสุกะ ทานากะ รับบทนำ


ปี 2020
ชื่อของเขาเป็นที่สนใจอีกครั้ง ในบทของ ‘ชางกึนวอน’ ในซีรีส์ Itaewon Class (JTBC,2020)

ข้อมูลเรียบเรียงจาก : https://www.korseries.com/
ภาพ : igbohyunahn / https://twitter.com/BohyunThaifans

]]>
Please, please Mister Gay World ‘ภัทรพล ใจเย็น’ https://marshomme.com/lifestyle/408552/ Thu, 27 Feb 2020 16:49:00 +0000

หลังการเลือกตั้งครั้งใหญ่เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว เราได้เห็น ‘ภาพเสมือนจะก้าวหน้า’ ค่ะ! เพราะมีผู้แทนราษฎรที่เป็นตัวแทนของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศเข้าไปทำหน้าที่หลายท่าน โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่เคลมตัวเองว่า ‘หัวก้าวหน้าสุดๆ’ ล้ำไปไกลถึงอนาคตใหม่เบื้องหน้า

แต่ขอโทษนะคะ บรรดาผู้ทรงเกียรติเหล่านั้น ทำหน้าที่ได้ไม่ถึงปี อิชั้นก็ได้เห็นธาตุแท้อันสะท้อนทั้งความ ‘กระแดะแอนด์กลวง’ ของพวกเขาเหล่านั้น เพราะนอกจากความพยายามเสียเหลือเกินที่จะแต่งตัวสวยไปวันๆ (ที่หลายท่านมองว่า ‘ไม่รู้จักกาลเทศะ’ ซะมากกว่า) และโชว์ศักยภาพแบบจัดง่าว จนกลายเป็นประเด็น ‘ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์’ ที่ทำให้ภาพลักษณ์กลุ่มคนหลากหลายทางเพศ ดำดิ่ง ติดลบเสียยิ่งกว่าหุ้นที่โดนพิษไวรัสโคโรนา

กาลก็เลยมาถึงจุดที่กลุ่มคนหลากหลายทางเพศต้องมานั่งขบคิดกันว่า การมีผู้แทนราษฎรจากกลุ่มคนหลากหลายทางเพศนั้นจะช่วยผลักดันสิทธิ์และกฎหมายต่างๆ ที่กลุ่มคนหลากหลายทางเพศพึงสมควรจะได้รับ หรือเข้าไปทำลายภาพลักษณ์ ชื่อเสียง ให้ดูแย่ไปมากกว่าเดิม

เอาล่ะ ไม่ต้องไปฝากความหวังใดกับผู้แทนราษฎรกลุ่มคนหลากหลายทางเพศหรอกค่ะ นั่นมัน mission impossible เอาเป็นว่า กลุ่มคนหลากหลายทางเพศ ช่วยตัวเองเถอะนะคะ ในวันนี้เราได้ผู้ชนะเลิศการประกวด Mr. Gay world Thailand 2020 แล้ว และผู้ที่ได้รับมงนี้ นอกจากจะต้องเป็นตัวแทนกลุ่มคนหลากหลายทางเพศของประเทศไทยไปประกวดที่แอฟริกาใต้แล้ว ยังจะต้องเป็นหัวหอกในการผลักดันประเด็นต่างๆ ทางสังคมในเรื่องต่างๆ ด้วย โดยเจ้าของรางวัล Mr. Gay world Thailand 2020 ล่าสุดได้แก่ ‘โก้-ภัทรพล ใจเย็น’ ที่มีประวัติน่าสนใจมากทีเดียวค่ะ


โก้เข้ามาสมัครประกวด Mr. Gay world ได้อย่างไร ได้ข่าวสารมาจากไหน หรือว่ามีอะไรที่ทำให้สนใจเข้าประกวดครั้งนี้

เริ่มต้นเลย ผมเห็นเขาประกาศรับสมัครครับ แล้วโก้เคยดูในส่วนของการประกวดไลฟ์สดของปีที่แล้ว โก้มองว่าเวทีนี้เป็นเวทีที่สามารถสร้างประโยชน์ให้ LGBT แล้วก็สังคมได้ครับ เลยเริ่มฟิตหุ่น พัฒนาความรู้ แล้วก็เข้ามาสมัครประกวดที่นี่ เพราะอย่างน้อย โก้อาจจะเป็นกระบอกเสียงให้ LGBT แล้วก็เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับการประกวดในครั้งนี้ได้ครับ

คาดหวังอะไรบ้างตั้งแต่เข้ามาประกวดจนถึงวันที่ประกาศรางวัลชนะเลิศ

ไม่คาดหวังครับ เพราะว่าในวันที่ประกวด ตอนแรกเวทีนี้เขาเน้นจิตสาธารณะ ช่วยเหลือสังคมแล้วก็เป็นแบบอย่างที่ดี การประกวดในแต่ละช่วงก็จะมีแคมเปญแต่ละแคมเปญ ซึ่งผู้เข้าประกวดทุกคนเขามีความสามารถและมีความแตกต่างเฉพาะไปเลย เลยคิดว่าใครก็ได้ครับใน 30-31คนนี้ ซึ่งเรามองแล้วเราคิดว่าเราทำให้เต็มที่ครับ


ในการประกวดทุกปีจะต้องมีการเสนอแคมเปญที่ผู้เข้าประกวดอยากจะทำ เรานำเสนอเรื่องอะไร มีความน่าสนใจอย่างไร?

แคมเปญของโก้ชื่อ Love and Learn (in Yourself) คือบังคับเข้าใจตัวของเรา แล้วก็สามารถคิดบวกแบบ Positive Thinking ซึ่งโครงการของโก้จะเป็นโครงการที่อยากให้เน้นความเข้าใจในสังคม เริ่มจากตัวเราก่อน คือถ้าเกิดเราเข้าใจคนอื่นแต่เราไม่เข้าใจตัวเราเอง ไม่มีการยอมรับตัวเอง เราก็จะไม่สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เหมือนอย่างข่าวล่าสุดที่เด็ก ม.1 เขาไล่ยิงเพื่อนร่วมห้อง โก้ว่าตรงนี้มันต้องเริ่มจากความเข้าใจในตัวเขาก่อน และความเข้าใจในสิ่งรอบข้าง ซึ่งเมื่อรู้จักตัวเรา และครอบครัวเข้าใจ โก้เชื่อว่ามันจะเป็นพื้นฐานที่ทำให้เราสามารถเรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

วันนี้เราวางสเต็ปไว้หรือยังว่า แผน 1 2 3 ที่เราจะทำในอนาคตจะเริ่มอย่างไรบ้าง

อย่างแรกเลยคือ โก้จะเริ่มเป็นแบบอย่างที่ดีให้สังคมก่อน จากเมื่อก่อนโก้อาจจะมีการเที่ยวเตร่กินเหล้า เป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้มองว่าเราจะต้องทำอะไรเพื่อสังคมบ้าง แต่ ณ วันนี้ พอโก้มาอยู่ตรงนี้ โก้อยากจะเป็นแบบอย่างแล้วก็เป็นกระบอกเสียงให้ครับว่า เราสามารถทำอะไรได้หลายๆ อย่าง เหมือนกับเพศสภาพทั่วๆ ไป โดยที่เราเริ่มจากช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสก่อน ถ้าเป็นไปได้ โก้อยากจะเน้นในส่วนของ LGBT เป็นหลัก ซึ่งโครงการของโก้ต่อไป โก้มองว่าถ้าโก้มีโอกาสหรือว่ามีเม็ดเงินที่ support จริงๆ โก้ก็จะสามารถต่อยอดไปช่วยเหลือเด็กที่เขาด้อยการศึกษาให้เขามีโอกาสได้เรียนรู้และพัฒนาในการศึกษาต่อไปครับ


ถามเรื่องส่วนตัวนิดหนึ่ง โก้เปิดตัวมานานหรือยัง ความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นอย่างไร

แม่โก้เขารู้จากคนอื่น แม่บอกว่าแม่เลี้ยงได้แต่ตัว แต่หัวใจเลี้ยงไม่ได้ ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร ขอให้เป็นคนดีแค่นั้นเอง ซึ่งชีวิตสมัยก่อนโก้ปากกัดตีนถีบ ต้องสู้ชีวิต ต่อสู้หลายๆ อย่าง มันทำให้โก้คิดว่าถ้าเกิดโก้ได้ทำงานที่ดีๆ แล้ว โก้ได้มีโอกาสช่วยเหลือพ่อแม่แล้ว นั่นคือสิ่งแรกที่โก้ต้องทำ หลังจากนั้นโก้จะทำอะไรเพื่อสังคม แล้วก็เป็นแบบอย่างที่ดีให้ได้ เหมือนกับที่โก้เคยได้โอกาสจากคนรอบข้างจนโก้มีทุกวันนี้ครับ นั่นคือความตั้งใจ

จากพาร์ตครอบครัวที่พ่อแม่เข้าใจเรา เพื่อนในโรงเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัยเป็นอย่างไรบ้าง

สมัยที่โก้เรียนค่อนข้างจะโดนกดดัน โดนบูลลี่ โดนกลั่นแกล้งบ้างเช่นเอาชอล์คมาเขียนที่โต๊ะ ต่างๆ นานา แต่พอเรากลับถึงบ้านเราก็ลืมแล้ว เพราะโก้เป็นคนที่โกรธง่ายหายเร็ว แล้วโก้เชื่อว่าการที่เรามองบวกในชีวิตครับ แล้วเราเอาความเสียใจตรงนี้มาพัฒนาเป็นแรงกระตุ้นในการทำอะไรหลายๆ อย่างจะทำให้เราเห็นคุณค่า แล้วเราก็จะประสบความสำเร็จ และเราจะภูมิใจในตัวเราครับ

เข้ามหาวิทยาลัย เราเลือกเรียนสาขาอะไร
คณะบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งในส่วนของการเรียนบริหารมันจะเป็นอะไรที่ต่างคนต่างเรียนตาม Sector ของแต่ละคน จะมีกลุ่มเพื่อนหลากหลายมากขึ้น ทุกคนต่างทำงาน certificate ของแต่ละคน เพราะฉะนั้นจะไม่ค่อยมาสุงสิงเหมือนสมัยมัธยมครับ


ปัจจุบันทำงานอะไรในแง่ของความเป็น LGBT ควรจะต้องปรับตัวอย่างไรบ้างเพื่อรับมือกับเศรษฐกิจปี 2020

ปัจจุบันทำงานอยู่บริษัทเอกชนครับ ดูแลเรื่องการลงทุน เป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนครับ จะให้คำปรึกษาเรื่องการลงทุนต่างๆ ครับ จริงๆ ไม่จำเป็นต้องเป็น LGBT นะครับ เป็นใครก็ได้ครับในสังคม อาจจะต้องระวังการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นครับ อย่างตอนนี้รัฐบาลเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการใช้จ่าย อาจจะต้องมีการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังครับ จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ระยะยาวในการดำเนินชีวิตต่อไปด้วยนะครับ

มาถึงจุดที่เราเป็นตัวแทนของประเทศไทย ที่จะต้องออกไปประกวดในเวทีโลก เราเตรียมความพร้อมของเราแค่ไหน

เหลือเวลาประมาณ 4-5 เดือน ตอนนี้เริ่มไปเรียนภาษาเพิ่ม หาความรู้เพิ่มมากขึ้นว่า LGBT ตอนนี้ในประเทศไทยมีอะไรบ้าง ต่างประเทศมีอะไรบ้าง แล้วก็ฝึกบุคลิกภาพการเดิน เริ่มหาชุดประจำชาติ หาในส่วนของสปอนเซอร์เพื่อจะ support ในเวทีโลกต่อไปครับ


ในระดับนานาชาติ ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับว่าเป็นสวรรค์ของ LGBT ใครๆ ก็มาเที่ยว แต่เมื่อเร็วๆ นี้มีเว็บไซต์หนึ่งจัดอันดับให้ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหลายๆ ด้าน ถ้าสมมุติว่าเราโดนถามประเด็นนี้บนเวทีโลกจะอธิบายอย่างไร

ผมคิดว่านโยบายเหล่านี้ในเมืองไทย อยู่ในช่วงที่ยังไม่กำหนดเป็นกฎเกณฑ์นะครับ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำได้คือสร้างความเข้าใจตัวเรา แล้วก็สร้างความยอมรับให้เพิ่มมากขึ้น ต้องยอมรับครับว่าชายจริงหญิงแท้ เขาก็มีปัญหาหลายๆ อย่างเข้ามา สิ่งที่เราทำได้ก็คือเราทำอย่างไรก็ได้ให้เป็นแบบอย่าง และสร้างความเข้าใจระหว่าง LGBT ด้วยกันเอง นั่นคือเราต้องจับมือร่วมกัน แล้วพัฒนาหรือว่าทำนโยบายอะไรก็ได้ครับให้เห็นว่า เรามีคุณค่าและสามารถทำอะไรได้ในสังคม แล้วโก้เชื่อว่าถ้าเมื่อไหร่ที่เสียงเราแข็งขึ้น หรือว่ามีสิทธิเพิ่มมากขึ้น นโยบายต่างๆ จะได้รับการอนุมัติแล้วก็ตามมาครับ

อยากฝากอะไรไปถึงคนที่สนใจจะประกวด Mr. Gay world ปีหน้าบ้าง

อย่างแรกนะครับ เตรียมความพร้อม เพราะว่ามันเป็นการแข่งขันที่ต้องต่อสู้กับคนรอบข้างอย่างหนักเลยครับ เพราะฉะนั้นทำจิตใจให้แข็งแรง สองตั้งใจเลยครับ แล้วคิดเลยว่าเราจะทำอะไรเพื่อสังคม แล้วโก้เชื่อว่าการที่เราเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม แล้วก็มีความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่ว่าผลออกมาเป็นอย่างไร นั่นคือประสบการณ์ที่คุณจะหาซื้อที่ไหนไม่ได้ครับ

]]>
NEW COMER ‘ภูมิ-ภูริพันธ์ ทรัพย์แสงสวัสดิ์’ https://marshomme.com/aboy/319607/ Mon, 27 Jan 2020 16:22:00 +0000
แม้ละคร ‘สางนางพราย’ ทางช่อง 8 ออกอากาศมาได้ครึ่งทาง แต่นั่นก็ทำให้นักแสดงหน้าใหม่เอี่ยมอ่อง ‘ภูมิ-ภูริพันธ์ ทรัพย์แสงสวัสดิ์’ แจ้งเกิดได้สบายๆ โดยเฉพาะฉากโชว์หุ่นล่ำๆ ขาวๆ นั้นทำเอาสาวทุกประเภทกรี๊ดดด เสียงหลงไปตามๆ กัน ภูมิภูริพันธ์ เป็นศิลปินฝึกหัดของสังกัดช่อง 8 มา 4 ปีก่อน ตั้งแต่สมัยที่ได้รางวัลเดือนมหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อปี 58 ก่อนหน้านี้ ภูมิเคยชิมลางเล่นเอ็มวี ‘อยากรู้ใจจัง’ ของแพรว อาร์สยาม และ ‘เสียบกลางอก’ ของกล้วย อาร์สยาม ส่วนละคร ‘สางนางพราย’ เรื่องนี้ เป็นละครยาวเรื่องแรกในชีวิตหนุ่มคนนี้


‘สางนางพราย’ เป็นละครเรื่องแรกที่ภูมิเล่นหรือไม่

ถ้าละคร เป็นเรื่องแรกครับ จริงๆ เคยเล่นซีรีส์มาก่อนครับ แต่เป็นซีรีส์จบในตอน เล่นเป็นน้องชายนางเอกครับ ตัวบทบาทอาจจะไม่ได้มีมากเท่าไร ซีรีส์เกี่ยวกับผีครับ แล้วตัวเองไม่ได้เห็นผี แต่พี่สาวเราในซีรีส์จะมองเห็นวิญญาณได้ ก็เลยมีโอกาสไปแจมๆ บ้างไป แต่จำนวนซีนอาจจะไม่ได้เยอะมาก

ก่อนจะมาแสดงในสางนางพราย ภูมิเรียนการแสดงมานานหรือยัง

จริงๆ เคยเรียนการแสดงตอนเข้าสังกัด เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้วครับ ตอนนั้นยังไม่มีผลงานเลยครับ เพิ่งมามีผลงานเมื่อไม่นานมานี้ครับ

เคยเล่นมิวสิกวิดีโอมาก่อนหน้านี้ด้วย?

มิวสิกเคยเล่นครับ เคยเล่นเมื่อตอนเด็กๆ ประมาณตอนปี 1 เอ็มวีแรกเลยคือเอ็มวี ‘อยากรู้ใจจัง’ของแพรว อาร์สยาม เล่นเป็นเด็กนักเรียนนี่แหละครับ ไปถ่ายกันที่โคราช ถือว่าเป็นผลงานเอ็มวีแรกเลยที่ได้ทำงานในวงการบันเทิงครับ ก็สนุกมาก ตอนไปถ่ายกันได้เรียนรู้งานว่ามันต้องใช้เวลา ไม่ได้สบายอย่างที่คิด ส่วนเอ็มวีที่สองเป็นเพลง ‘เสียบกลางอก’ ของพี่กล้วย อาร์สยาม เอ็มวีนั้นจะคาแร็กเตอร์โตขึ้นมานิดหนึ่ง เป็นคนที่มีแฟนแต่ว่าเจ้าชู้ แอบไปมีคนใหม่


มาแคสต์ละครเรื่องนี้ได้อย่างไร เรื่องราวเป็นอย่างไร

จำได้ว่าตอนนั้นกำลังไปเที่ยวอยู่ แล้วน้าโป้ง (ปุรินทร์ ขำอ่อน) ไลน์มาบอกว่ามีละครติดต่อมา ให้ลองไปแคสต์ดู ตอนแรกคิดว่าไม่รู้จะได้หรือเปล่า เพราะว่าเราเพิ่งจะเล่นซีรีส์เสร็จ ยังไม่คิดว่าจะมีละครเข้ามาได้เร็วขนาดนี้ ก็ลองไปคุยดูครับ ไปถึงเจอทีมงานผู้จัดเลยครับ พี่เขายื่นบทให้ และให้ลองเล่นให้ดูเลย ตอนแรกเกร็งมากครับ เพราะว่าไม่เคยเล่นละครมาก่อน ต้องแสดงต่อหน้าผู้จัดเต็มไปหมด ไม่รู้ใครเป็นใคร นั่งกันเต็มไปหมดเลยครับ

พอรู้ว่าเราได้รับเลือกให้แสดงในกลุ่มบทนำรู้สึกอย่างไร

ตอนนั้นยังไม่คิดว่าตัวเองได้เล่นครับ คิดว่าแค่ไปแสดงให้ดูเฉยๆ แล้วก็เหมือนกับว่าพี่เขาขอลองเทสต์อีกครั้งหนึ่งตอนฟิตติ้งครับ พอถึงวันฟิตติ้งนี่กดดันอีกเหมือนกันครับ เกร็งอีก เพราะว่าไปเจอนักแสดงที่เขาเคยผ่านงานแสดงมาเยอะๆ พอเราต้องไปเจอเขาจริงๆ ก็ตื่นเต้น กดดัน แล้วให้แคสต์อีกรอบหนึ่ง ผู้กำกับ พี่เบิร์ด (ภูมิภัทร สังวาลย์วรกุล) บอกว่าโอเค พอได้ ก็เลยได้เล่นบทเป็น‘นพพันธ์’ ครับ นพพันธ์นี่คือเป็นรุ่นน้องคนสนิทของพระเอก ซึ่งก็คือพี่กอล์ฟ อนุวัฒน์ครับ ในบทเราจะต้องทำงานด้วยกัน เป็นหน่วยซีลครับคาแร็กเตอร์ที่กวนๆ หน่อย

ถ่ายทำเสร็จหรือยัง เห็นว่าต้องมีฉากดำน้ำด้วย

ตอนนี้ใกล้แล้วครับ อีกไม่กี่คิวก็หมดแล้ว ในละครมีฉากดำน้ำด้วย เรื่องนี้ถ่ายดำน้ำเยอะมาก ถ่ายทั้งบึง ทั้งแม่น้ำ แล้วก็ในสระกระโดดสูง คือเขาเซตไว้เพื่อใช้เป็นโรงเรียนสอนคนดำน้ำครับ สนุกมาก


ทำไมถึงไปเกี่ยวกับเรื่องในน้ำ

เป็นละครรีเมคครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับน้ำ เกี่ยวกับหัวเรือที่มีอาถรรพ์ เป็นเรื่องราวของความรักและความอาฆาต กับการข้ามภพเพื่อมาทวงคืนของสางนางพราย หรือเจ้าหญิงเมธาวดีแห่งอาณาจักรเมธานคร ผู้เป็นพี่สาวของเจ้าหญิงเมธาวลัย (จักจั่น อคัมย์สิริ) เจ้าหญิงเมธาวดีไปตกหลุมรักภาคิไนย องครักษ์ของเธอกับน้องสาว แต่ว่าภาคิไนยนั้นกลับไปมีใจให้เจ้าหญิงเมธาวลัย เมื่อเจ้าหญิงเมธาวดีรู้ตัวว่าเธอเข้าใจผิดคิดว่าภาคิไนยรักเธอ แต่กลับไปรักน้องสาวทำให้เธอหาทางจะกำจัดน้องสาวเพราะความอิจฉาริษยาแต่แผนที่จะกำจัดน้องสาวกลับทำให้เมธาวดีเสียชีวิต จึงทำให้เมธาวดีนั้นเป็นวิญญาณอาฆาตสิงสถิตอยู่ในหัวเรือโบราณ และรอทวงคืนชายคนรักและรอคอยการล้างแค้นทุกชาติ ที่เหลือต้องติดตามเองนะครับ

ที่เขาเลือกให้มาแสดงด้วยเพราะภูมิเคยเป็นนักว่ายน้ำมาก่อนด้วยใช่ไหม

พี่เขาก็รู้นะครับว่าเป็นนักว่ายน้ำ อาจจะแมตช์กับบทด้วยครับ


ภูมิเรียนจบสาขาอะไรมานะ

วิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดลครับ

เห็นว่าตอนแรกสนใจไปทำเทรนเนอร์อยู่พักหนึ่ง

ใช่ครับ จริงๆ ก็ยังรับเทรนอยู่นะครับ แต่ว่าอาจจะไม่ได้รับเพิ่มแล้ว คือตอนนั้นฝึกงานที่ฟิตเนสกลางเมืองแห่งหนึ่งครับ เพราะคิดว่าจะไม่มาทางด้านการแสดงอีกแล้ว คิดว่าจะเข้าคลับเป็นเทรนเนอร์อยู่ที่ฟิตเนสเลย แต่สุดท้ายพอมีโอกาสเข้ามาก็คิดว่าลองดีกว่าในเมื่อโอกาสเข้ามาแล้ว

ทำไมตอนนั้นถึงถอดใจจะไม่ทำงานวงการบันเทิงแล้ว

เพราะว่าตอนที่เข้ามาแรกๆ มันไม่มีงานเลย พอใกล้จะครบ 3-4 ปีที่เซ็นสัญญาแล้ว ก็ไม่รู้ว่าถ้าเรารออีก ไม่รู้ว่าจะรอถึงเมื่อไรครับ อีกอย่างเรามีค่าใช้จ่ายครับ เพราะว่าเราเรียนใกล้จบแล้ว จริงๆ ไม่ได้ขอเงินแม่มาตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยนะครับ คือไม่อยากรองานครับ อยากจะทำไปเลยสักอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน


อะไรคือจุดเปลี่ยน

จุดเปลี่ยนที่มาทำต่อคือคุยกับพี่ๆ ที่ฟิตเนสครับว่าจะทำอย่างไรดี เพราะตอนนั้นพอได้รับเลือกก็ต้องปรึกษากับหลายๆ คนครับ พี่ๆ หลายๆ คนทั้งพี่ๆ ที่ฟิตเนส ทั้งแม่ก้อง (ปรีดิยุช รัตนงาม)ทั้งน้าโป้ง ก็บอกว่าให้ลองดูก่อน โอกาสมันเข้ามาแล้ว จริงๆ กลัวว่าจะไม่ได้กลับไปทำงานเทรนเนอร์อีก ตอนนั้นติดที่ทำงานที่นั่นแล้ว เขารับเราเข้าทำงานแล้วด้วยครับ คือโอกาสมันมาทั้งคู่ครับ แต่อยากลองทางนี้ดูก่อน เพราะว่าเราไม่เคยทำ พี่ๆ ที่ฟิตเนสก็เชียร์ว่าไปเถอะ


ภูมิเคยได้ตำแหน่งเดือนคณะและเดือนมหาวิทยาลัยของมหิดลด้วย

ใช่ครับ คือคณะภูมิ การคัดเลือกดาวเดือนคณะจะใช้การโหวตครับ เป็นการโหวตดาวกับเดือนคณะที่ง่ายมาก ปกติคณะอื่นเขาจะมีการประกวดกันภายในก่อน แค่เดือนคณะนี่ก็ต้องประกวดก่อน มีผลโหวต มีคณะกรรมการจริงจัง แต่ที่คณะภูมิ ด้วยความที่เป็นวิทย์กีฬามั้งครับ เราไม่ได้เน้นเรื่องทางความหล่อความสวยความงามมากนัก เขาก็เลยเปิดโหวตกันในไลน์กลุ่ม มารู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นเดือนคณะไปแล้วครับ


วิทยาศาสตร์การกีฬาต้องเรียนอะไรบ้าง

วิทยาศาสตร์การกีฬา จริงๆ คือการเรียนวิทยาศาสตร์เพื่อมาประยุกต์ใช้ในทางการกีฬาครับ เรียนพวก Anatomy ต้องศึกษาร่างกายว่ากล้ามเนื้อส่วนนี้ใช้งานอย่างไร แล้วจะประยุกต์เข้ากับกีฬาอย่างไร ต้องใช้โภชนาการอะไรบ้าง เป็นการศึกษาเกี่ยวกับร่างกายและวิทยาศาสตร์มาประยุกต์กัน เพื่อให้เกิดศักยภาพสูงสุดทางการออกกำลังกายครับ

กลับมาเรื่องละครบ้าง คาดหวังกับสางนางพรายมากแค่ไหน

คาดหวังอยากให้คนดูเยอะๆ เพราะภูมิว่ามันสนุก แล้วก็เป็นเรื่องแรกของภูมิด้วยครับ แต่ทางด้านการแสดงของภูมิ ภูมิว่ายังต้องพัฒนาอีกครับ โดยเฉพาะเรื่อง acting ครับ เวลาภูมิดูจากมอนิเตอร์แล้ว ภูมิว่ามันต้องพัฒนาอีก เพราะว่ายังใหม่ด้วย


ไลฟ์สไตล์วันหยุดเป็นอย่างไร

ภูมิไม่ค่อยมีวันหยุดครับ ภูมิทำงานตั้งแต่ปี 2 ครับ สอนว่ายน้ำ ถ้ามีเวลาว่างภูมิก็ไปสอนน้องๆ เด็กๆ

อยากให้ภูมิแนะนำน้องๆ ที่อยากเรียนต่อทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาว่าควรจะต้องมีความรู้พื้นฐานหรือต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

ลองเข้าไปทางคณะวิทยาศาสตร์การกีฬาดูว่าพี่ๆ จะแนะนำว่ามีการเรียนการสอนแบบไหน ต้องทำอะไรบ้างในแต่ละชั้นปี แล้วดูว่าเราชอบหรือเปล่า ถ้าชอบให้มาเรียนเลยครับ อย่าไปด้วยความคิดแบบว่าดีไหม หรือว่าจบมาจะทำงานอะไร เพราะว่าถ้าเราชอบ มันจะมีความสุขกับการทำงานครับ


ติดตามความเคลื่อนไหว ‘ภูมิ-ภูริพันธ์ ทรัพย์แสงสวัสดิ์’ IG @poompps
ติดตามละคร ‘สางนางพราย’ ทางช่อง 8 ได้ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 18.40 น.

]]>