Warning: Cannot modify header information - headers already sent by (output started at /var/www/marshomme.com/wp-content/plugins/wp_mgr_id/wp_mgr_id.php:1) in /var/www/marshomme.com/wp-includes/feed-rss2.php on line 8
โซเชียล – Marshomme https://marshomme.com Fri, 15 Oct 2021 13:20:39 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.2.20 https://marshomme.com/wp-content/uploads/2019/10/logo2_icon-90x90.png โซเชียล – Marshomme https://marshomme.com 32 32 เส้นทางนักแสดงอาชีพของ “แบงค์ ธิติ” จากวันที่เป็นเพียงเด็กหนุ่มจากขอนแก่น https://marshomme.com/aboy/532082/ Thu, 16 Sep 2021 12:46:00 +0000           ถ้าให้นับนักแสดงชายที่ขายของเก่ง เราขอเสนอชื่อ แบงค์ – ธิติ มหาโยธารักษ์ ที่รู้จักใช้โซเชียลเรียกเสียงฮือฮาได้เป็นระยะ ล่าสุด หลังจากจบงานละคร “จิตสังหาร” ทางช่อง ONE31 ซึ่งหนุ่มแบงค์พลิกบทบาทการแสดงที่โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ด้วยฉากแอ็กชั่นบู๊ล้างผลาญ ที่ทำเอาสาว ๆ ติดอกติดใจกับความแข็งและความแกร่งของร่างกายหนุ่มคนนี้ จน ‘ฟินคาจอ’ ไปตาม ๆ กัน โดยช็อตที่ทำให้สาว ๆ เกิดอาการเปรี้ยวปาก คงต้องยกให้คลิปโกนหนวด ที่หนุ่มแบงค์เพิ่งปล่อยมาเมื่อสัปดาห์ก่อน ลุคโหด ๆ แบบนี้ ใครอยากได้เป็นสามีแห่งชาติบ้าง ?


          เปลี่ยนลุคแบบนี้บ้างก็ดี เพราะนับตั้งแต่ ฮอร์โมน เดอะ ซีรีส์ จนมาถึงละครเรื่องล่าสุด แบงค์ได้โชว์ให้โลกว่า เขาโตเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้วจริง ๆ แต่จะดีกว่านี้ ถ้าได้อ่านความคิดและมุมมองเรื่องงานที่แบงค์ อยากทดสอบความสามารถของตัวเขาในอนาคต

ทำไมถึงยอมเล่นบทActionเรื่องแรกในละครเรื่องจิตสังหาร ทางช่อง ONE31
           ผมรู้สึกว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ท้าทายตัวเรานะ ละครแอ็กชั่นมันเป็นรูปแบบการแสดงที่เราไม่เคยเล่นมาก่อนครับ เราไม่เคยรู้เลยว่ากว่าจะได้ซีนแอ็กชั่นซีนๆ หนึ่งมา บางทีต้องใช้เวลาถ่ายทำมากกว่าวันสองวัน บางที 3 วัน ก็ยังไม่เสร็จเลย เพราะมันมีทั้งเรื่องเอฟเฟกต์ เรื่องแอ็กชั่น การต่อยตี หรือว่าเรื่องของคิวต่าง ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ยากขึ้นอีกระดับหนึ่งเลยครับ


หลังจากที่ละครจบไปแล้ว เรารู้สึกกับละครแอ็กชั่นอย่างไรบ้าง
          รู้สึกโล่งครับ แต่จริง ๆ รู้สึกเหนื่อยเหมือนกันนะครับ เพราะว่าละครแอ็กชั่นค่อนข้างที่จะใช้ร่างกายเยอะ ขนาดเรามีโอกาสได้ไปเวิร์กช้อปมาก่อนทั้งเรื่องของการเซฟตัวเอง ในการตีลังกา การหมุน การต่อย การเตะ แต่ก็ยังมีสิ่งที่พลาดได้ในการถ่ายทำจริง อย่างเช่น มีซีนหนึ่งที่ผมต้องหมุนม้วนหน้าไปตีลังกาเอาปืนมายิง แต่ก็ลงผิดท่า เอาหลังลงพื้นก่อนจนหลังเดาะ ก็เลยรู้สึกว่าแอ็กชั่นเรื่องแรกของทุกคนเขาก็เป็นอย่างนี้กันหรือเปล่า หรือว่าเป็นเฉพาะเรา

ตั้งแต่ถ่ายมาซีนไหนที่ยากที่สุด แบบเยอะจนไม่อยากนับเทค
          ซีนยากที่สุดน่าจะเป็นซีนใหญ่ ที่มีทั้งตัวละครหลาย ๆ ตัวมารวมตัวกัน ต้องใช้ทั้งเอฟเฟกต์ระเบิด เผาไฟ ใช้ปืนลูกแบลงค์ แล้วก็ต้องต่อสู้โดยมือเปล่า มันทุกอย่างรวมกันในซีนเดียว มันเป็นซีนที่ยากมาก ถ้าเกิดว่าใครที่ติดตามดูในละครเรื่องนี้ก็จะเห็นซีนนั้นครับ


เมื่อกี้แบงค์บอกว่านี่เป็นงานที่ทำให้เราโตขึ้น อยากให้อธิบายตัวละครนิดหนึ่งว่า โตขึ้นอย่างไร
           สิ่งที่ผมบอกว่ามันโตขึ้นคือคาแรกเตอร์ของตัวละครตัวนี้ครับ ทัศน์ไท มีสิ่งที่จะต้องรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวง เพราะเป็นทั้งทายาทของเจ้าของธุรกิจ และมีมูลนิธิที่ตัวเองสร้างขึ้นมา เพื่อที่จะให้โอกาสคนที่ทำผิดพลาดในอดีตที่เคยติดคุกให้มีโอกาสได้กลับมาอยู่ในสังคมได้ปกติ มันจึงต้องแบกรับภาระหลาย ๆ อย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการคอนโทรลหรือว่าคอยเป็นลีดนำให้กับทีมงานของเราด้วย เราต้องดูแลคนจำนวนมาก ที่เป็นเหมือนคนในเหมือนในครอบครัว และนอกจากการที่ต้องคอยดูแลความเรียบร้อยแล้ว เรายังต้องเป็นคนสั่งการ เป็นผู้นำ มันเลยทำให้เราต้องอัปเพาเวอร์ของเราขึ้นมาในการควบคุมคน และการจัดการคนมากขึ้นด้วย

มาร่วมโปรเจกต์จิตสังหารได้อย่างไร
           มาแคสต์ครับ มีการออดิชั่นก่อนตอนแรก ทางทีมช่องวันส่งบทจิตสังหารส่งไปทางนาดาว แล้วทางนาดาวก็เลยส่งเรามาให้เรามาออดิชั่น


แต่พอเรารู้ว่าเราจะต้องมาเล่นละครแอ็กชั่นเรื่องแรก เราเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
          เตรียมใจมากกว่าครับ อย่างแรกคือเราต้องเตรียมใจก่อนว่า มันจะต้องหนักมากแน่ ๆ เพราะว่าเราไม่เคยเล่นละครบู๊มาก่อน ไม่เคยใช้ปืนที่ใช้ลูกแบลงค์มาก่อน ไม่เคยเข้าฉากแอ็กชั่นที่ต้องต่อสู้กับคนเยอะ ๆ มาก่อน แต่ทางทีมงานเขาก็ส่งไปเวิร์กช้อปคิวบู๊ก่อนที่จะมาเริ่มถ่ายทำจริงนะครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ ที่ได้ร่วมแสดงกับโอบ นิธิ อยากให้เล่าความแตกต่างจากซีรีส์เรื่องแรกกับเรื่องนี้ว่าเป็นอย่างไร
          เรื่องแรกที่เราร่วมงานกันคือ Spike! เป็นเรื่องของนักกีฬาวอลเลย์บอลที่อยู่ในช่วงมัธยม ตอนนั้นเราก็ค่อนข้างที่จะใกล้ตัวมาก ๆ เพราะอายุมันก็ยังไม่ค่อยห่างกัน เพิ่งจบจากมัธยมไปแค่ไม่กี่ปี แต่เรื่องนั้นมันก็จะยากตรงที่ว่า เราจะต้องเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลจริง ๆ ซึ่งเราก็มีการได้ไปฝึกซ้อมในการเล่นวอลเลย์บอล เพื่อที่จะเวลาเรามาแสดงจะได้ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าเราจะเล่นได้หรือไม่ ได้ในพาร์ตของนักกีฬาหรือไม่ เพราะว่าในเรื่อง Spike! จะมีทั้งเรื่องของดราม่า เรื่องกีฬาและเรื่องมิตรภาพของเพื่อนเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่พอมาเป็นเรื่องจิตสังหารเนี่ย จะเป็นการเล่าเรื่องมิตรภาพที่ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันแล้ว มีสิ่งที่จะต้องเดิมพันที่ใหญ่ขึ้น มีสิ่งที่จะต้องรับผิดชอบมากขึ้น แล้วตอนที่เราเล่นSpike!เนี่ย เรารับบทเป็นรุ่นน้องของพี่โอบ แต่มาเรื่องนี้เราเป็นเพื่อนที่เติบโตมาพร้อมกัน ผ่านประสบการณ์สารทุกข์สุขดิบมาด้วยกัน พี่โอบรับบทเป็นนภัสเขาเข้ามาอยู่ในครอบครัวเรา เขาก็เป็นเหมือนแบบคนที่คอยช่วยเหลือ คอยซัพพอร์ตเรา


แบงค์นี่อยู่วงการมาก็หลายปีแล้ว ตั้งแต่ Hormones Season 2 ใช่ไหม
          ใช่ครับ

จากนักเรียนมัธยมพอต้องมาเริ่มการแสดง ปรับตัวอย่างไร
           ก็ใช้วิธีการปรึกษารุ่นพี่ที่เขามีประสบการณ์ แล้วก็มีการเรียนแอ็กติ้ง ทั้งเรียนเป็นกลุ่ม แล้วก็เวิร์กช้อปและก็มีแบบไปลงเรียนเองด้วยครับ

เท่ากับว่าอยู่วงการมาก็ 7-8 ปี แล้ว
          ประมาณนั้นครับ นานเนอะ 

ถ้ามองย้อนกลับไปดูตัวเอง จากวันนั้นถึงวันนี้เรารู้สึกอย่างไรบ้าง
            จริง ๆ รู้สึกว่าเราได้เรียนรู้ในสายอาชีพนี้มากขึ้นนะครับ หมายถึงว่าเราได้เรียนรู้เทคนิคในการแสดงมากขึ้น เราได้เข้าใจการแสดงมากขึ้น เรามีโอกาสได้รับบทบาทที่มันหลากหลายมากขึ้น ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่เราปรารถนาหรือว่าเราตั้งใจอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่เราเริ่มเข้ามาในวงการนี้ครับ เราอยากจะลองบทบาทหลาย ๆ บทบาท ที่มันทั้งใกล้ตัวเราไกลตัวเรา หรือว่าที่มันชาเลนจ์หรือท้าทายเรา เพราะว่าเราตัดสินใจที่จะเข้ามาอยู่ในอาชีพนี้แล้ว เราก็อยากจะเรียนรู้มันให้ถึงที่สุด


แม้จิตสังหารจะเป็นแอ็กชั่นเรื่องแรก แต่รู้สึกว่าบทบาทที่แบงก์ได้ฉีกบทของตัวเองและทำได้ดีมาก ก็คือตอนที่เล่นเป็นไท ในรักฉุดใจ นายฉุกเฉิน
            เรื่องนั้นสำหรับผมเป็นเรื่องที่ยากที่สุดในชีวิตของผมแล้ว เท่าที่เคยทำการแสดงมาครับ เพราะมันค่อนข้างที่จะเล่นกับความรู้สึกของเรา แล้วก็ physical ทางร่างกายของเราด้วย ตัวไทเนี่ยเป็นคนที่ประสบอุบัติเหตุและต้องสูญเสียน้องสาวที่รักไป มันเป็นตัวละครที่ค่อนข้างที่จะ lost แล้วก็ไม่มีคนให้พึ่งพาอาศัย ต้องอยู่กับตัวเองคนเดียว ก็เลยทำให้เกิดจิตหลอนขึ้นมา คอยหลอกตัวเองอยู่ทุกวันว่า เรื่องราวทั้งหมดมันยังไม่เกิดขึ้น น้องสาวเรายังอยู่ ยังมีตัวตนอยู่ ซึ่งตอนนั้นผมค่อนข้างที่จะอินกับตัวละครตัวนี้มาก ๆ จนถึงขั้นว่าสลัดมันไม่ออก 
           ผมแยกไม่ออกว่า อันไหนคือตัวไท อันไหนคือตัวแบงค์ ธิติ เพราะว่าเราลงไป work กับตัวละครค่อนข้างลึกมาก ๆ ทั้งการสร้าง background story ให้กับตัวละคร การเชื่อในสิ่งที่ตัวละครรู้สึกว่าเขาสูญเสียน้องสาวไป แล้วก็การหลอกตัวเองอีกทีหนึ่งว่าเรายังไม่สูญเสียน้องสาว มันก็ทำให้เราอินกับตัวละครตัวนั้นมาก ๆ จนถึงขั้นว่าช่วงนั้นอารมณ์แปรปรวนมากครับ ผมพยายามที่จะอยู่กับตัวเองคนเดียว ไม่ค่อยออกไปสุงสิงหรือว่าเจอกับใครเท่าไร ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วตัวผมเองเป็นคนที่ค่อนข้างที่จะชอบไปสังสรรค์ไปเจอเพื่อน ๆ

แล้วกว่าจะสลัดออกมาได้นานไหม ปรับตัวนานไหม
            ก็ค่อย ๆ ครับ ใช้เวลาก็เป็นเดือนเหมือนกัน หมายถึงว่าค่อย ๆ เอาตัวละคร เอาความคิดของตัวละครออกไปจากตัวเรา เอาท่าทางอะไรอย่างนี้ออกไปจากตัวเรา มันก็ต้องใช้เวลานิดหนึ่ง แต่ว่าโดยปกติแล้วเวลาผมเล่นละครเรื่องไหนผมจะเป็นคนที่คัตตัวละครออกง่ายมาก ๆ แต่กับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะมันอาจจะเกี่ยวข้องกับการที่เราเอาคาแรกเตอร์ตัวละครไปฝึก เราไปฝึกไปทำงานกับตัวละครด้วยตัวเองครับ


ถ้าในอนาคต ถ้ามีผู้กำกับหรือผู้กำกับละครมาเสนอบทแนวนี้อีก แบงก์จะ
            ก็สนใจนะครับ เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นบทที่ท้าทายและสนุกมาก พอเราเชื่อในตัวละครมาก ๆ จนทำให้เราไม่ต้องแคร์ว่าเราจะเล่นถูกหรือว่าเล่นผิด แค่เราเป็นตัวละครนั้นในละครเรื่องนั้น ๆ มันก็ทำให้เราสามารถอิมโพรไวส์หรือว่าทำอะไรก็ได้ในฐานะตัวละครตัวนั้น รู้สึกว่าผมสนุกมากตอนที่ผมเป็นไท

แบงก์เริ่มเล่น Hormones นั่นยังอยู่ ม.ปลาย ต้องไป ๆ มา ๆ ระหว่าง ขอนแก่นกรุงเทพฯ คิดว่าการที่เราต้องทำงานตั้งแต่เด็ก มันทำให้เราชีวิตวัยรุ่นของเราหายไปไหม
             ไม่หายนะครับ ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนที่ใช้ชีวิตวัยรุ่นได้ค่อนข้างคุ้มเหมือนกัน เพราะว่าเราแบ่งส่วนได้มั้งครับ ในพาร์ตของการทำงาน แล้วก็พาร์ตของการใช้ชีวิต เพราะผมตั้งเป้าหมายของตัวเองว่า เราอยากจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตในทุกช่วงอายุของเราให้เต็มที่ที่สุด พอเรามากรุงเทพฯ เราทำงานด้วย เราก็มีเพื่อนที่อยู่ที่นี่ด้วย เราได้มาเจอวัยรุ่นกรุงเทพฯ ได้มาเจอวิถีชีวิตของวัยรุ่นกรุงเทพฯ ซึ่งก็แตกต่างกับที่ขอนแก่นเหมือนกัน ที่ขอนแก่นเราไม่ได้มีสถานที่เที่ยว อย่างห้างสรรพสินค้า พารากอน สยาม เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว แต่ที่ขอนแก่นก็มีแค่แฟรี่ เซ็นทรัลขอนแก่น หรือว่าไม่อย่างนั้นเราก็ต้องไปที่เขื่อนอุบลรัตน์เลย เพื่อไปแฮงค์เอาต์กับเพื่อน ๆ ครับ


แบงก์เล่นหนังมา เรื่องแล้ว ซีรีส์ก็อีกมากมาย ระหว่างหนังกับซีรีส์ชอบอะไรมากกว่ากัน
            ชอบหนังครับ ผมชอบทั้งวิธีการถ่ายทำและวิธีการเล่าเรื่องของหนังมากกว่า แต่ผมไม่ได้บอกว่าไหนดีกว่านะครับ แต่ผมแค่ชอบวิธีการแสดงและการเล่าเรื่องแบบหนังมากกว่า เพราะเรารู้สึกว่าเรามีเวลาที่จะทำให้คนดูได้เห็นประมาณ 1-2 ชั่วโมง ใช่ไหมครับ แล้วคนดูก็จะต้อง concentrate กับเราตลอดเวลา สำหรับหนังโรง คนที่จะเข้าไปนั่งเพื่อดูทั้งการสื่อสารของเรา แอ็กติ้งของเรา แล้วก็ตัวเนื้อเรื่องด้วย แต่ว่าละครและซีรีส์เนี่ยมันยังมีเวลา มันก็ดีอีกอย่างหนึ่ง คือมันมีเวลาในการพัฒนาตัวละคร พัฒนาความสัมพันธ์ต่อไป แต่ผมเลือกที่จะชอบหนังมากกว่า เพราะว่ามันค่อนข้างที่จะท้าทายเหมือนกันนะครับ กับการที่เราจะแสดงหนังเรื่องหนึ่ง แล้วมีคนยอมเสียเงินเพื่อเข้าไปดูการแสดงของเรา

เมื่อไรจะได้ดูเรื่องที่ 3
            นั่นสิครับ ผมก็หวังว่าเร็ว ๆ นี้นะครับ เพราะว่าผมก็อยากจะแสดงหนังอีก


อยู่วงการมาก็หลายปีแล้ว ตั้งเป้าในอนาคตของเราว่าอย่างไรบ้าง
           คือเรายังอยากหาสิ่งที่เราอยากทำอยู่นะครับ หมายถึงถามว่าอาชีพนักแสดงมันเป็นสิ่งที่เราชอบไหม มันก็เป็นสิ่งที่เราชอบและเป็นสิ่งที่เรารักนะครับ เราเต็มที่กับมันทุกครั้งที่เราได้มีโอกาสทำมัน แต่เราก็รู้สึกว่าอนาคตเราอาจจะมีเวย์อื่นในการที่เราจะชอบด้วย อย่างเช่น ตอนนี้ผมก็เริ่มสนใจในเรื่องของการทำธุรกิจ เรื่องของการดูแลคน อาจเป็นเพราะว่าเราอาจจะเติบโตมากับครอบครัวที่ทำธุรกิจมาก่อน แล้วก็อยู่ในตัวเรามาตั้งแต่เด็ก ๆ เราก็เลยรู้สึกว่าเราอยากจะลองไปทำโรงแรม (แมมมอธ รีสอร์ต) ที่บ้านดูให้มันดีขึ้นกว่าที่พ่อแม่เราทำ

สมมุตินะ ถ้าวันนั้นเราไม่ได้ตัดสินใจมาร่วมงานกับ Hormones วันนี้แบงค์จะทำอะไร?
          นั่นน่ะสิครับ ผมก็คิดไม่ออกเหมือนกันนะครับ อาจจะอยู่ front ของโรงแรมคอยต้อนรับแขก แล้วก็ศึกษางาน แล้วก็ลองต่อยอดในอนาคตที่เราจะสามารถช่วยให้ครอบครัวได้ครับ


มีอะไรในวงการบันเทิงที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำอีกบ้าง ทั้งบทบาทการแสดง หรือตำแหน่งอื่นๆ
          จริง ๆ ก็ได้ทำค่อนข้างเยอะแล้วนะครับ แต่ในเรื่องของพาร์ตการแสดง ผมยังมีบทบาทที่ยังอยากเล่นอีกหลายบทบาทเลย ที่อยากเอาตัวละครตัวนั้นมาศึกษา แล้วก็ดีเวลลอปให้เข้ากับตัวเราและถ่ายทอดออกไป เช่น น้ำพุ เล่นเป็นตัวละครชื่อ น้ำพุ หรือเคยคิดเล่น ๆ ว่า เป็นเด็กผู้ชายที่อายุเท่าผมก็ได้ แล้วก็ประสบอุบัติเหตุ ทำให้สมองกลับไปคิดว่าตัวเองยังเป็นเด็กทารกอยู่ แต่ร่างกายเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็น่าสนใจดี

อย่างน้ำพุที่สนใจนี่เคยอ่านนิยายต้นฉบับหรือเปล่า
          ผมเคยอ่านหนังสือนอกเวลาเล่มสีชมพู ที่บ้านก็ยังมีอยู่เลย อ่านแล้วรู้สึกชื่นชอบมาก อยากจะศึกษาตัวละครตัวนี้ดูว่า เขารู้สึกอย่างไร ทำไมเขาถึงต้องไปใช้สารเสพติด หรือว่าอยากเข้าไปเรียนรู้ ไปค้นหาว่าเขามีปมอะไรในครอบครัว คนรอบข้างเขา หรือว่าอะไรทำให้เขาเป็นคนแบบนั้น หรือเพราะสังคมหรือเปล่า ที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนแบบนั้น


เคยเอาโปรเจกต์นี้ไปคุยกับผู้ใหญ่บ้างมั้ย
          จริง ๆ เคยคุยกับพี่ย้งนะครับ แต่เขาก็บอกว่ามีคนที่เคยเล่นมาแล้ว

แต่การตีความใหม่ให้มันเข้ากับยุคสมัยมันก็น่าสนใจนะ
           เขาก็บอกเหมือนกันนะครับว่า ถ้าเกิดเป็นเนื้อเรื่องเดิมมันอาจจะไม่ได้ทัชกับคนยุคสมัยนี้แล้ว อาจจะต้องมาดีเวลลอปใหม่ เพื่อที่จะให้เข้ากับยุคสมัยนี้ด้วย

Text by Takeshi West
Source : Photo
          https://www.one31.net/news/detail/46658
          https://www.facebook.com/HormonesTheSeries

]]>
Shampoo Bottle Challenge เมื่อผู้ชายชวนน้องมา Challenge https://marshomme.com/scoop/531256/ Tue, 28 Jul 2020 06:10:00 +0000

ใครที่ชอบสัญจรในโลกโซเชียลน่าจะคุ้นเคยดีกับ ‘Challenge’ รูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามกระแส เพื่อให้เพื่อนหรือฟอลโลเวอร์ทำตาม แชร์ต่อ จนกลายเป็นไวรัล เป็นเทรนด์ เป็นที่รับรู้ของคนทั้งประเทศ หรือไกลหน่อยก็ทั่วโลก ไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์เพื่อการกุศล หรือเพื่อความสนุกสนาน


ที่ผ่านมา ถ้าจำกันได้ก็มี Ice Bucket Challenge ซึ่งเริ่มกลายเป็นไวรัลในโซเชียลมีเดียในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2014 ในสหรัฐอเมริกาก่อนจะขยายวงกว้างไปตามภูมิภาคต่างๆ ของโลก เป็นการท้าด้วยการใช้ถังน้ำแข็งราดตัว เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ ALS โดยให้ถ่ายคลิปและโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย ติดแฮชแท็ก #IceBucketChallenge จากนั้นให้ท้าคนอื่นต่อไปอีกสามคนหรือมากกว่านั้น หากใครไม่ทำตามต้องบริจาคเงิน 100 ดอลลาร์ให้กับสมาคมที่ทำงานช่วยเหลือผู้ป่วยโรคดังกล่าว

ถัดจากนั้นมาก็มีการท้าในรูปแบบอื่น ยากบ้างง่ายบ้างตามแต่ใครจะคิดค้นกิจกรรมมาท้ากัน Challenge ไหนที่ดูท้าทายจริงจังก็จะมีผู้คนสนใจรับท้า และแชร์ต่อกันอย่างมากมายมหาศาล Challenge ไหนที่ดูธรรมดา วงจรจะสั้น พร้อมถูกตัดตอนออกจากความสนใจของสังคมอย่างรวดเร็วเหมือนกัน

เวลาผ่านไปไม่นาน สังคมโลกถูกข่าวสารและความเร้าใจอื่นดึงความสนใจ หรือไม่บางทีอาจจะไม่ว่าง จึงพากันลืมการท้ากันไป จนกระทั่งเมื่อช่วงกลางปีที่แล้วมีเทรนด์กลับเข้ามาในวงจรไวรัลครั้งใหม่ ด้วยแฮชแท็ก #BottleCapChallenge ที่เริ่มจากมาร์โก รอยส์ กัปตันทีมโบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ ถ่ายคลิปแสดงท่าหมุนตัวและใช้ปลายเท้าเปิดฝาขวดที่วางอยู่ ซึ่งฝาขวดที่ว่านั้นเป็นฝาขวดนมของเด็กน้อยเสียด้วย และที่ปากเขาคาบจุกนมเด็กอยู่ มีคำเฉลยเป็นนัยว่า รอยส์เพิ่งเป็นพ่อคนเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านั้น


มาร์โก รอยส์โพสต์คลิปติดแฮชแท็กลงในอินสตาแกรม (ยอดไลค์ถึงปัจจุบันอยู่ที่กว่า 748k) แต่ #BottleCapChallenge มาติดอันดับเทรนด์ก็ตอนที่พระเอกนักบู๊-เจสัน สแทตแฮม (The Transporter, Fast & Furious) วาดลวดลายด้วยตัวเอง มียอดวิวสูงกว่า 10 ล้านภายในเดือนกรกฎาคม 2019

ตามมาด้วยคนดังที่รับคำท้า อาทิ จอห์น เมเยอร์, ซลาทัน อิบราฮิโมวิตช์, ปอล ปอกบา, จัสติน บีเบอร์ หรือแม้กระทั่งมาราย แครีย์ก็ยังร่วมวงกับเขาด้วย (แต่ใช้เสียงทรงเสน่ห์ของเธอเปิดฝาขวดแทน)


และในสังคมของเกย์ก็มี parody จากเทรนด์นี้เช่นกัน แต่ออกแนวสัปดน และแชร์กันเฉพาะในกลุ่ม คนในคลิปใช้อวัยวะอย่างอื่นแทนเท้า ซึ่งเขาทำได้จริงจนน่าทึ่ง ระดับเดียวกับการยิงลูกดอกและปิงปองของสาวอะโกโก้เลยทีเดียว


ต้นปี 2020 สังคมโลกต้อนรับศักราชใหม่พร้อมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ไล่มาตั้งแต่เอเชียไปจนถึงยุโรป และอเมริกา โลกคล้ายหยุดหมุน ชีวิตคล้ายหยุดการเคลื่อนไหว ผู้คนทุกหย่อมหญ้าพากันเข้าสู่มาตรการกักตัว มีเวลาให้กับตัวเองและ Netflix มากขึ้น รวมถึงความใส่ใจเรื่องสุขภาพและอาหารการกิน

“ว่างแหละ…ดูออก” กลายเป็นวลีฮิตในช่วงกักตัว ชาวโลกมีเวลาว่างมากขึ้น ส่วนใหญ่ใช้เวลาว่างนั้นหมดไปกับการดู อ่าน ฟัง ทำอาหาร รับประทานอาหาร ดื่มเท่าที่จะดื่มได้ หรือทำกิจกรรมที่อยากทำภายในบ้าน


กักตัวอยู่บ้านจากวันเป็นเดือน จนเมื่อไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีกับความเบื่อซ้ำซาก ใครคนหนึ่งก็เกิดไอเดีย นำขวดแชมพูมาวางบน ‘น้องชาย’ ที่กำลังแข็งตัว แล้วถ่ายรูป

ใช่แล้ว ขวดแชมพูบนน้องชาย ถ่ายรูป โพสต์ลงโซเชียล แล้วติดแฮชแท็ก #ShampooBottleChallenge หรือ #ShampooChallenge ยังดีที่ปกปิดน้องชายไว้ใต้กางเกงบ็อกเซอร์

แน่นอนว่ามันต้องมี parody อีกจนได้ นั่นคือ ผู้ชายบางคนอยากจะโชว์ทั้งร่างกาย น้องชาย และขวดแชมพูแบบจะๆ แต่รูปภาพแบบนั้นน่าจะหาแพลตฟอร์มรองรับยาก เพราะทั้งเฟซบุ๊กหรืออินสตาแกรมไม่อนุญาต แต่ถ้าเป็นทวิตเตอร์ละไม่แน่


และในทวิตเตอร์นั่นละที่ยูสเซอร์ชื่อ ‘hurtpapi’ คือรายแรกที่โพสต์ภาพพร้อมแฮชแท็ก #ShampooChallenge เป็นภาพจากการ์ตูน ที่เห็นผู้ชายวางขวดแชมพูไว้บนองคชาติของตนเอง พร้อมประโยคคำถาม “เราสามารถทำ Challenge นี้ให้ติดเทรนด์ได้หรือไม่?”

ในช่วงเดือนเมษายนที่ทั้งโลกกำลังอยู่ในช่วงกักตัว แฮชแท็กขวดแชมพูก็พุ่งขึ้นติดเทรนด์ในทวิตเตอร์

มีความเป็นไปได้ว่า Challenge แบบนี้จะถูกนับอยู่ในหมวดเอาฮา อาจมีวงจรชีวิตขำๆ เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เพราะถ้าใครถือเป็นเรื่องจริงจัง คิดจะท้าคนอื่น คงต้องพิจารณารูปของตนเอง และย้ำคิดอีกสามตลบ

ก่อนจะเผยความเป็นชายของตนเองเข้าสู่โลกโซเชียล


เรื่อง : บุญโชค พานิชศิลป์   

อ้างอิง:

https://rp-online.de/sport/fussball/bottle-cap-challenge-woher-kommt-das-was-ist-das_aid-41831923

https://www.tonight.de/aktuelles/shampoo-bottle-challenge-was-machen-maenner-da-mit-einer-shampoo-flasche_94130.html   

เครดิตภาพ : Twitter @hurtpapi

Twitter @MinGwa

Twitter @arashi_takemoto

Twitter @Helium_Raven

Twitter @yamami369

Twitter @AmandaSun320

https://utagenmai.tumblr.com/

]]>