Warning: Cannot modify header information - headers already sent by (output started at /var/www/marshomme.com/wp-content/plugins/wp_mgr_id/wp_mgr_id.php:1) in /var/www/marshomme.com/wp-includes/feed-rss2.php on line 8
ONE31 – Marshomme https://marshomme.com Tue, 08 Mar 2022 06:48:53 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.2.20 https://marshomme.com/wp-content/uploads/2019/10/logo2_icon-90x90.png ONE31 – Marshomme https://marshomme.com 32 32 “รักเดียว” ซิตคอมวายเรื่องแรก ที่มี“เอิร์ท ธนกฤต” และ “วิน ทรงสิน” เป็นคู่จิ้นชวนฟินจิกหมอนและฮาไปพร้อมๆกัน https://marshomme.com/interview/532249/ Mon, 07 Feb 2022 11:07:00 +0000           ใครๆ ก็บอกว่าซีรีส์วายไทยกำลังเฟื่องฟู เพราะโด่งดังไปทั่วโลกและทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ จะจริงตามนั้นหรือไม่ เมื่อดูจากสถิติการประกาศสร้างซีรีส์วายในช่วงปี 2563-2564 ที่รวมกันมากกว่า 100 เรื่อง ดูท่าแล้วว่าซีรีส์วายไทยจะมาถูกทาง แต่ข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ เห็นจะเป็นจำนวนโปรเจ็กต์ที่ประกาศมานั้น ล้มไปก็ไม่น้อย จำนวนกว่าครึ่งร้อยยังสร้างไม่เสร็จ และที่ออนไลน์(และออนแอร์)แล้ว “แป้ก” ก็มีมากเช่นกัน

ทำไมหลายเรื่องจึง“แป้ก” ?

          เรื่องนี้หาคำตอบไม่ยาก เพราะเนื้อหามันวนอยู่ในอ่างไงล่ะ แต่เราก็ได้เห็นความตั้งใจของนักเขียนหลายๆ คน รวมทั้งผู้ผลิตที่มีความพยายามในการหาแนวทางการนำเสนอเนื้อหาใหม่ๆ แต่ซีรีส์ที่‘แหวก’และ‘แหกขนบ’วาย(ที่เน้นโมเมนต์จิ้นๆ ฟินๆ)ไปไกลสุดกู่ ณ เพลานี้ คงต้องยกนิ้วให้ “รักเดียว”ซิตคอมวายเรื่องแรกจากช่องวัน31ที่เพิ่งจะออนแอร์เมื่อเร็วๆ นี้ ทำเอาสาววายตะลึงตึงโป๊ะไปตามๆ กัน เพราะมันฮาเกินกว่าจะเก็บไปฟินน่ะสิคะ แม่จ๋า

          คู่พระเอก-นายเอกหน้าใหม่ “เอิร์ท-ธนกฤต ตาละโสภณ” และ “วิน-ทรงสิน ใจพันธุ์” ดูจะเคมีเข้ากันไปดี และไปได้สวยกับแนวทางซิตคอมที่ต้องปล่อยมุกเรียกเสียงฮาอยู่เรื่อยๆ(งานถนัดของช่องนี้เลยทีเดียว ดูผลงานเก่าๆ อย่างเป็นต่อ,บางรักซอย9และเสือ เก้ง ชะนี ก็เชื่อขนมกินได้)เอิร์ท-ธนกฤต อาจจะไม่ใช่หน้าใหม่ซะทีเดียว เพราะเคยมีผลงานออกมาบ้างจากซีรีส์และงานโฆษณา ส่วนวิน-ทรงสิน นั้นใหม่เอี่อมอ่องถอดด้านมาเลี่ยมทอง เพราะเปิดซิงที่นี่เป็นที่แรก

กว่าจะมาลงตัวกันที่คู่นำซิตคอมรักเดียวเอิร์ทวินทำอะไรกันมาก่อน

         เอิร์ทของเอิร์ทเริ่มจากการแคสต์งานโฆษณา เดินแบบ และมีโอกาสได้ไปเล่นละครบ้าง แต่ไม่ได้เป็นตัวเมนหรือตัวหลักครับ พอดีมีผู้ใหญ่เห็นผมจากทางโฆษณาว่าหน่วยก้านดี เลยเรียกเรามาคุยกับผู้ใหญ่ทางช่องวัน จนสุดท้ายก็ได้มาเจอซิตคอมรักเดียว ที่มีโอกาสได้เล่นเป็นตัวเมนครับ รู้สึกตื่นเต้น และตกใจมากที่รู้ผลว่าแสดงได้ซิตคอมเรื่องนี้

          วินวินเป็นคนเชียงใหม่ เคยเป็นนายแบบ ถ่ายแบบ และเคยประกวดมาหลายเวทีครับ จากเชียงใหม่ก็มากรุงเทพฯ เลยครับ คือมีผู้ใหญ่ทางช่องวันเขาติดต่อไปว่า อยากให้ลองมาแคสต์ซิตคอมเรื่องนี้ดู ผมคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีนะ เลยตัดสินใจลองมาแคสต์ ได้มาเจอกับพี่ ๆ ที่มาแคสต์ด้วยกันหลาย ๆ คน มาเจอกับพี่ ๆ ทีมงาน ผู้กำกับ ตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่าได้หรือเปล่า ช่วงรอคำตอบนานมากกกกกก ตื่นเต้นมาก ๆ


วินเป็นคนเหนือ ตอนที่รู้ว่าจะต้องมาแสดงซิตคอม ปรับวิธีการพูดนานไหม

           วินเป็นคนใช้ภาษาเหนือมา 19 ปี พอปีที่ 20 ย้ายมากรุงเทพฯ เราก็ต้องขยันพูดมาก ๆ พอมาอยู่ตรงนี้ใช้เวลาปรับนานมากครับ 3-4 เดือน ทางช่องส่งให้ไปเรียนกับครูภาษาไทย เพื่อปรับการพูดครับ กว่าจะพูดวรรณยุกต์ สระ ร เรือ ล ลิง ได้ชัดนี่ อู้หู ลำบากเหมือนกัน ผมเลยตั้งใจปรับเปลี่ยนการพูดจนดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน หลัง ๆ มานี่เริ่มไม่มีคอมเมนต์เรื่องการพูดเหน่อ หรือว่าพูดเสียงขึ้นจมูกแล้ว

พอรู้ว่าต้องมาเล่นซิตคอม และเป็นซิทคอมวายด้วย ตอนนั้นรู้สึกอย่างไร

         เอิร์ทผมรู้สึกว่าเป็นเหมือนงานงานหนึ่งที่รู้สึกว่าอยากทำนะ รู้สึกว่ามันท้าทายกับอาชีพนักแสดงเหมือนกัน ในการที่เข้ามาเล่นซิตคอมวาย เพราะปกติจะต้องมีนางเอกพระเอกใช่ไหมครับ แต่วายจะเปลี่ยนเป็นนายเอกแทนซึ่งท้าทายความสามารถของนักแสดงนะครับ แล้วก็ต้องทำการบ้านกันเยอะเหมือนกัน


         วิน : ผมคิดว่ามันเป็นความท้าทายจริง ๆ แหละ แต่มันปนกับความสนุกที่น่าสนใจนะ อยากลองเล่น เป็นซิตคอมวายเรื่องแรกของประเทศไทยด้วย ผมคิดไว้ในหัวว่ามันต้องสนุก ต้องมีความฮาทุกอีพี

        เอิร์ท ความซิตคอม ความสนุกต้องมาแน่นอน แล้วยิ่งมาเจอพี่นก(จิรศักดิ์ โย้จิ๋ว)ผู้กำกับ เสือ ชะนี เก้ง และเป็นต่อ ที่เราดูตั้งแต่เด็ก ได้สัมผัสกับซิตคอมพวกนี้ตั้งแต่เด็กด้วยแล้ว ทำให้รู้สึกว่าซิตคอมรักเดียว มันต้องออกมาครบรสแน่นอน

คาแรกเตอร์ในรักเดียวเป็นอย่างไร

         เอิร์ท คาแรกเตอร์ของเอิร์ทน่ะ จริง ๆ ไม่ได้เป็นคนตลก แต่จะมีกิมมิกในความที่นิ่งของบทรัก ซึ่งจะแตกต่างกับบทเดียว ตรงความนิ่งตรงนี่แหละที่จะทำออกมาฮา และเป็นความคอนทราสต์กับเดียวนะ

         วิน : ถ้ารักกับเดียวเจอกันมันจะมีความฮาอยู่ในนั้น เพราะว่าสองคนนี้จะเป็นตัวกัดกันตลอด ผมจะเป็นคนที่กัดเขาตลอด แล้วเขาจะเป็นคนรับ บางทีถ้าเขามีแผนของเขา เขาก็จะเอาคืน เพื่อจะทำให้ผมเสียหน้า หรือว่าทำให้ผมอับอายให้เพื่อน ๆ ผมล้อผม เพราะว่าคาแรกเตอร์ของเดียวจะเป็นคนที่ขี้โวยวาย จะเป็นคนที่มั่นใจในงานของตัวเอง เวลาเอาไปเสนอเขา เขาบอกงานนี้ยังไม่ดี ถ้ามันไม่ดี ต้องอธิบายว่าเพราะอะไรถึงไม่ดี ถ้ามันถูกคือจะแก้ แต่ถ้าไม่ถูกคือไม่แก้

         เอิร์ท คือฝั่งคาแรกเตอร์เดียวเขาจะมีเหตุและผลของเขาเยอะมากเลยครับ แต่รักนี่เขาจะมีความเป็นหัวหน้างาน ซึ่งเขาก็มีเหตุผลกับเขาน่ะแหละ แต่เขาจะไม่มีรายละเอียด เขาจะเป็นผู้ชายที่ตงฉิน ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ แต่คนนี้จะดีเทลเยอะกว่า


คาแรกเตอร์ในซิตคอมกับเราตัวจริง ๆ ต่างกันมากมั้ย

        เอิร์ท คาแรกเตอร์ของรักกับเอิร์ท เอิร์ทรู้สึกว่ามีความคล้ายคลึง โดยความที่จริง ๆ ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดกับคนเยอะเท่าไร เป็นคนโลกส่วนตัวสูงครับ

         วิน ใช่พี่เขาเงียบ ๆ ตอนผมเจอครั้งแรกเขายังไม่ค่อยคุยเลย แต่ผมอ่ะ‘เฮ้ยพี่’ผมจะเป็นคนที่เสียงดังตลอด พี่เขาจะบอกพูดเบา ๆ ก็ได้ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน เขาจะเป็นคนที่เวลาเจอผม เหมือนผมคุยกับเขาอะไรสักอย่างผมก็จะตะโกนอยู่นั่นน่ะ พี่เขาก็จะต้องคอยบอกว่าเบาๆ เสียงลงหน่อย มาคุยกับผม ผมก็ไม่รู้สึกเหงาน่ะ หลัง ๆ มาพี่เขาเริ่มติดผมแล้วนะครับ ติดนิสัยไปแล้ว(หัวเราะ)

       เอิร์ท ติดความเสียงดังจากมันนี่แหละครับ

วินเป็นคนช่างพูดหรือหรือพูดมาก

        วิน ใช่ครับ พูดมาก เพราะว่าผมเป็นคนที่อยู่เงียบมากๆ ไม่ได้ ถ้าจะอยู่กันหลาย ๆ คน ผมจะเป็นคนหนึ่งที่ตะโกนแหกปากเสียงดัง นั่นแหละครับ คาแรกเตอร์นี้มีความคล้ายคลึงผมมาก มันไม่ใช่แค่ คนที่มั่นใจในตัวเองมาก ๆ ในแบบมั่นใจเกินเบอร์ ที่ไม่สนใจว่าคนอื่นจะให้แก้ไขอะไร ไม่ฟังใครสักอย่าง แต่ผมก็ทำการบ้านเพิ่มนะ ลองไปคุยกับพี่ ๆ หลาย ๆ คนว่า พี่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองหรือเปล่า พี่เป็นคนที่เรียนเก่งแบบนี้แล้วพี่มั่นใจหรือเปล่า หลาย ๆ คนก็มาช่วยแชร์ประสบการณ์นี้ พอทำการบ้านกับตัวละครมากๆ เข้า มันก็เออพอเข้าใจความรู้สึกนี้เหมือนกัน


ปกติความวายนี่มันจะต้องเล่นเรื่องโมเมนต์ และความเข้าขากันของนักแสดง ครั้งแรกที่มาเจอกันปุ๊บ ใช้เวลาจูนกันนานไหม กว่าที่เคมีจะลงตัวกัน

         เอิร์ท :ไม่นานครับ

         วิน ต้องเรียกว่าจูนหรือเปล่า พอเดินมาเจอกันก็‘เฮ้ย’ใส่กัน อย่างนี้เลย

         เอิร์ท มันไม่ต้องจูนอะไรเยอะ สำหรับเราเจอกันครั้งแรก สนิทกันเลยครับ บอกไม่ถูกเหมือนกัน อยู่ดี ๆ สนิทกันเฉยแล้วพอไปเรียนแอ็กติ้งก็เริ่มเรียนรู้ซึ่งกันและกันเยอะขึ้น คลาสแอ็กติ้งช่วยละลายพฤติกรรม แล้วก็ได้ไปฟิตเนสด้วยกันอีก มันก็เลยเหมือนอยู่ด้วยกันเกือบทุกวัน

          วิน เพราะว่ามันเดินทางด้วยกันบ่อยไงครับ เดินทางไปเรียนผมจะติดรถพี่เอิร์ทไป ตอนกลับพี่เอิร์ทก็กลับมาส่งคอนโดอย่างนี้ มันทำให้เราสนิทกันไวขึ้นครับ

งานวายชิ้นแรก เราเคยดูซีรีส์วายมาก่อนไหม
    
          เอิร์ท ซีรีส์วายผมยังไม่มีโอกาสได้ดูเป็นเรื่องเป็นราว เห็นผ่าน ๆ บ้าง ก็รู้สึกว่านักแสดงทุกคนมีความตั้งใจที่จะทำงานของแต่ละเรื่องให้ออกมาดีที่สุด รวมถึงตัวเอิร์ทกับวินด้วยครับ มันไม่ได้เกี่ยวว่าต้องเป็นซีรีส์วายแล้วเราจะเล่นไม่ได้ ไม่ใช่เลย ยิ่งอยากเล่นเข้าไปอีก มันเป็นความท้าทายอีกบทเรียนหนึ่งที่เราต้องเล่นร่วมกัน
           วิน :ใช่ครับ


เกร็งไหมถ้าแฟนคลับจะคาดหวังความมุ้งมิ้ง ให้ได้ไปฟินกันต่อทั้งในซีรีส์และนอกจอ

         วิน ผมว่ามันถูกอยู่แล้วนะครับที่แฟนคลับจะคาดหวังน่ะ คือถ้าเราไม่อยากเกร็ง เราต้องทำงานตัวนี้ออกมาให้ดีที่สุด

          เอิร์ท มีอยู่แล้วครับ ในเหตุการณ์ต่างๆ ของเรื่องนี้ แต่มันจะแตกต่างตรงที่เป็นซิตคอมบวกซีรีส์ครับ

          วิน มันจะมีโมเมนต์ อย่างนี้ครับ มันจะมีโมเมนต์ เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แบบมีหน้าใกล้กันนิดหนึ่ง พอแบบเฮ้ยมองทำไมน่ะ

         เอิร์ท อาจจะมีมากกว่านั้นนะ

          วิน ใช่ ๆ มีมากกว่านั้นอีก อยากจะให้ไปลองติดตามดู มันจะมีโมเมนต์แบบที่ทุกคนจะพยายามจิกหมอนทีละนิด อึ๊ย ๆ

          เอิร์ท แต่จริง ๆ แล้วผมรู้สึกว่าอย่างซิตคอมรักเดียว อยากให้คนดูติดตามพัฒนาการของตัวละครของเรา จะเห็นการพัฒนาความสัมพันธ์ของตัวละครไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนติดตามทุกอีพี เพราะว่ามีทั้งปี

สิ่งหนึ่งที่สาววายต้องอยากรู้แน่เลย คือใครเป็นเคะเป็นเมะ

           เอิร์ท ผมเป็นพระเอก วินเป็นนายเอก

            วิน อยากให้ไปในดูซิตคอม แล้วลองไปตีความกันเองว่า มันจะออกมาแบบไหน เพราะว่าในคาแรกเตอร์คือเป็นผู้ชายทั้งสองคน ที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบผู้ชาย จนมาเจอกัน


ถ่ายทำไปหลายอีพีแล้ว ซีนไหนที่ยากที่สุด ถึงเนื้อถึงตัวมั้ย

          เอิร์ท ซีนที่ยากที่สุด ไม่มีครับ จริง ๆ มันมีแหละ แต่มันไม่ได้ยากขนาดนั้น มีตอนแรก ๆ น่ะครับ ตอนแรก ๆ ที่

          วิน กว่ามันจะจูนกันแต่ละคนได้ และที่มันเป็นอีพีแรกที่แบบทุกคนได้เข้ามารวมซีนเดียวกัน จะจูนกันลำบากนิดหนึ่ง เพราะว่าตัวผมเองก็เกร็ง เวลาเจอกับรุ่นพี่ นักแสดงอาวุโสอย่าง น้าโย่ง พี่นุ้ย พี่เอม พี่แอมแปร์ ครับ มันตื่นเต้นน่ะ เราต้องมาเล่นจับมือถือแขนกัน ตอนแรกก็คิดว่ามันยาก แต่พอหลัง ๆ เล่นไป เริ่มให้เราผ่อนคลายขึ้น แล้วก็สนุกกว่าเดิม

จูบแรกในซิตคอมมีหรือยัง?

           เอิร์ท จูบแรกในซิตคอมมีหรือยัง อันนี้ต้องติดตามในซิตคอมรักเดียวนะครับ แต่ผมบอกได้เลยว่าผู้กำกับอย่างพี่นกนี่ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอน

            วิน : การันตีจากเป็นต่อและเสือ ชะนี เก้ง
 
อยากให้สองคนพูดถึงกันและกันว่า ในตัวของแต่ละคนนี่เราชอบอะไรมากที่สุด

            เอิร์ท : ชอบน้องเป็นเด็กน่ารักนะครับ ถึงจะเสียงดังก็ตาม แต่เป็นคนที่ไม่มีพิษมีภัยกับใครเลย น้องอาจจะเคยเกเร จากที่เคยคุยเฮ้ยผมเด็กเกเรนะ แต่น้องเป็นเด็กน่ารักมาก ๆ ก็อัธยาศัยดีครับ ใช่ครับ อัธยาศัยดีหรือเปล่าล่ะ(หัวเราะ)


           วิน ส่วนพี่เอิร์ท จริง ๆ ตอนแรกผมกลัวพี่เอิร์ทนะ ตอนที่แคสต์ด้วยกันแรก ๆ น่ะ แคสต์ผ่านzoom ตอนนั้นพี่เขาผมยาวไง ผมยาวเป็นโจรเลยครับ ผมอยากให้พี่เอิร์ทตอนผมยาวมากๆ เขาดูน่ากลัวมากน่ะ แต่พอมาแคสต์ด้วยกัน มารู้จักกัน พี่เขาเป็นคนน่ารักครับ เป็นคนที่เงียบ ๆ ไม่ค่อยคุยเล่นกับใครมาก

            เอิร์ท : แต่ตอนนี้ก็ไม่เงียบแล้ว

            วิน ใช่ หลัง ๆ มาไม่เงียบแล้ว ติดนิสัยผมไป แล้วเวลาผมมีอะไรก็จะปรึกษาพี่เขา พี่เขาเป็นผู้ใหญ่ ผมก็เลยรู้สึกว่าเวลาผมปรึกษาอะไรพี่เขาน่ะ มันรู้สึกปลอดภัย แล้วเราคุยได้ทุกเรื่อง

ถ้าไม่ได้ทำงาน ชีวิตวันๆ อะไรบ้าง

           เอิร์ท เวลาว่างของเอิร์ทจะออกกำลังกาย เล่นกีตาร์ ร้องเพลง เป็นคนชอบร้องเพลงครับ ก่อนเกิดโควิด ผมจะชอบทำสองสิ่งนี้พอ ๆ กัน สมมติว่าออกกำลังกายตอนช่วงเย็น และจะมาเล่นกีตาร์ผ่อนคลายตอนช่วงดึก ๆ

           วิน ส่วนผมเป็นเด็กกลางแดดครับ ชอบเตะบอลออกกำลังกาย ส่วนใหญ่ชีวิตจะมีแต่ออกกำลังกาย หรือไม่ก็ขับรถเที่ยวดอยชมธรรมชาติ เพราะว่าแถวบ้านผมน่ะจะมีแต่ดอย ผมก็จะมีมอเตอร์ไซค์เล็ก ๆ คันหนึ่งขับไปแถวป่า ไปสวน ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กลางแดด


วินเคยเป็นสายประกวดมาก่อน เอิร์ทก็เป็นนายแบบมาก่อน มีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไรให้หุ่นเป๊ะตลอดเวลา

           เอิร์ท ของเอิร์ทช่วงแรกคือคุมอาหาร แล้วก็ออกกำลังกายโดยการโดดเชือกทุกวันเลย เพราะว่าจริง ๆ น่ะผมไม่ค่อยชอบเข้าฟิตเนส แต่ชอบbody weightมากกว่า พวกดึงข้อหรือวิดพื้น จะดึงข้อวันละ100 วิดพื้นวันละ 100 แล้วก็คุมอาหารบ้างแต่ไม่เคร่งขนาดนั้นน่ะครับ

           วิน โอ้โฮ ถ้าเล่าถึงการออกกำลังกายของผมนะครับ ผมจะเป็นคนที่ออกกำลังกายหนักมาก เคยใช้ชีวิตอยู่ในยิม 15 วันๆ ละประมาณ 16 ชั่วโมง เพราะฟิตเนสแถวบ้านผมเปิด 24 ชั่วโมงครับ ผมจะเป็นคนที่ติดยิมมาก ช่วงก่อนที่มี passion ว่าจะต้องประกวด ก็จะคุมอาหารด้วย ยกน้ำหนักด้วย เคยเล่นที 15 วันไม่พัก จนผมโทรมมากๆ เหนื่อยมาก ๆ ครับ

คนที่เล่นฟิตเนสบ่อย ๆ แล้วหุ่นดี เขาจะมีส่วนหนึ่งของร่างกายที่เขารู้สึกภูมิใจมาก ส่วนนั้นคือ?

           วิน ถ้าเป็นพื้นฐานของผู้ชายผมว่า‘หน้าอก’ครับ

           เอิร์ท : หน้าอกเหมือนกัน

           วิน : ใช่ หน้าอกกับแขน เพราะว่าถ้าหน้าอกเราดี แขนเราก็จะเดินยืดนิดหนึ่ง ปกติน่ะคนที่เริ่มเล่นฟิตเนสใหม่ ๆ เขาจะเล่นแต่แขน เขาคิดว่าถ้าแขนใหญ่ก็คือหุ่นดีแล้ว

          เอิร์ท จริง ๆ ก็ไม่ได้ผิดนะ

           วิน ใช่ ไม่ได้ผิด แล้วแต่ความชอบของคนเหมือนกันครับ แต่ผมว่าหน้าอก แต่ส่วนตัวผมจริง ๆ ผมภูมิใจในซิกแพคตัวเองนะ เพราะเป็นสิ่งที่กว่าจะขึ้นน่ะลำบากมาก และก็ดูแลยากมาก ๆ

           เอิร์ท แต่อย่าถามถึงซิกแพคตอนนี้นะ หายเกลี้ยง

           วิน: ใช่ครับ ช่วงนี้โควิดไม่ได้เข้ายิมครับเลย


คาดหวังกับซิทคอมเรื่องแรกอย่างไรบ้าง

            เอิร์ท คาดหวังมากครับ คาดหวังว่าจะทำให้ตัวเองแสดงแต่ละตอนให้ดีขึ้น ๆ ผมก็เลยขยันทำการบ้านมากขึ้น คนที่มีประสบการณ์น่ะครับว่า พี่ ผมไม่เข้าใจมันต้องเข้าถึงบทบาทนี้อย่างไร เพราะในชีวิตจริงเราไม่ได้มีความเป็นบอสขนาดนั้นเหมือนรักน่ะครับ แต่คุณรักจะมีความเป็นบอส มีความนิ่งในแบบของเขา ซึ่งผมรู้สึกว่าในความเป็นรัก ผมมองว่าเขาเหมือนเป็นสิงโตซึ่งล่าเหยื่อ แต่ว่าไม่ได้ล่าเหยื่อแบบตะครุบ แต่เขาจะใช้สายตามองว่าเออมาเมื่อไรโดนแน่

           วิน ล่าเหยื่อนี่คืออะไร หมายถึงผมเป็นเหยื่อเหรอ

           เอิร์ท ใช่แล้วล่ะ ก็ประมาณนี้ครับ จะกดดันเรื่องการทำการบ้านมากกว่ากับการแสดง แต่ไม่อยากจะกดดันมาก เพราะจะทำให้การแสดงที่ออกมาจะดูเครียด แล้วคนดูจะไม่สนุก

           วิน ส่วนของผมคาดหวังไหม มาก ๆ ครับ ผมอยากให้ทุกคนดูแล้วฟินไปด้วยกัน เพราะว่าทุกคนตั้งใจมาก พี่ ๆ ทีมงาน พี่ ๆ ผู้กำกับ ทีมเขียนบท หรือว่าทุกคน พี่ ๆ นักแสดงทุกคน และพวกผมสองคนก็เหมือนกัน พยายามให้มันออกมาดีที่สุด เพราะเราคาดหวังว่าอยากจะให้ทุกคนน่ะเขาติดตามเราไปตลอด รักเรา หลงรักรักและเดียว เราอยากให้ตัวละครตัวนี้อยู่กับทุกคนนาน ๆ ครับ

เมื่อกี้เห็นพูดถึงเรื่องร้องเพลง อยากจะออกsingleของตัวเองบ้างมั้ย

            เอิร์ท : อยากมาก เอาจริง ๆ นะ ได้ก็ดี ผมอยากออกsingleของตัวเองๆ เพราะจริง ๆ ผมชอบร้องเพลงและอยากจะมีเพลงเป็นของตัวเอง

           วิน : ถ้าสมมติได้ก็ดี ผมคิดว่าผมอยากจะมีโมเมนต์ที่เปิดคอมแล้วนั่งฟังเพลงตัวเองน่ะ

           เอิร์ท : แล้วยิ่งมีคนร้องตามได้ด้วยนะ

           วิน : ใช่ ๆ อยากจะมีคนร้องตามเพลงของเรา ถ้าอนาคตมีได้ก็ยินดีนะครับ

   


สุดท้ายฝากความฟินของรักเดียวหน่อย

          เอิร์ท : ผมบอกเลยว่าพี่ ๆ แฟนคลับทุกคนที่เป็นสาววายนะครับ เตรียมจิ้นกับซิตคอมรักเดียวนะครับ เป็นซิตคอมวายเรื่องแรกของประเทศไทย ผมบอกเลยว่าทุกคนจะไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะว่าจะมีความสนุก ความมัน ความแซ่บ ความซ่า ในซิทคอมเรื่องนี้นะครับ รักเดียวนะครับ แน่นอน

Text by Takeshi West

ซิตคอมรักเดียว
ออกอากาศทางช่องONE31
ทุกวันอาทิตย์ เวลา22.15.
ขอบคุณภาพประกอบซิตคอมจากช่องONE31

]]>
Mystic Boy ตรี – ภรภัทร ศรีขจรเดชา https://marshomme.com/interview/531566/ Fri, 18 Dec 2020 10:43:00 +0000 โดยTakeshi West

หนุ่มฮอตคนใหม่ของวงการ ณ ขณะนี้คงต้อยกให้กับ ตรี – ภรภัทร ศรีขจรเดชา นักแสดงหนุ่มอนาคตไกลของช่อง ONE31 ที่กำลังมีผลงานปังๆ อย่างละครเรื่อง “เลดี้บานฉ่ำ” ที่แม้เรื่องราวหลักๆ จะโฟกัสไปที่แก๊งของสาวประเภทสอง แต่สำหรับบทบาทของตรีที่ต้องแสดงเป็นท็อปนั้น หนักหนาสาหัสเอาเรื่องไม่น้อย “ในเรื่องผมรับบทท็อป ที่มีพ่อเป็นสาวประเภทสองครับ ซึ่งเราไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาเป็นสาวประเภทสอง แต่จู่ๆ วันหนึ่งเรามารู้ว่าเขาเป็นสาวประเภทสอง จึงทำให้เกิดเรื่องทั้งหมด จากชีวิตที่มีครอบครัวที่ดี มีความอบอุ่น ก็กลายเป็นความแตกหักและเป็นปัญหาของท็อปในเวลาต่อมาครับ”


Q : ฟีดแบ็กจาก“เลดี้บานฉ่ำ” เป็นอย่างไรบ้างครับ

A : ดีมากเลยครับถือว่าต้องขอบคุณกำลังใจจากทุก ๆ คนนะครับที่ติดตามชมเรียกว่าให้กำลังใจผมเยอะมากเลยครับ

Q : เรื่องนี้ฟีลในด้านการแสดงต่างจากเรื่องอื่นๆ ที่ผ่านมาหรือไม่ครับ

A : ต่างครับ ทั้งบรรยากาศ ผู้คนรอบ ๆ ตัว ที่ในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีสาวประเภทสองรายล้อมตัวผมตลอดเวลา และด้วยความที่เป็นคอเมดี้เสียส่วนใหญ่ บวกกับดราม่าด้วยครับก็เลยทำให้เลดี้บานฉ่ำ ไม่เหมือนละครเรื่องอื่นๆ ที่ผ่านมา

Q : ตรีอยู่วงการมากี่ปีแล้วและเข้าวงการมาได้อย่างไร

A : เรื่องปีนี่ไม่แน่ใจนะครับ แต่ถ้านับจากละครที่แสดงมาทั้งหมด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 5 ครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 5 ของผม ถามว่าตอนนั้นเข้าวงการมาได้อย่างไรเหรอครับ เรื่องมันค่อนข้างจะตลกนิดนึง คือจริงๆ ผมไม่ได้สนใจมาทำงานวงการนี้นะครับ แต่ที่มีโอกาสเข้าวงการมาได้ เพราะคุณพ่อไปตัดผมที่ร้านประจำซึ่งเป็นร้านเดียวกับ พี่ต๋อนที่ดูแลผมอยู่ทุกวันนี้ พ่อผมก็เอารูปไปอวดเจ้าของร้าน ประมาณว่า ‘นี่ไงลูกชายผม’ พี่เจ้าของร้านซึ่งก็รู้จักกับพี่ต๋อนก็เลยเอารูปไปโชว์พอพี่เขาเห็นรูปก็เลยทาบทามให้เข้ามาที่ช่องวันครับ นี่คือสาเหตุครับ

Q : ไม่อยากเข้าวงการมาก่อน แล้วความฝันตอนเด็ก ๆ เราอยากเป็นอะไร

A : ตอนเด็ก ๆ สมัยเรียนมัธยมต้นอยากเป็นหมอครับ แต่พอมา ม.ปลาย ชีวิตเกเรมากครับ เป็นเด็กที่ค่อนข้างจะเกเรและเฮี้ยวครับก็เลยไม่ค่อยมีจุดมุ่งหมายในชีวิตสักเท่าไรครับ เหมือนแค่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ครับ


Q : ตอนเข้าวงการนี่เรียนอยู่ ม.ปลาย หรือเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว

A : ตอนนั้นผมอยู่ปี 1 กำลังขึ้น ปี 2 ครับ แต่ผมเป็นเด็กซิ่วนะครับตอนแรกเรียนอยู่ที่เอแบคก่อน แล้วก็ซิ่วมาเรียนที่มหาวิทยาลัยรังสิตคณะนิเทศศาสตร์ ภาคอินเตอร์ครับ แต่ชีวิตผมโลดโผนนิดนึงนะครับเพราะก่อนเข้าเอแบคผมไปอยู่อังกฤษมาปีนึงครับ คือผมเนี่ยเป็นลูกคนเล็ก มีพี่อีก 2 คน แต่อายุเราห่างกันค่อนข้างมาก พี่คนโตอายุ 41 ครับ คนที่ 2 อายุ 38 ส่วนผมอายุจะ 26 ปี เป็นลูกหลงครับ ตอนเด็ก ๆ พี่คนที่สองจะเป็นพี่ชายที่ดุครับ ตีผม ตีสอน ดุ ว่า คอยตักเตือน คอยสอนการบ้าน ก็เหมือนวัยรุ่นสอนน้องแหละครับตีแบบยับเลยครับ เจ็บมากครับ ตอนนั้นผมโกรธมาก กะว่าพอโตขึ้นมาจะเอาคืนแต่พอเราโตมาจนถึงวันนี้ เราถึงเข้าใจในสิ่งที่พี่ทำ เขาหวังดีกับเรา ตอนเด็ก ๆ ผมเป็นเด็กติดเกมมาก ก็เลยโดนส่งไปอยู่โรงเรียนประจำ ที่อัสสัมศรีราชาพอไปอยู่โรงเรียนประจำแล้วก็ดีขึ้น จนเริ่มมีความฝันอยากเป็นหมอเพราะดูละครที่พี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์ แสดง มันเป็น passion ให้ผมอยากเป็นหมอมาก


แต่จู่ๆ วันหนึ่งคุณพ่อซึ่งเป็นศิษย์เก่ากรุงเทพคริสเตียนท่านอยากให้กลับมาเรียนที่นี่ครับ แต่มันก็มีช่วงแกปอยู่พักหนึ่งคือ ม.3-6 เราเริ่มใช้ชีวิตเสรี ด้วยคุณแม่ทำงานหนักไม่ได้ค่อยมีเวลาดูเราเท่าไร พี่ชายก็เริ่มทำงานของเขา เราก็เริ่มโตแล้วครับ ตอนนั้นก็เริ่มติดเพื่อน เจออะไรที่ไม่ดีมาบ้าง เป็นเด็กไม่ค่อยดีครับแล้ววันหนึ่งผมก็ตัดสินใจบอกคุณแม่ว่า คุณแม่ครับ ขอไปเรียนต่างประเทศได้ไหมตอนนั้นอยู่ ม.6 ไม่อยากอยู่กับสังคมตรงนี้เลยขอแม่ไปอยู่ที่อังกฤษปีหนึ่ง

Q : แล้วทำไมถึงตัดสินใจกลับมาจากอังกฤษ

A : คิดถึงคุณแม่ คิดถึงบ้าน แต่ให้มองย้อนกลับไปน่าจะเรียนต่ออยู่ที่นั่นน่าดีกว่านะ (หัวเราะ) แต่ผมว่าที่ตัดสินใจกลับมามันก็คงเป็นโชคชะตาที่อยากให้เรากลับมากลับมาเราก็เรียนปกติ เรียนที่เอแบคครับ แล้วก็เจอพี่ต๋อนก่อนจะตัดสินใจซิ่วไปอยู่รังสิต เพราะคิดว่าจะเรียนเบาลงสุดท้ายก็เรียนหนักเหมือนเดิมเลย แต่ว่ามันบวกกับการที่เราเริ่มทำงานเราโตเป็นผู้ใหญ่ด้วย มันก็ต้องแบ่งเวลา จัดสรรปันส่วนให้ดีครับ


Q : จากหมอ ทำไมถึงมาจบที่นิเทศได้

A : เอาจริงๆ ผมไม่รู้จะเรียนอะไรครับก็เลยคิดว่านิเทศน่าจะเหมาะกับเรามากกว่าครับและที่ผมเรียนมามันไม่ใช่เป็นแบบสื่อสารเฉพาะเจาะจงครับ จะเน้น Marketing Communication เสียมากกว่าครับ เป็นพวกการสื่อสารธุรกิจไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นฟิล์มหรือวิทยุโทรทัศน์ อะไรพวกนั้น

Q : พอมาเริ่มเข้าสู่วงการเนี่ยได้เล่นแสดงละครเรื่องแรกเลยหรือเปล่า หรือต้องไปเรียนการแสดงก่อน

A : ใช้เวลาอยู่ประมาณ 7 เดือนครับก่อนที่จะได้เล่นละครเรื่องแรก เล่นกับพี่บี้และพี่เอสเธอร์ครับชื่อเรื่อง เธอคือพรหมลิขิตครับ ตอนนั้นต้องเรียกว่ายังแสดงไม่เป็นเลยครับยังไม่เข้าใจ แค่รู้สึกว่าไม่อยากให้ตัวเองเป็นตัวถ่วงเรารู้สึกว่าแค่ท่องบทมาให้ได้ ไม่ต้องพูดผิดแค่นั้นพอครับ


Q : เรื่องแรกถือว่าทำให้แฟนคลับเรารู้จักเราเลยหรือไม่

A : ยังไม่ได้ทำให้คนรู้จักครับเพราะบทยังไม่ได้โดดเด่นหรือฉายแววมาก มาเริ่มมีคนรู้จักมากขึ้นก็ตอนเรื่องที่ 2 ครับ แต่เรื่องที่ทำให้คนจำได้น่าจะเป็นเรื่องที่ 3 กับที่ 4 สงครามนักปั้น กับ ภาตุฆาต ครับ

Q : ตั้งแต่แสดงมาชอบคาแรกเตอร์จากละครเรื่องไหนมากที่สุด

A : ผมชอบเรื่องภาตุฆาตครับเพราะว่าเรามีออฟเจคทีฟที่ชัดเจน ตัวละครมีโกลที่ชัดเจนแต่ก็ไม่ต่างกับสงครามนักปั้นที่เรามีโกลที่ชัดเจนเหมือนกันสำหรับบทเราเลยรู้สึกว่าเราอินและเราเชื่อกับสิ่งที่เราทำบวกกับการที่เราเล่นเป็นทหาร มันเลยเห็นภาพที่ชัดครับ ตอนนั้นก็ตัดผมเกรียนด้วยแสดงกับเน๋ง แล้วก็มีพี่แหม่มคัทลียา เป็นคุณแม่ครับ


Q : แล้วพอมาสวมบทบาทเป็นท็อปในเลดี้บานฉ่ำนี่จูนอารมณ์นานไหม

A : มันค่อนข้างเป็นดราม่าครับ จริง ๆ ชีวิตผมก็ค่อนข้างจะดราม่าอยู่แล้ว เราเป็นคนเซนซิทีฟกับอะไรง่าย ๆ เลยจูนเข้าหาบทได้ไม่ได้ยากและก่อนหน้านั้นเราก็โดนเคี่ยวเข็ญจากผู้กำกับมาเยอะครับ ในเรื่องที่ 2 เจอกับพี่ปุ๊ย ผอูน จันทศิริ เป็นผู้กำกับ ผมก็โดนกดดันจนร้องไห้เลยตอนนั้นเรายังไม่เข้าใจบท ไม่เข้าใจการแสดง ไม่เข้าใจในวิธีที่จะต้องแสดงออกมา
ไม่เข้าใจตัวละครจริง ๆ เลยถูกส่งไปเรียนเพิ่มบวกกับประสบการณ์ที่เราอยู่ในห้องเรียนบวกกับประสบการณ์ที่เราทำสนามจริงในสนามจริงมันทำให้เราสั่งสมประสบการณ์และแสดงออกมาได้ครับ

Q : ในชีวิตจริงสมมตินะว่าเราเจอกับเหตุการณ์มีพ่อเป็นสาวประเภทสอง เราจะทำอย่างไร

A : กับคุณพ่อแท้ใช่ไหมครับก็คงแสดงออกเหมือนกับที่ท็อปแสดงในเด็กอายุ 17 แต่เราบวกกับชีวิตจริงเราไม่ได้มันยากสำหรับผม เพราะว่าผมโตมาในครอบครัวที่คุณแม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวครับ ซึ่งคุณพ่อก็เจอบ้าง คุณพ่อไม่ได้อยู่กับเราตลอดเหมือนในละคร แต่ซึ่งตัวละครท็อปเป็นครอบครัวที่มีความสุข เป็นครอบครัวที่อบอุ่น ซึ่งมันต่างกับตัวเรามากครับ ตอนแรกเราก็ไม่เข้าใจเพราะว่าทุกวันนี้เราผูกพันกับคุณแม่เสียมากกว่าคุณพ่อ ทำให้เราคลิกมากกว่าแต่พอเรามาเจอคุณพ่อที่กำลังแปลงเพศในละคร เราคิดว่าเรากำลังเสียคุณพ่อไปกลายเป็นเรากำลังเสียแม่ไป คุณพ่อที่จะเทิร์นเป็นผู้หญิงเป็นแม่ ซึ่งเราไม่อยากได้แบบนั้น จริง ๆ เขาก็มีเหตุผลของเขา เราก็มีเหตุผลของเรา


Q : อยู่วงการมาก็หลายปีแล้ว ณ จุดนี้เรารู้สึกอย่างไรกับจุดที่เรายืนอยู่

A : ผมรู้สึกว่ามันดีกว่าทุก ๆ ปี เพราะมันดีขึ้นเรื่อย ๆ ครับ อาจจะไม่ได้โด่งดังแบบก้าวกระโดด แต่เราพอใจกับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ผมรู้สึกว่ามันเป็น passion ของเราให้เราไดรฟ์ขึ้นไปเรื่อย ๆ ถ้าวันนี้มันยังไม่ดีสักวันมันต้องดีครับ

Q : เมื่อกี้ตรีบอกว่าเป็นคนสนใจแฟชั่นด้วยสไตล์ของเราเป็นอย่างไรบ้าง

A : ครับผม ตอนเด็ก ๆ เป็นคนเลือกใส่เสื้อผ้า เป็นคนเลือกเองตั้งแต่ ม.1-2 ม.1-6 ตอน ม.1-2 ใส่ขาสั้นที่เป็นยีนส์ขาด ๆ ใส่ดอกเตอร์มาร์ติน ไม่รู้เอาความมั่นใจอะไรมาจากไหน แล้วก็ใส่เสื้อมัดย้อมครับมันเป็นแนว ๆ อยู่ ไปเดินจตุจักร ก็ไปเลือกซื้อ Converse ซื้อเสื้อผ้ามือสองไปหลอกขายเพื่อนที่อัสสัมศรีก็มีครับส่วนสไตล์ของเรา ก็ไปเรื่อยครับ จริง ๆ ก็สตรีท บางทีก็วินเทจแล้วแต่วันนี้เราจะไปไหนครับ คือเราก็มีเสื้อผ้าหลาย ๆ แนวไว้ วินเทจก็มีสตรีทก็มี เรียบหรูก็มี ลักชัวรี่แบบแบรนด์เนมก็มีบ้างครับ

Q : กิจกรรมยามว่าง ถ้าไม่ได้ทำงานตรีจะ

A : ตอนนี้ฝึกร้องเพลงอยู่ครับเพิ่งเริ่มร้องเพลงได้ประมาณ 2-3 เดือน

Q : มีแผนจะออกซิงเกิ้ลสินะ

A : ไม่มีแผนครับ แต่ว่ามันต้องใช้ขึ้นคอนเสิร์ต Fantopia ครับก็เลยได้ฝึกร้องเพลงครับ ตอนแรกต้องเท้าความก่อนผมไม่ชอบแสดงออกผมไม่ชอบให้คนมาจับจ้อง ผมไม่ชอบเป็นจุดเด่น ไม่ชอบให้คนมาสนใจ อย่างในไอจีตอนแรกไม่เปิดไอจีพับบลิคนะ ล็อคไว้ ไม่ลงรูป ไม่อะไรทั้งนั้นครับ แต่ทุกวันนี้ต้องเปลี่ยนตัวเองหมดเลย แต่เราไม่ได้ถูกบังคับให้เปลี่ยนเพราะว่าเราโตขึ้น เราต้องทำงาน เราไม่ต้องมีคำถามว่าเราต้องทำทำไม เราทำพอนะเราทำแล้วเราก็รู้สึกว่าเราไม่ได้อึดอัดอะไร เราก็เลยทำ


Q : วันนี้ถ้าให้ประเมินการแสดงของเราให้กี่คะแนนดี

A : ถ้าจากเมื่อก่อน เมื่อก่อนเรื่องแรกๆ ผมให้คะแนนอยู่ประมาณ 3 ตอนนี้ผมให้ 7 แล้วกัน ก็อาจจะไม่ได้เต็ม 10 แต่ว่าเรารู้สึกว่าเรามีพัฒนาขึ้นครับกับการเล่นละคร

Q : พี่สนใจประเด็นหนึ่งที่ตรีบอกว่าเป็นคนไม่ค่อยให้ใครมาจับจ้องมองเราจนถึงขนาดปิดไอจี เป็นคนที่มีสเปซส่วนตัวสูงสินะ

A : ผมไม่ใช่คนเปิด ขนาด Facebook หรือ Hi5 ก็ไม่ชอบ เพื่อนแอดมาใน Facebook ผมยังให้แค่เพื่อนเท่านั้นที่จะมาเป็นเพื่อนเราอีกอย่างผมไม่ชอบถ่ายรูปด้วย ชอบถ่ายคนอื่นมากกว่า แต่ไม่ชอบให้คนอื่นถ่ายเรา ถ้าจะถามว่าเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงไหมผมไม่รู้ว่าคนอื่นเขาจะบอกว่าผมมีโลกส่วนตัวสูงหรือไม่สูงอย่างไร ผมว่าตัวเองไม่สูง แต่คนอื่นเขาบอกว่าเธอน่ะโคตรมีสเปซสูงมาก ซึ่งผมก็ไม่รู้ตัวหรอกครับ บางทีไม่รู้ว่าเราเป็นอย่างไร ต้องให้คนอื่นมองครับ


Q : แล้วพอเราเข้าวงการต้องเล่นโซเชียลมีเดียมากขึ้น เพื่อเซิร์ฟกลุ่มแฟนคลับ ปรับตัวยากไหม

A : ปรับตัวยากมากครับต้องเปลี่ยนตัวเองอย่างที่ผมบอกครับก็แบบมีปากมีเสียงกันนิดหน่อยว่าต้องเปลี่ยนตัวเองนะอาจจะไม่ถึงมีปากมีเสียงนะ แต่เป็นการสอนว่าเราก็ต้องทำครับ มันไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงหรอกเพราะตอนนี้เราก็เข้าใจโลกมากขึ้นครับ เข้าใจว่าเราควรจะทำอะไร เพราะเราทำอะไรอยู่เราไม่ใช่คนเดิมแล้ว เราเป็นคนของประชาชนทุกคนสามารถพูดถึงเราสื่อสารกับเราได้ครับ

Q : เมื่อกี้ตรีบอกว่าเป็นคนไม่ค่อยชอบถ่ายรูปทำไมถึงไม่ชอบให้ใครมาถ่ายรูปเราล่ะ ไม่มั่นใจในตัวเอง?

A : ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่หล่อครับผมคิดอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว พอตอนนี้เราเป็นพระเอกแล้วบางทียังคิดเวลาส่องกระจกว่านี่เหรอพระเอก นี่เหรอที่จะเป็นนักแสดง บางทีไม่มั่นใจในตัวเองด้วยครับมีความรู้สึกแบบนั้น ผมเคยคิดเสมอว่าพระเอกอาจจะต้อง Perfect เสียทุกอย่าง แต่ว่าบางทีมันไม่ต้อง Perfect ก็ได้ พอโตมาถ้ามันไม่ดีก็ไม่เป็นไร ตอนเด็ก ๆ ถ้าไม่ดีก็จะไม่ทำเลย แต่พอโตแล้ว จะคิดอีกแบบ ทำไปก่อนไหม แล้วสักวันมันอาจจะ Perfect ก็ได้

Q : เป็นนักแสดงเต็มตัวแล้ว ตอนนี้ดูแลตัวเองอย่างไรเข้าฟิตเนสบ้างมั้ย

A : ช่วงนี้ จริง ๆ เข้านะครับ แต่เมื่อก่อนเข้าหนักมาก ผมเป็นคนที่เวลาทำอะไรก็จะทำแบบบ้าไปเลยครับเคยเข้าฟิตเนสที 7 วัน
กินเวย์กินตัวช่วยที่มันทำให้เราเล่นได้เยอะ แต่พักหลัง ๆ นี้พอเรารู้ว่าเป้าหมายของเราคืออะไร เราไม่ได้กิน เราไม่ได้เล่นไปเพื่อประกวดเราเล่นเพื่อ maintain สิ่งที่มันมีอยู่แล้วให้มันอยู่ได้นานที่สุดตอนนี้ก็เล่นมาประมาณ 7-8 ปี แล้วครับ ไม่ได้เล่นให้มันใหญ่เพราะเคยตัวใหญ่แบบ 80 โลมาแล้ว แต่ตอนนี้ผมหนักแค่ 71 ครับ กำลังดี

Q : รักษารูปร่างได้ดีแบบนี้นี่เองเลยทำให้ในบทเรื่องนี้ฉากมีถอดเสื้อบ่อยๆ

A : ครับ มีทั้งถอดเสื้อ มีทั้งบู๊มีทั้งถอดเสื้อและบู๊ เสียน้ำตา หัวเราะ ลุย บากบั่นมากครับเรื่องนี้ บากบั่นจริงๆ ครับ ก็ตั้งแต่ถ่ายมาเรื่องนี้ก็หนักที่สุดแล้วครับ แต่ถ้าถามว่าอายไหมก็ไม่อายนะครับ มันอายไม่ได้ เพราะมันต้องทำครับ เราก็ต้องภูมิใจ เราต้องมั่นใจนิดหนึ่งครับเพื่อเราจะได้แสดงออกมาดี และบางทีเราอาจจะเป็น passion ให้คนอื่นที่อยากจะมีหุ่นที่ดีเหมือนเราก็ได้นะครับ


Q : วางเป้าหมายของตัวเองไว้ว่าอย่างไรว่าอีก 5 ปี ข้างหน้า หรือ 10 ปี ข้างหน้าเราอยากจะทำอะไรอยากจะไปอยู่ตรงจุดไหน

A : อยากอยู่ที่จุดไหนไม่เคยมองภาพไกลขนาดนั้นครับ อยากให้มันค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป มากกว่าเราไม่ได้มีเป้าหมายว่าเราถึง เราอาจจะมีเป้าหมายว่าอายุเท่านี้เราอยากเป็นแบบนี้ แต่ว่าสำหรับหน้าที่การแสดงมันก็มีเป้าหมายไม่ได้จริง ๆ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เราทำไปมันจะดีหรือไม่ดี มันจะได้หรือไม่ได้ ซึ่งถ้าเราคาดหวังมาก ๆ มันจะเป็นมีดมาทิ่มแทงเรามากกว่าเพราะถ้าวันหนึ่งที่เราผิดหวังแล้วเราเสียใจ มันอาจจะเสียใจมากกว่าคนอื่น ๆ เขาอะไรอย่างนี้ ไม่อยากทำร้ายตัวเองเสียมากกว่า ก็ถ้ามันค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปแล้วมันไม่ทำร้ายเรา มันน่าจะดีกว่าครับ

Q : ฝากผลงานล่าสุดหน่อยครับ

A : ก็ขอฝากละครเรื่องเลดี้บานฉ่ำด้วยนะครับทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.15 น. ทางช่องวันนะครับ รับบทเป็นท็อปนะครับ ก็ฝากให้กำลังใจผมเยอะ ๆ นะครับ แล้วก็ฝากให้กำลังใจพี่นักแสดงท่านอื่นด้วยนะครับรับรองว่าทุกคนจะได้ทั้งเสียงหัวเราะน้ำตา รอยยิ้ม แล้วก็ความอบอุ่น ความข้อคิดดีๆ แน่นอนครับ ฝากด้วยนะครับ เลดี้บานฉ่ำครับ

]]>