Warning: Cannot modify header information - headers already sent by (output started at /var/www/marshomme.com/wp-content/plugins/wp_mgr_id/wp_mgr_id.php:1) in /var/www/marshomme.com/wp-includes/feed-rss2.php on line 8
Hilight2 – Marshomme https://marshomme.com Wed, 07 Dec 2022 11:19:13 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.2.20 https://marshomme.com/wp-content/uploads/2019/10/logo2_icon-90x90.png Hilight2 – Marshomme https://marshomme.com 32 32 ปอนด์-ภูวิน คัมแบ็กใน “เพื่อนายแค่หนึ่งเดียว” https://marshomme.com/aboy/532367/ Wed, 07 Dec 2022 10:12:00 +0000         สิ้นสุดการรอคอยที่แสนนานสักทีกับแฟนคลับของ #ปอนด์ภูวิน เมื่อซีรีส์วายเรื่องใหม่ ที่เลตมาแสนนาน “เพื่อนายแค่หนึ่งเดียว Never Let Me Go” ได้ฤกษ์ออนตอนแรกวันอังคารที่ 13 ธันวาคมนี้แล้ว


       ทีมนักแสดงนั้น นอกจาก ปอนด์ ณราวิชญ์ เลิศรัตน์โกสุมภ์ และ ภูวิน ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน แล้ว ยังมีคู่รองเจิดๆ อย่าง เพิร์ธ ธนพนธ์ สุขุมพันธนาสาร และ ชิม่อน วชิรวิชญ์ เรืองวิวรรธน์ ด้วย ดูทรงแล้ว เรื่องนี้ท่าทางจะปังๆๆๆ


        “เพื่อนายแค่หนึ่งเดียว” เล่าเรื่องราวของหนึ่งเดียว (ภูวิน ภูวินทร์) และแม่ ธัญญ่า (ออร์แกน ราศี) ที่กำลังตกอยู่ในอันตราย หลังจากที่พ่อของเขาถูกลอบยิงจนเสียชีวิต ปาล์ม (ปอนด์ ณราวิชญ์) จับพลัดจับผลูให้ต้องมาดูแลคุณหนูหนึ่งเดียวในฐานะบอดี้การ์ดส่วนตัว เมื่อหน้าที่กับหัวใจ…กลายเป็นเรื่องเดียวกัน มาตามลุ้นกันว่า ชีวิตของทั้งสองคนจะเปลี่ยนไปอย่างไร?และความสัมพันธ์ของพวกเขาจะพัฒนาไปแค่ไหน?


“เพื่อนายแค่หนึ่งเดียวNever Let Me Go”
ติดตามชมได้ทุกวันอังคาร เวลา20.30 น. และทางYoutube : GMMTV

Text : Takeshi West
Photo : GMMTV
IG phuwintang

]]>
นักขี่ม้าหน้ามน หนุ่มหล่อจากไต้หวัน “Cheng Chang Fan” https://marshomme.com/aboy/532346/ Thu, 16 Jun 2022 13:14:00 +0000
        นานๆ จะเจอนักขี่ม้าหล่อๆ สักที ต้องพามาแนะนำกันหน่อย Cheng Chang Fan (范成章) หนุ่มไต้หวันคนนี้ เรียนขี่ม้ามาตั้งแต่เด็ก ก่อนจะเข้าสู่เส้นทางนายแบบ ที่ทำให้มีโอกาสได้ร่วมงานกับแบรนด์ดังระดับไฮเอนด์ อาทิ Dior, Hugo Boss และ Burberry


         มีโอกาสได้แสดงซีรีส์วายชิ้นแรกในชีวิต Craving You เมื่อปี 2020 ด้านการศึกษา จัดว่าไฮโซทีเดียว เขาจบจาก University of the Arts ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทำให้มีความรู้ด้านศิลปะและความงามดีทีเดียว นอกจากนี้ Chengยังเป็นเจ้าของร้านจัดดอกไม้ Cheng & Mach Exotic Florist ในไทเปอีกด้วย

Photo @chengchangfan

]]>
‘ไทม์-โอบนิธิ’ หนุ่มลูกครึ่งไทย-ปากีสถาน ผู้คว้าตำแหน่ง ‘Man Hot Star Thailand 2022’ คนแรก https://marshomme.com/scoop/532320/ Mon, 18 Apr 2022 15:29:00 +0000
         บ้านเราก็ช่างจัดประกวด!! สารพัดกองประกวดชาย-หญิงที่มีมากจนจำชื่อไม่ได้ ล่าสุดที่เพิ่งผ่านไปไม่นานนี้ ได้แก่ 
“Man Hot Star Thailand 2022” ที่จัดขึ้น ณ SHOW DC Hall (ชั้น 6) โดย บริษัท มิสเตอร์ อินเตอร์เนชันแนล สตาร์ (ไทยแลนด์) จำกัด และหนุ่มที่คว้าตำแหน่ง Man Hot Star Thailand 2022 คนแรก ได้แก่ “ไทม์ – โอบนิธิ กาญจนปรมาภา”


         ไทม์ เป็นหนุ่มลูกครึ่งไทย-ปากีสถาน ที่มีดีกรีบัณฑิตทางวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยฮุสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ชนะใจเหล่าคณะกรรมการ ด้วยบุคลิกภาพ ความหล่อสดใส และศักยภาพความสามารถที่โดดเด่นเฉพาะตัว


         ก่อนเข้าร่วมประกวด Man Hot Star Thailand 2022 'ไทม์ – โอบนิธิ' เคยเข้ารอบ 10 คนสุดท้ายของการประกวด GQ MEN 2021 และเคยผ่านงานโฆษณาและเดินแบบมาหลายชิ้น ในอนาคตอันใกล้นี้ เราคงได้เห็นผลงานของหนุ่มคนนี้มากขึ้นแน่นอน

Photo :
กองประกวดMan Hot Star Thailand
IG @obnithik_

]]>
เตรียมกรีดร้องสุดเสียงให้ “แฮร์รี่ สไตล์ส” กับบท ‘เกย์ตำรวจ’ ครั้งแรกในชีวิตการแสดง https://marshomme.com/scoop/532292/ Mon, 21 Mar 2022 16:06:00 +0000
           สาวก One Direction คงไม่มีใครไม่รู้จัก แฮร์รี่ สไตล์ส เป็นแน่ เพราะนอกจากความหล่อเหลาและสไตล์การแต่งตัวตามยุคสมัย ก็จัดว่าแซ่บ จนบ่อยครั้งที่สื่อสายกอสสิบขี้เมาท์ของฝรั่ง ชอบคำถามบ่อยๆ ว่า แฮร์รี่ สไตล์ เป็นเกย์หรือไม่


         FORGET IT ค่ะ ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนี้

         ผู้ชายแบบแฮร์รี่ สไตล์ส คือผู้ชายที่มาพร้อม attitude ที่เปิดกว้างในเรื่องเพศ และฮีสามารถแต่งตัวในสไตล์androgynous ที่ไม่จำเป็นต้องระบุเพศ แต่สนุกกับการแต่งตัวแที่แม้เครื่องแต่งกายหลายๆ ชิ้นจะเป็นของผู้หญิงก็ตาม ส่วนรสนิยมทางเพศนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง


           ล่าสุด แฮร์รี่ สไตล์ส ท้าทายชีวิตการแสดงของตัวเองอีกครั้งกับบทเกย์ตำรวจ ใน ผลงานการกำกับของผู้กำกับ ไมเคิล กราเดจ ที่หยิบเอานิยายดังของ Bethan Robert มาดัดแปลงเป็นหนังที่มีเซ็ตติ้งเป็นยุค 90s ในเมืองไบรท์ตัน ประเทศอังกฤษ


          My Policeman เป็นเรื่องราวรักสามเส้าระหว่าง มาเรียน (เอมม่า คอร์ริน) ที่ดันไปตกหลงรัก ทอม (แฮร์รี่ สไตล์ส) นายตำรวจหนุ่มรูปหล่อ แต่เผอิญว่าทอมนั้นเป็นเกย์ และแอบมีความสัมพันธ์ลับๆ กับแพทริค (เดวิด ดอว์สัน และรูเพิร์ต เอเวอเรตต์) มาหลายปี และรับรู้เหตุการณ์ที่มีผู้หญิงมาชอบแฟนหนุ่ม ทั้งสามจึงจัดฉากให้มาเรียนแต่งงานกับทอม เพื่อปกปิดความลับทั้งหมด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างคู่เกย์กับหญิงสาวมันไม่ง่ายอย่างทีคิด เพราะทันทีที่ใครคนหนึ่งทำเรื่องโป๊ะแตก ความสัมพันธ์ก็พร้อมที่จะแตกร้าวในคราเดียวกัน

]]>
“รักเดียว” ซิตคอมวายเรื่องแรก ที่มี“เอิร์ท ธนกฤต” และ “วิน ทรงสิน” เป็นคู่จิ้นชวนฟินจิกหมอนและฮาไปพร้อมๆกัน https://marshomme.com/interview/532249/ Mon, 07 Feb 2022 11:07:00 +0000           ใครๆ ก็บอกว่าซีรีส์วายไทยกำลังเฟื่องฟู เพราะโด่งดังไปทั่วโลกและทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ จะจริงตามนั้นหรือไม่ เมื่อดูจากสถิติการประกาศสร้างซีรีส์วายในช่วงปี 2563-2564 ที่รวมกันมากกว่า 100 เรื่อง ดูท่าแล้วว่าซีรีส์วายไทยจะมาถูกทาง แต่ข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ เห็นจะเป็นจำนวนโปรเจ็กต์ที่ประกาศมานั้น ล้มไปก็ไม่น้อย จำนวนกว่าครึ่งร้อยยังสร้างไม่เสร็จ และที่ออนไลน์(และออนแอร์)แล้ว “แป้ก” ก็มีมากเช่นกัน

ทำไมหลายเรื่องจึง“แป้ก” ?

          เรื่องนี้หาคำตอบไม่ยาก เพราะเนื้อหามันวนอยู่ในอ่างไงล่ะ แต่เราก็ได้เห็นความตั้งใจของนักเขียนหลายๆ คน รวมทั้งผู้ผลิตที่มีความพยายามในการหาแนวทางการนำเสนอเนื้อหาใหม่ๆ แต่ซีรีส์ที่‘แหวก’และ‘แหกขนบ’วาย(ที่เน้นโมเมนต์จิ้นๆ ฟินๆ)ไปไกลสุดกู่ ณ เพลานี้ คงต้องยกนิ้วให้ “รักเดียว”ซิตคอมวายเรื่องแรกจากช่องวัน31ที่เพิ่งจะออนแอร์เมื่อเร็วๆ นี้ ทำเอาสาววายตะลึงตึงโป๊ะไปตามๆ กัน เพราะมันฮาเกินกว่าจะเก็บไปฟินน่ะสิคะ แม่จ๋า

          คู่พระเอก-นายเอกหน้าใหม่ “เอิร์ท-ธนกฤต ตาละโสภณ” และ “วิน-ทรงสิน ใจพันธุ์” ดูจะเคมีเข้ากันไปดี และไปได้สวยกับแนวทางซิตคอมที่ต้องปล่อยมุกเรียกเสียงฮาอยู่เรื่อยๆ(งานถนัดของช่องนี้เลยทีเดียว ดูผลงานเก่าๆ อย่างเป็นต่อ,บางรักซอย9และเสือ เก้ง ชะนี ก็เชื่อขนมกินได้)เอิร์ท-ธนกฤต อาจจะไม่ใช่หน้าใหม่ซะทีเดียว เพราะเคยมีผลงานออกมาบ้างจากซีรีส์และงานโฆษณา ส่วนวิน-ทรงสิน นั้นใหม่เอี่อมอ่องถอดด้านมาเลี่ยมทอง เพราะเปิดซิงที่นี่เป็นที่แรก

กว่าจะมาลงตัวกันที่คู่นำซิตคอมรักเดียวเอิร์ทวินทำอะไรกันมาก่อน

         เอิร์ทของเอิร์ทเริ่มจากการแคสต์งานโฆษณา เดินแบบ และมีโอกาสได้ไปเล่นละครบ้าง แต่ไม่ได้เป็นตัวเมนหรือตัวหลักครับ พอดีมีผู้ใหญ่เห็นผมจากทางโฆษณาว่าหน่วยก้านดี เลยเรียกเรามาคุยกับผู้ใหญ่ทางช่องวัน จนสุดท้ายก็ได้มาเจอซิตคอมรักเดียว ที่มีโอกาสได้เล่นเป็นตัวเมนครับ รู้สึกตื่นเต้น และตกใจมากที่รู้ผลว่าแสดงได้ซิตคอมเรื่องนี้

          วินวินเป็นคนเชียงใหม่ เคยเป็นนายแบบ ถ่ายแบบ และเคยประกวดมาหลายเวทีครับ จากเชียงใหม่ก็มากรุงเทพฯ เลยครับ คือมีผู้ใหญ่ทางช่องวันเขาติดต่อไปว่า อยากให้ลองมาแคสต์ซิตคอมเรื่องนี้ดู ผมคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีนะ เลยตัดสินใจลองมาแคสต์ ได้มาเจอกับพี่ ๆ ที่มาแคสต์ด้วยกันหลาย ๆ คน มาเจอกับพี่ ๆ ทีมงาน ผู้กำกับ ตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่าได้หรือเปล่า ช่วงรอคำตอบนานมากกกกกก ตื่นเต้นมาก ๆ


วินเป็นคนเหนือ ตอนที่รู้ว่าจะต้องมาแสดงซิตคอม ปรับวิธีการพูดนานไหม

           วินเป็นคนใช้ภาษาเหนือมา 19 ปี พอปีที่ 20 ย้ายมากรุงเทพฯ เราก็ต้องขยันพูดมาก ๆ พอมาอยู่ตรงนี้ใช้เวลาปรับนานมากครับ 3-4 เดือน ทางช่องส่งให้ไปเรียนกับครูภาษาไทย เพื่อปรับการพูดครับ กว่าจะพูดวรรณยุกต์ สระ ร เรือ ล ลิง ได้ชัดนี่ อู้หู ลำบากเหมือนกัน ผมเลยตั้งใจปรับเปลี่ยนการพูดจนดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน หลัง ๆ มานี่เริ่มไม่มีคอมเมนต์เรื่องการพูดเหน่อ หรือว่าพูดเสียงขึ้นจมูกแล้ว

พอรู้ว่าต้องมาเล่นซิตคอม และเป็นซิทคอมวายด้วย ตอนนั้นรู้สึกอย่างไร

         เอิร์ทผมรู้สึกว่าเป็นเหมือนงานงานหนึ่งที่รู้สึกว่าอยากทำนะ รู้สึกว่ามันท้าทายกับอาชีพนักแสดงเหมือนกัน ในการที่เข้ามาเล่นซิตคอมวาย เพราะปกติจะต้องมีนางเอกพระเอกใช่ไหมครับ แต่วายจะเปลี่ยนเป็นนายเอกแทนซึ่งท้าทายความสามารถของนักแสดงนะครับ แล้วก็ต้องทำการบ้านกันเยอะเหมือนกัน


         วิน : ผมคิดว่ามันเป็นความท้าทายจริง ๆ แหละ แต่มันปนกับความสนุกที่น่าสนใจนะ อยากลองเล่น เป็นซิตคอมวายเรื่องแรกของประเทศไทยด้วย ผมคิดไว้ในหัวว่ามันต้องสนุก ต้องมีความฮาทุกอีพี

        เอิร์ท ความซิตคอม ความสนุกต้องมาแน่นอน แล้วยิ่งมาเจอพี่นก(จิรศักดิ์ โย้จิ๋ว)ผู้กำกับ เสือ ชะนี เก้ง และเป็นต่อ ที่เราดูตั้งแต่เด็ก ได้สัมผัสกับซิตคอมพวกนี้ตั้งแต่เด็กด้วยแล้ว ทำให้รู้สึกว่าซิตคอมรักเดียว มันต้องออกมาครบรสแน่นอน

คาแรกเตอร์ในรักเดียวเป็นอย่างไร

         เอิร์ท คาแรกเตอร์ของเอิร์ทน่ะ จริง ๆ ไม่ได้เป็นคนตลก แต่จะมีกิมมิกในความที่นิ่งของบทรัก ซึ่งจะแตกต่างกับบทเดียว ตรงความนิ่งตรงนี่แหละที่จะทำออกมาฮา และเป็นความคอนทราสต์กับเดียวนะ

         วิน : ถ้ารักกับเดียวเจอกันมันจะมีความฮาอยู่ในนั้น เพราะว่าสองคนนี้จะเป็นตัวกัดกันตลอด ผมจะเป็นคนที่กัดเขาตลอด แล้วเขาจะเป็นคนรับ บางทีถ้าเขามีแผนของเขา เขาก็จะเอาคืน เพื่อจะทำให้ผมเสียหน้า หรือว่าทำให้ผมอับอายให้เพื่อน ๆ ผมล้อผม เพราะว่าคาแรกเตอร์ของเดียวจะเป็นคนที่ขี้โวยวาย จะเป็นคนที่มั่นใจในงานของตัวเอง เวลาเอาไปเสนอเขา เขาบอกงานนี้ยังไม่ดี ถ้ามันไม่ดี ต้องอธิบายว่าเพราะอะไรถึงไม่ดี ถ้ามันถูกคือจะแก้ แต่ถ้าไม่ถูกคือไม่แก้

         เอิร์ท คือฝั่งคาแรกเตอร์เดียวเขาจะมีเหตุและผลของเขาเยอะมากเลยครับ แต่รักนี่เขาจะมีความเป็นหัวหน้างาน ซึ่งเขาก็มีเหตุผลกับเขาน่ะแหละ แต่เขาจะไม่มีรายละเอียด เขาจะเป็นผู้ชายที่ตงฉิน ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ แต่คนนี้จะดีเทลเยอะกว่า


คาแรกเตอร์ในซิตคอมกับเราตัวจริง ๆ ต่างกันมากมั้ย

        เอิร์ท คาแรกเตอร์ของรักกับเอิร์ท เอิร์ทรู้สึกว่ามีความคล้ายคลึง โดยความที่จริง ๆ ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดกับคนเยอะเท่าไร เป็นคนโลกส่วนตัวสูงครับ

         วิน ใช่พี่เขาเงียบ ๆ ตอนผมเจอครั้งแรกเขายังไม่ค่อยคุยเลย แต่ผมอ่ะ‘เฮ้ยพี่’ผมจะเป็นคนที่เสียงดังตลอด พี่เขาจะบอกพูดเบา ๆ ก็ได้ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน เขาจะเป็นคนที่เวลาเจอผม เหมือนผมคุยกับเขาอะไรสักอย่างผมก็จะตะโกนอยู่นั่นน่ะ พี่เขาก็จะต้องคอยบอกว่าเบาๆ เสียงลงหน่อย มาคุยกับผม ผมก็ไม่รู้สึกเหงาน่ะ หลัง ๆ มาพี่เขาเริ่มติดผมแล้วนะครับ ติดนิสัยไปแล้ว(หัวเราะ)

       เอิร์ท ติดความเสียงดังจากมันนี่แหละครับ

วินเป็นคนช่างพูดหรือหรือพูดมาก

        วิน ใช่ครับ พูดมาก เพราะว่าผมเป็นคนที่อยู่เงียบมากๆ ไม่ได้ ถ้าจะอยู่กันหลาย ๆ คน ผมจะเป็นคนหนึ่งที่ตะโกนแหกปากเสียงดัง นั่นแหละครับ คาแรกเตอร์นี้มีความคล้ายคลึงผมมาก มันไม่ใช่แค่ คนที่มั่นใจในตัวเองมาก ๆ ในแบบมั่นใจเกินเบอร์ ที่ไม่สนใจว่าคนอื่นจะให้แก้ไขอะไร ไม่ฟังใครสักอย่าง แต่ผมก็ทำการบ้านเพิ่มนะ ลองไปคุยกับพี่ ๆ หลาย ๆ คนว่า พี่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองหรือเปล่า พี่เป็นคนที่เรียนเก่งแบบนี้แล้วพี่มั่นใจหรือเปล่า หลาย ๆ คนก็มาช่วยแชร์ประสบการณ์นี้ พอทำการบ้านกับตัวละครมากๆ เข้า มันก็เออพอเข้าใจความรู้สึกนี้เหมือนกัน


ปกติความวายนี่มันจะต้องเล่นเรื่องโมเมนต์ และความเข้าขากันของนักแสดง ครั้งแรกที่มาเจอกันปุ๊บ ใช้เวลาจูนกันนานไหม กว่าที่เคมีจะลงตัวกัน

         เอิร์ท :ไม่นานครับ

         วิน ต้องเรียกว่าจูนหรือเปล่า พอเดินมาเจอกันก็‘เฮ้ย’ใส่กัน อย่างนี้เลย

         เอิร์ท มันไม่ต้องจูนอะไรเยอะ สำหรับเราเจอกันครั้งแรก สนิทกันเลยครับ บอกไม่ถูกเหมือนกัน อยู่ดี ๆ สนิทกันเฉยแล้วพอไปเรียนแอ็กติ้งก็เริ่มเรียนรู้ซึ่งกันและกันเยอะขึ้น คลาสแอ็กติ้งช่วยละลายพฤติกรรม แล้วก็ได้ไปฟิตเนสด้วยกันอีก มันก็เลยเหมือนอยู่ด้วยกันเกือบทุกวัน

          วิน เพราะว่ามันเดินทางด้วยกันบ่อยไงครับ เดินทางไปเรียนผมจะติดรถพี่เอิร์ทไป ตอนกลับพี่เอิร์ทก็กลับมาส่งคอนโดอย่างนี้ มันทำให้เราสนิทกันไวขึ้นครับ

งานวายชิ้นแรก เราเคยดูซีรีส์วายมาก่อนไหม
    
          เอิร์ท ซีรีส์วายผมยังไม่มีโอกาสได้ดูเป็นเรื่องเป็นราว เห็นผ่าน ๆ บ้าง ก็รู้สึกว่านักแสดงทุกคนมีความตั้งใจที่จะทำงานของแต่ละเรื่องให้ออกมาดีที่สุด รวมถึงตัวเอิร์ทกับวินด้วยครับ มันไม่ได้เกี่ยวว่าต้องเป็นซีรีส์วายแล้วเราจะเล่นไม่ได้ ไม่ใช่เลย ยิ่งอยากเล่นเข้าไปอีก มันเป็นความท้าทายอีกบทเรียนหนึ่งที่เราต้องเล่นร่วมกัน
           วิน :ใช่ครับ


เกร็งไหมถ้าแฟนคลับจะคาดหวังความมุ้งมิ้ง ให้ได้ไปฟินกันต่อทั้งในซีรีส์และนอกจอ

         วิน ผมว่ามันถูกอยู่แล้วนะครับที่แฟนคลับจะคาดหวังน่ะ คือถ้าเราไม่อยากเกร็ง เราต้องทำงานตัวนี้ออกมาให้ดีที่สุด

          เอิร์ท มีอยู่แล้วครับ ในเหตุการณ์ต่างๆ ของเรื่องนี้ แต่มันจะแตกต่างตรงที่เป็นซิตคอมบวกซีรีส์ครับ

          วิน มันจะมีโมเมนต์ อย่างนี้ครับ มันจะมีโมเมนต์ เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แบบมีหน้าใกล้กันนิดหนึ่ง พอแบบเฮ้ยมองทำไมน่ะ

         เอิร์ท อาจจะมีมากกว่านั้นนะ

          วิน ใช่ ๆ มีมากกว่านั้นอีก อยากจะให้ไปลองติดตามดู มันจะมีโมเมนต์แบบที่ทุกคนจะพยายามจิกหมอนทีละนิด อึ๊ย ๆ

          เอิร์ท แต่จริง ๆ แล้วผมรู้สึกว่าอย่างซิตคอมรักเดียว อยากให้คนดูติดตามพัฒนาการของตัวละครของเรา จะเห็นการพัฒนาความสัมพันธ์ของตัวละครไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนติดตามทุกอีพี เพราะว่ามีทั้งปี

สิ่งหนึ่งที่สาววายต้องอยากรู้แน่เลย คือใครเป็นเคะเป็นเมะ

           เอิร์ท ผมเป็นพระเอก วินเป็นนายเอก

            วิน อยากให้ไปในดูซิตคอม แล้วลองไปตีความกันเองว่า มันจะออกมาแบบไหน เพราะว่าในคาแรกเตอร์คือเป็นผู้ชายทั้งสองคน ที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบผู้ชาย จนมาเจอกัน


ถ่ายทำไปหลายอีพีแล้ว ซีนไหนที่ยากที่สุด ถึงเนื้อถึงตัวมั้ย

          เอิร์ท ซีนที่ยากที่สุด ไม่มีครับ จริง ๆ มันมีแหละ แต่มันไม่ได้ยากขนาดนั้น มีตอนแรก ๆ น่ะครับ ตอนแรก ๆ ที่

          วิน กว่ามันจะจูนกันแต่ละคนได้ และที่มันเป็นอีพีแรกที่แบบทุกคนได้เข้ามารวมซีนเดียวกัน จะจูนกันลำบากนิดหนึ่ง เพราะว่าตัวผมเองก็เกร็ง เวลาเจอกับรุ่นพี่ นักแสดงอาวุโสอย่าง น้าโย่ง พี่นุ้ย พี่เอม พี่แอมแปร์ ครับ มันตื่นเต้นน่ะ เราต้องมาเล่นจับมือถือแขนกัน ตอนแรกก็คิดว่ามันยาก แต่พอหลัง ๆ เล่นไป เริ่มให้เราผ่อนคลายขึ้น แล้วก็สนุกกว่าเดิม

จูบแรกในซิตคอมมีหรือยัง?

           เอิร์ท จูบแรกในซิตคอมมีหรือยัง อันนี้ต้องติดตามในซิตคอมรักเดียวนะครับ แต่ผมบอกได้เลยว่าผู้กำกับอย่างพี่นกนี่ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอน

            วิน : การันตีจากเป็นต่อและเสือ ชะนี เก้ง
 
อยากให้สองคนพูดถึงกันและกันว่า ในตัวของแต่ละคนนี่เราชอบอะไรมากที่สุด

            เอิร์ท : ชอบน้องเป็นเด็กน่ารักนะครับ ถึงจะเสียงดังก็ตาม แต่เป็นคนที่ไม่มีพิษมีภัยกับใครเลย น้องอาจจะเคยเกเร จากที่เคยคุยเฮ้ยผมเด็กเกเรนะ แต่น้องเป็นเด็กน่ารักมาก ๆ ก็อัธยาศัยดีครับ ใช่ครับ อัธยาศัยดีหรือเปล่าล่ะ(หัวเราะ)


           วิน ส่วนพี่เอิร์ท จริง ๆ ตอนแรกผมกลัวพี่เอิร์ทนะ ตอนที่แคสต์ด้วยกันแรก ๆ น่ะ แคสต์ผ่านzoom ตอนนั้นพี่เขาผมยาวไง ผมยาวเป็นโจรเลยครับ ผมอยากให้พี่เอิร์ทตอนผมยาวมากๆ เขาดูน่ากลัวมากน่ะ แต่พอมาแคสต์ด้วยกัน มารู้จักกัน พี่เขาเป็นคนน่ารักครับ เป็นคนที่เงียบ ๆ ไม่ค่อยคุยเล่นกับใครมาก

            เอิร์ท : แต่ตอนนี้ก็ไม่เงียบแล้ว

            วิน ใช่ หลัง ๆ มาไม่เงียบแล้ว ติดนิสัยผมไป แล้วเวลาผมมีอะไรก็จะปรึกษาพี่เขา พี่เขาเป็นผู้ใหญ่ ผมก็เลยรู้สึกว่าเวลาผมปรึกษาอะไรพี่เขาน่ะ มันรู้สึกปลอดภัย แล้วเราคุยได้ทุกเรื่อง

ถ้าไม่ได้ทำงาน ชีวิตวันๆ อะไรบ้าง

           เอิร์ท เวลาว่างของเอิร์ทจะออกกำลังกาย เล่นกีตาร์ ร้องเพลง เป็นคนชอบร้องเพลงครับ ก่อนเกิดโควิด ผมจะชอบทำสองสิ่งนี้พอ ๆ กัน สมมติว่าออกกำลังกายตอนช่วงเย็น และจะมาเล่นกีตาร์ผ่อนคลายตอนช่วงดึก ๆ

           วิน ส่วนผมเป็นเด็กกลางแดดครับ ชอบเตะบอลออกกำลังกาย ส่วนใหญ่ชีวิตจะมีแต่ออกกำลังกาย หรือไม่ก็ขับรถเที่ยวดอยชมธรรมชาติ เพราะว่าแถวบ้านผมน่ะจะมีแต่ดอย ผมก็จะมีมอเตอร์ไซค์เล็ก ๆ คันหนึ่งขับไปแถวป่า ไปสวน ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กลางแดด


วินเคยเป็นสายประกวดมาก่อน เอิร์ทก็เป็นนายแบบมาก่อน มีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไรให้หุ่นเป๊ะตลอดเวลา

           เอิร์ท ของเอิร์ทช่วงแรกคือคุมอาหาร แล้วก็ออกกำลังกายโดยการโดดเชือกทุกวันเลย เพราะว่าจริง ๆ น่ะผมไม่ค่อยชอบเข้าฟิตเนส แต่ชอบbody weightมากกว่า พวกดึงข้อหรือวิดพื้น จะดึงข้อวันละ100 วิดพื้นวันละ 100 แล้วก็คุมอาหารบ้างแต่ไม่เคร่งขนาดนั้นน่ะครับ

           วิน โอ้โฮ ถ้าเล่าถึงการออกกำลังกายของผมนะครับ ผมจะเป็นคนที่ออกกำลังกายหนักมาก เคยใช้ชีวิตอยู่ในยิม 15 วันๆ ละประมาณ 16 ชั่วโมง เพราะฟิตเนสแถวบ้านผมเปิด 24 ชั่วโมงครับ ผมจะเป็นคนที่ติดยิมมาก ช่วงก่อนที่มี passion ว่าจะต้องประกวด ก็จะคุมอาหารด้วย ยกน้ำหนักด้วย เคยเล่นที 15 วันไม่พัก จนผมโทรมมากๆ เหนื่อยมาก ๆ ครับ

คนที่เล่นฟิตเนสบ่อย ๆ แล้วหุ่นดี เขาจะมีส่วนหนึ่งของร่างกายที่เขารู้สึกภูมิใจมาก ส่วนนั้นคือ?

           วิน ถ้าเป็นพื้นฐานของผู้ชายผมว่า‘หน้าอก’ครับ

           เอิร์ท : หน้าอกเหมือนกัน

           วิน : ใช่ หน้าอกกับแขน เพราะว่าถ้าหน้าอกเราดี แขนเราก็จะเดินยืดนิดหนึ่ง ปกติน่ะคนที่เริ่มเล่นฟิตเนสใหม่ ๆ เขาจะเล่นแต่แขน เขาคิดว่าถ้าแขนใหญ่ก็คือหุ่นดีแล้ว

          เอิร์ท จริง ๆ ก็ไม่ได้ผิดนะ

           วิน ใช่ ไม่ได้ผิด แล้วแต่ความชอบของคนเหมือนกันครับ แต่ผมว่าหน้าอก แต่ส่วนตัวผมจริง ๆ ผมภูมิใจในซิกแพคตัวเองนะ เพราะเป็นสิ่งที่กว่าจะขึ้นน่ะลำบากมาก และก็ดูแลยากมาก ๆ

           เอิร์ท แต่อย่าถามถึงซิกแพคตอนนี้นะ หายเกลี้ยง

           วิน: ใช่ครับ ช่วงนี้โควิดไม่ได้เข้ายิมครับเลย


คาดหวังกับซิทคอมเรื่องแรกอย่างไรบ้าง

            เอิร์ท คาดหวังมากครับ คาดหวังว่าจะทำให้ตัวเองแสดงแต่ละตอนให้ดีขึ้น ๆ ผมก็เลยขยันทำการบ้านมากขึ้น คนที่มีประสบการณ์น่ะครับว่า พี่ ผมไม่เข้าใจมันต้องเข้าถึงบทบาทนี้อย่างไร เพราะในชีวิตจริงเราไม่ได้มีความเป็นบอสขนาดนั้นเหมือนรักน่ะครับ แต่คุณรักจะมีความเป็นบอส มีความนิ่งในแบบของเขา ซึ่งผมรู้สึกว่าในความเป็นรัก ผมมองว่าเขาเหมือนเป็นสิงโตซึ่งล่าเหยื่อ แต่ว่าไม่ได้ล่าเหยื่อแบบตะครุบ แต่เขาจะใช้สายตามองว่าเออมาเมื่อไรโดนแน่

           วิน ล่าเหยื่อนี่คืออะไร หมายถึงผมเป็นเหยื่อเหรอ

           เอิร์ท ใช่แล้วล่ะ ก็ประมาณนี้ครับ จะกดดันเรื่องการทำการบ้านมากกว่ากับการแสดง แต่ไม่อยากจะกดดันมาก เพราะจะทำให้การแสดงที่ออกมาจะดูเครียด แล้วคนดูจะไม่สนุก

           วิน ส่วนของผมคาดหวังไหม มาก ๆ ครับ ผมอยากให้ทุกคนดูแล้วฟินไปด้วยกัน เพราะว่าทุกคนตั้งใจมาก พี่ ๆ ทีมงาน พี่ ๆ ผู้กำกับ ทีมเขียนบท หรือว่าทุกคน พี่ ๆ นักแสดงทุกคน และพวกผมสองคนก็เหมือนกัน พยายามให้มันออกมาดีที่สุด เพราะเราคาดหวังว่าอยากจะให้ทุกคนน่ะเขาติดตามเราไปตลอด รักเรา หลงรักรักและเดียว เราอยากให้ตัวละครตัวนี้อยู่กับทุกคนนาน ๆ ครับ

เมื่อกี้เห็นพูดถึงเรื่องร้องเพลง อยากจะออกsingleของตัวเองบ้างมั้ย

            เอิร์ท : อยากมาก เอาจริง ๆ นะ ได้ก็ดี ผมอยากออกsingleของตัวเองๆ เพราะจริง ๆ ผมชอบร้องเพลงและอยากจะมีเพลงเป็นของตัวเอง

           วิน : ถ้าสมมติได้ก็ดี ผมคิดว่าผมอยากจะมีโมเมนต์ที่เปิดคอมแล้วนั่งฟังเพลงตัวเองน่ะ

           เอิร์ท : แล้วยิ่งมีคนร้องตามได้ด้วยนะ

           วิน : ใช่ ๆ อยากจะมีคนร้องตามเพลงของเรา ถ้าอนาคตมีได้ก็ยินดีนะครับ

   


สุดท้ายฝากความฟินของรักเดียวหน่อย

          เอิร์ท : ผมบอกเลยว่าพี่ ๆ แฟนคลับทุกคนที่เป็นสาววายนะครับ เตรียมจิ้นกับซิตคอมรักเดียวนะครับ เป็นซิตคอมวายเรื่องแรกของประเทศไทย ผมบอกเลยว่าทุกคนจะไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะว่าจะมีความสนุก ความมัน ความแซ่บ ความซ่า ในซิทคอมเรื่องนี้นะครับ รักเดียวนะครับ แน่นอน

Text by Takeshi West

ซิตคอมรักเดียว
ออกอากาศทางช่องONE31
ทุกวันอาทิตย์ เวลา22.15.
ขอบคุณภาพประกอบซิตคอมจากช่องONE31

]]>
เปิดทางลัดการหาคู่ของคนเยอรมันในช่วงโควิด-19 ระบาด https://marshomme.com/scoop/531765/ Fri, 19 Mar 2021 09:08:00 +0000
ชาวเยอรมันไม่ต่างจากชนชาติตะวันตกอื่นๆ ที่นิยมการ ‘หาคู่’ ด้วยวิธีต่างๆ ตั้งแต่การใช้บริการของบริษัทจัดหาคู่ที่เคยเฟื่องฟูสุดขีดเมื่อช่วงปลายทศวรรษ 1980s โดยเฉพาะการหาคู่ครองที่เป็นคนต่างชาติ จากโลกที่สามหรือประเทศกำลังพัฒนา ถึงขนาดมีแคตตาล็อกให้เลือกเหมือนซื้อสินค้า ภาพถ่ายแสดงรูปร่างหน้าตา พร้อมวิดีโอคลิปแนะนำตัว


ใครที่กร้านโลกกว่าและมีกำลังทรัพย์มากกว่าก็จะพากันซื้อทัวร์ เดินทางไปประเทศของหญิง ชายในฝัน ถ้าทุกอย่างราบรื่น ขากลับพวกเขาอาจจะมีคู่ติดสอยกลับบ้านไปด้วย แต่หลายรายโดยเฉพาะชายเยอรมัน ก็ได้แค่ประสบการณ์เซ็กซ์ทัวร์ อย่างที่เคยเป็นข่าวดังในเมืองไทยหลังยุคทหารจีไอ

เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน บริษัทหาคู่ระบบแมนวลต้องปรับเปลี่ยนเข้าสู่ระบบออนไลน์ สะดวกสบายมากขึ้น แต่ก็ยังต้องผ่านบริษัทคนกลาง จนกระทั่งสมาร์ตโฟนเข้ามามีบทบาทในสังคม ชาวเยอรมันก็ตอบรับกระแสความเปลี่ยนแปลงนั้นได้อย่างไม่ขัดเขิน

Tinder& Co.

Tinderเป็นแอพฯ หาคู่เบอร์หนึ่งในเยอรมนี มีการบันทึกไว้ในปี 2015 ว่ามีผู้ใช้แอพฯ นี้ราว 50 ล้านคนทั่วโลก และในเยอรมนีมีผู้ใช้ถึง 2 ล้านคน มันเป็นแอพฯ ที่ใช้ง่าย ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญเรื่องเทคนิค แต่ก็มีข้อด้อยตรงความเป็นแอพฯ ที่ใช้เฟลิร์ตกันแบบฉาบฉวย แถมคู่แข่งเยอะ ใครที่ใช้ Tinder เพื่อต้องการหาคู่แท้คู่จริงจะพบว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย

ล่าสุดมีทางเลือกใหม่ที่สื่อเยอรมันเรียกว่าเป็น ‘Alternative Tinder’ ซึ่งมีเครือข่ายครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคที่ใช้ภาษาเยอรมันและทั่วโลก เช่น Pickable, Once, Lovoo, Bumble, Badoo, ShakeDate และ Only One นิตยสาร Glamour ของเยอรมันแนะนำตามลักษณะนิสัย เพศ และวัยของผู้ใช้


จากการสำรวจของแพลตฟอร์มเดทติง ออนไลน์ พบว่า ชาวเยอรมันราว 43 เปอร์เซ็นต์ เคยลองหาคู่ทางออนไลน์มาอย่างน้อยครั้งหนึ่ง ผ่านทางเว็บไซต์ ElitePartner และ Parship รวมถึงแอพฯ Tinder และ Lovoo ด้วยเหตุผลว่าต้องการค้นหาข้อเลือกที่หลากหลาย แต่หนึ่งในสี่พบว่าเป็นเรื่องยากที่จะเจอคู่ที่เหมาะสมกับตนเอง สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะในแต่ละวันมีเวลาเพื่อการนี้น้อย อีกสาเหตุคือเรื่องวัยเป็นอุปสรรค ยิ่งอายุมากโอกาสจะพบเจอคู่ครองยิ่งน้อยลง

แม้จะดูคล้ายเป็นยุคเฟื่องฟู แต่ความแป้กก็ยังมีท่ามกลางความพีคของแอพฯ หาคู่ เมื่อโลกต้องสั่นคลอนเพราะการระบาดของไวรัสโคโรนา เยอรมนีต้องเผชิญกับการระบาดมาแล้วสองระลอก และอาจจะเข้าสู่ระลอกที่สามในไม่ช้า หากว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข้ามาช่วยห้ามทัพไม่ทัน

เยอรมันโสด16.8ล้านคน

ปี 2020 รัฐบาลเยอรมันประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์หลายครั้ง ระยะสั้น ยาว แบบเข้มข้นหรือผ่อนปรนขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ติดเชื้อของแต่ละรัฐ ล่าสุดเมื่อช่วงปลายปีที่แล้วปรากฏมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากถึงหมื่นคนภายในวันเดียว ทำให้รัฐต้องประกาศใช้มาตรการชัตดาวน์ทั่วประเทศ และเริ่มผ่อนคลายเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา


ในขณะที่คนในประเทศเยอรมนีกังวลอยู่กับผู้สูงวัยหรือผู้ป่วยโรคเรื้อรัง แต่กลับลืมคนโสดประมาณ 16.8 ล้านคนที่ต้องสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และกักตัวอยู่ตามลำพัง คนโสดจำนวนมากที่ใช้ชีวิตอยู่ตามเมืองใหญ่ กลับต้องใช้ชีวิตปราศจากสีสันบันเทิงหรืองานเลี้ยง แม้จะดาวน์โหลดแอพฯ มาใช้สักกี่แอพฯ ก็แทบไม่ช่วยอะไรเลย

คนโสดในเยอรมนีประมาณ 16.8 ล้านคนที่กล่าวถึงนั้น เป็นตัวเลขของประชากรอายุระหว่าง 18-65 ปี ที่ใช้ชีวิตอยู่โดยปราศจากคู่ตั้งแต่ 5-6ปี และชาวเยอรมัน 1 ใน 5 ของคนอายุกลุ่มนี้ หรือราว 21 เปอร์เซ็นต์ ยังใช้ชีวิตอยู่ลำพังคนเดียวนานกว่า10 ปีอีกด้วย

82 เปอร์เซ็นต์ของคนโสดชาวเยอรมันใฝ่หารักจริงหวังแต่ง
53 เปอร์เซ็นต์มองหารักผ่านอินเตอร์เน็ต

และชาวเยอรมันกว่า7.4ล้านคนพบคู่รักของตนทางออนไลน์

ตลาดเนื้อคู่ในซูเปอร์มาร์เก็ต

ข่าวล่าสุดในเยอรมนีที่มาพร้อมกับมาตรการคลายล็อกดาวน์ นั่นคือ ซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งในเมืองใหญ่จัดให้มีพื้นที่หาคู่ อย่างเช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือ Edeka จัดให้คนโสดมาหาคู่ได้ทุกวันศุกร์ ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องสวมหน้ากากอนามัย FFP2 ตามข้อบังคับของรัฐ


คอนเซ็ปต์ ‘Single Shopping’ ความจริงเคยปรากฏครั้งแรกเมื่อสองปีที่แล้ว แต่มันกลับมาเป็นกระแสข่าวอีกครั้งเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา

กติกาของ Single Shopping คือ ผู้เข้าร่วมจะได้รับสติ๊กเกอร์รูปหัวใจพร้อมหมายเลขสำหรับติดที่เสื้อ เดินช้อปปิ้งแบบเปิดเผยตัว ให้ใครก็ตามที่เห็นแล้วปิ๊ง สามารถติดต่อพนักงานในร้านให้เรียกตัวไปพบตามแผนกต่างๆ ได้เลย ส่วนใครที่ขี้อายหน่อยก็สามารถลงชื่อไว้กับพนักงาน เพื่อให้ทางร้านจัดเดทให้ในภายหลัง

นั่นคือชีวิต New Normal ของคนเยอรมันที่ต้องเรียนรู้ระหว่างก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 และเมื่อคลื่นลมสงบ คนโสดในเยอรมนีอาจหวนกลับไปใช้วิธีหาคู่แบบออนไลน์เหมือนเดิม หรืออาจจะหันมาพึ่งวิธีหาคู่แบบแมนวลที่คนรุ่นเก่าก่อนเคยถนัดก็เป็นได้

เป้าหมายคือขอให้ได้ผล เพราะ 58 เปอร์เซ็นต์ของคนโสด 16.8 ล้านคนกำลังอยากหลุดพ้นจากชีวิตโดดเดี่ยวเต็มทีแล้ว

เรื่อง:บุญโชค พานิชศิลป์

Credit Photo :
https://sea.mashable.com/culture/9829/who-officials-remind-us-not-everyone-needs-to-wear-a-mask-instead-save-those-supplies-for-frontliner
https://www.deutschland.de/en/news/coronavirus-in-germany-informations
www.tinder.com
http://cca-kassel.de/de-DE/4032-profil-partnersuche
https://www.luso.eu/
www.br.de

]]>
บ๊อม-อรรถรส ลิปตพัลลภ หนุ่ม Sportsman ตัวจริงเสียงจริง https://marshomme.com/lifestyle/531753/ Tue, 16 Mar 2021 08:12:00 +0000

บ๊อม-อรรถรส ลิปตพัลลภ วิศวกรหนุ่มทายาทตระกูลดังของเมืองไทย ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ ดูเผินๆคนทั่วไปอาจจะคิดว่าหนุ่มบ๊อมคือคนที่เข้าถึงยาก และค่อนข้างถือตัว แต่หากรู้จักไลฟ์สไตล์สุดคูลของเขาแล้ว ต้องยอมรับในความเป็นหนุ่ม Sportsman ตัวจริงเสียงจริง


Sportsman

นอกเหนือจากการทำงานในแต่ละวัน ถ้ามีเวลาว่าง จะไปออกกำลังกาย เพราะเป็นคนที่ชอบการออกกำลังกายมากๆ เล่นได้เกือบทุกประเภทกีฬา ทั้งฟิตเนส เตะฟุตบอล เล่นกอล์ฟ แบดมินตัน รวมไปถึงการเล่นกีฬาทางน้ำต่างๆ ซึ่งก็ทำให้เราสุขภาพร่างกายแข็งแรงและเป็นการพักผ่อนไปในตัวอีกด้วย


ผมเป็นคนที่ค่อนข้างชอบการออกกำลังกาย ที่ชอบมากๆ ก็จะเป็นกีฬาแนว adventureโดยเฉพาะกีฬาทางน้ำ พวกกระดานโต้คลื่น ซึ่งมันเป็นกีฬาที่สนุกและท้าทายความสามารถของตัวเราเอง เป็นอะไรที่ชอบมาก มีโอกาสได้ไปเล่นในหลายๆ สถานที่ ทั้งเขื่อนหลายต่อหลายแห่งในต่างจังหวัด รวมถึงสถานที่เล่นกีฬาทางน้ำในกรุงเทพอีกหลายต่อหลายที่ ซึ่งในแต่ละสถานที่มีความสนุกสนานและท้าทายที่แตกต่างกันออกไป


อุปกรณ์กีฬาทางน้ำ ส่วนมากจะมีราคาแพง แต่เป็นของที่ซื้อแล้วใช้ได้นาน คล้ายๆ กับไม้กอล์ฟที่มีราคาแพง แต่ซื้อแล้วใช้งานไปได้ตลอด เวลาไปเลือกซื้ออุปกรณ์พวกนี้จึงค่อนข้างจะพิถีพิถันในการเลือกเป็นพิเศษ เพราะซื้อมาแล้วเราต้องใช้งานมันตลอด ถ้าซื้อมาแล้วไม่ดี ไปซื้อใหม่ก็เป็นการสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์”


My Hobby

เนื่องจากเป็นคนที่ชอบเล่นกีฬาเป็นชีวิตจิตใจ ฉะนั้นของสะสมส่วนมากจึงเป็นพวกอุปกรณ์กีฬา แต่จะเรียกว่าของสะสมไปทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะมีไม่มาก แต่ที่มีมากกว่าอย่างอื่นคือรองเท้ากีฬา อุปกรณ์ไม้กอล์ฟ บอร์ดต่างๆ อย่างรองเท้ากีฬา รองเท้าผ้าใบก็จะมีประมาณเกือบ 20คู่ ซึ่งของพวกนี้นอกจากจะมีที่บ้านแล้ว ผมก็จะเอาติดไปในรถยนต์ส่วนตัวด้วย เผื่อในโอกาสที่จำเป็นต้องใช้งานก็สามารถนำออกมาใช้งานได้เลย ไม่ต้องย้อนกลับไปเอาที่บ้าน เรียกได้ว่าพร้อมออกกำลังกายตลอดเวลา”

My Vacation

เวลาว่างนอกจากทำงานกับออกกำลังกาย ก็จะไปเที่ยวกับที่บ้านหรือเที่ยวกับเพื่อนๆ แล้วแต่โอกาสหรือเวลาจะเอื้ออำนวย ที่บ้านชอบไปเที่ยวกาญจนบุรี ชอบบรรยากาศธรรมชาติ และได้ไปนอนพักในแพที่อยู่ในเขื่อน มีน้ำล้อมรอบ ให้ความรู้สึกไปอีกแบบ แต่ถ้าไปกับเพื่อนๆ เน้นไปเที่ยวทะเล ไปหัวหิน ชะอำ เพราะบรรยากาศในการเที่ยวกับครอบครัวกับเพื่อนๆ จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สนุกและมีความสุขทั้งสองอย่างครับ


ส่วนการไปเที่ยวต่างประเทศ มีโอกาสได้ไปเที่ยวมาหลายประเทศ ล่าสุดไปเที่ยวที่นอร์เวย์ ซึ่งเป็นประเทศที่อากาศดีมาก ธรรมชาติสวยมากๆ ใครที่ชื่นชอบการเที่ยวตามธรรมชาติแนะนำให้ไปที่นี่ มีโอกาสได้เล่นสโนว์บอร์ดด้วย สนุกมากๆ ครับ ส่วนประเทศที่เน้นการท่องเที่ยวแบบเมืองและสนุกอีกรูปแบบหนึ่งก็ขอแนะนำประเทศญี่ปุ่น เพราะเท่าที่ได้ไปสัมผัสมา รู้สึกว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความสุขและความสนุกสนานแบบทันสมัย


Volkswagen Scirocco

ชอบความสวยของรถพวกนี้ แต่ไม่ได้ถึงขนาดที่จะต้องไขว่คว้าหามาครอบครอง เป็นคนที่ชอบรถแนว SUVเพราะรู้สึกว่าเป็นรถที่มีดีไซน์ และมีความร่วมสมัยในตัวเอง ใช้ได้นานไม่ตกเทรนด์ ไม่เก่าเร็ว ดูได้จากรถที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน จะเป็น Volkswagen Sciroccoแต่ถ้าถามว่ารถคันไหนที่เป็นรถในดวงใจของผม ก็ขอตอบเลยว่าเป็น AUDIรุ่น R8หรือ Q7แต่ก็อยู่ที่สถานการณ์ทางด้านการเงินอีกแหละครับ ตอนนี้ก็ขับเท่าที่มีไปก่อน


Credit : IG bomlipta

]]>
BOYS NEXT DOOR ทำความรู้จัก 3 หนุ่ม 3 มุม x 2 https://marshomme.com/aboy/531460/ Tue, 29 Sep 2020 09:53:00 +0000

เซอร์ไพรส์พอสมควรที่ตำนานซิตคอมในยุค 90s อย่าง 3 หนุ่ม 3 มุม ถูกนำมาตีความใหม่ใน พ.ศ.นี้ ทิ้งเวลาไปกว่า 20 ปี ที่เลือกใช้คำว่า ‘ตีความใหม่’ เพราะไม่ใช่การรีเมกสร้างใหม่นักแสดงชุดเดิม กบ-ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี, แท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง และมอส-ปฏิภาณ ปฐวิกานต์ ยังคงพร้อมหน้าเพิ่มเติมคือความแก่ของทั้งสามหนุ่มที่กลายเป็นรุ่นพ่อ และส่วนที่เพิ่มเติมมาคือลูกชายหน้าตาหล่อเหลาทั้งสามคน บี-เสถียรพงษ์ ชมภูพลอย, ปีโป้-ณัชพัณณ์ ปรมะเจริญโรจน์ และซี-ปรัตถกร คัยนันทน์

3 หนุ่ม 3 มุม x 2 จึงกลายเป็นส่วนผสมของ 2 เจเนอเรชั่นที่น่าสนใจระหว่าง Gen X และ Gen Z ซึ่งตรงกับบริบทปัจจุบัน ที่ช่องว่างระหว่างเจนบวกกับเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างโซเชียลมีเดีย เข้ามามีบทบาททำให้วิถีชีวิตวิธีคิดของคนต่างวัยมีความแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว มาทำความรู้จักกับรุ่นลูก บี, ปีโป้ และซี แล้วไล่ชม 3 หนุ่ม 3 มุม x 2 ย้อนหลังให้จุใจ


Q : แนะนำตัวกันหน่อย

บี : สวัสดีครับ ผม ‘บี-เสถียรพงษ์ ชมภูพลอย’ ครับ ลูกพ่อเอกพลครับ แสดงเป็นหนึ่งครับผม

ปีโป้ : สวัสดีครับผม ‘ปีโป้-ณัชพัณณ์ ปรมะเจริญโรจน์’ รับบทเป็นเฟิร์ส หรือว่าลูกของพ่อทศพลครับ

ซี : สวัสดีครับผม ‘ซี-ปรัตถกร คัยนันทน์’ ครับ รับบทเป็นอูโน่ลูกพ่อพีรพลครับผม

Q : ปีนี้อายุเท่าไรกันแล้ว

ซี : โป้กับบีเท่ากันครับ 21 ส่วน ผม 19 ปีครับ

Q : เคยคุยกับพ่อหรือแม่ หรือพี่ป้าน้าอาหรือไม่ว่าป้าๆ แม่ๆ เคยดูซิตคอมเรื่องนี้ไหม 

ปีโป้ : เคยดูอยู่แล้วครับ อย่างบ้านโป้ครับ พี่สาวคนโตสุดหรือว่าคนที่ 2 ก็เคยดูอยู่แล้ว เขาจะพูดบ่อย แล้วเราก็เคยได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ จนติดหู ประมาณว่าแค่เดินกับเพื่อน 3 คน หรือว่าอยู่ด้วยกัน 3 คน คุณครูหรือผู้ใหญ่ก็จะว่าเอ๊ย 3 หนุ่ม 3 มุม หรือเปล่า อะไรอย่างนี้ครับ นั่นคือสิ่งที่ได้ยินมา 

บี : 3 หนุ่ม 3 มุม คือติดหูมาตั้งแต่เด็กแล้ว โดยที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคือซิตคอม เพิ่งมารู้ตอนที่จะได้มาแคสต์น่ะครับว่าคือซิตคอม 

ซี : ผมก็เพิ่งรู้ตอนที่ได้มาแคสต์ครับ แล้วก็กลับไปถามแม่ว่ารู้จักหรือเปล่า เขาก็ร้อง อ๋อ ทันทีเลย


Q : กดดันไหมว่า ตอนที่เรารู้ว่าเราจะต้องมาเล่นเป็นลูกของพี่ทั้ง 3 คน พี่กบ พี่แท่ง พี่มอส

ซี : แรกๆ โอ้โฮ เจอครั้งแรกนี่ทรุดเลย

ปีโป้ : วันแรกก็เครียดเหมือนกัน เพราะว่าอย่างตัวพี่แท่งครับ จะเป็นคนค่อนข้าง open mindset ไม่ค่อยมีกำแพง แต่ว่าเราก็เกรงใจเขาแหละ เพราะเขาผู้ใหญ่มากๆ อาจจะรู้สึกว่าเราจะได้เล่นกับตำนานทั้ง 3 ท่านได้เหรอ อะไรอย่างนี้ แล้วก็กดดันตัวเอง

บี : กดดันมากครับ เพราะว่าเป็นผลงานชิ้นแรกของผมในวงการบันเทิงครับ แล้วก็ได้เล่นเป็นลูกพี่กบ แล้วยิ่งพี่กบเป็นคนขรึม เวลาเขาทำอะไร เขาจะชอบอยู่คนเดียวกับตัวเอง ผมก็เลยกลัว เวลาเข้าบทกับเขานี่กลัวมาก แต่เดี๋ยวนี้ก็เริ่มโอเคแล้ว

ซี : ผมก็กดดันมากๆ เพราะว่าเป็นเรื่องแรกเหมือนกันครับผม แล้วก็ตอนที่เจอพี่มอสครั้งแรก พี่มอสก็เดินเข้ามาเลย เราก็ตกใจแล้ว ตอนแรกเรากดดันอยู่ แล้วพี่มอสก็ดึงไปกอด เราก็ผ่อนคลายขึ้น รู้สึกเป็นกันเอง จากที่เครียดๆ ก็ค่อยๆ หายไป

Q : ย้อนกลับไปคำถามแรกที่บอกว่ากดดัน ที่เคยคุยกับพี่น้องหรือญาติว่า 3 หนุ่ม 3 มุม ในอดีตเป็นอย่างไร ตอนนั้นรู้ไหมว่าเรื่องนี้เป็นซิตคอมที่ดังมากในยุค 90

ปีโป้ : เป็นซีรีส์ที่ดังมาก เพราะว่าใครๆ ก็พูดถึงเนาะ แต่คือเราอาจจะเกิดไม่ทัน แบบไม่ทันแล้วนิดหนึ่ง อีกนิดเดียว อาจจะเหลื่อมๆ กับของเรา ของซีก็ไม่น่าจะทันหมดเลย ไกลเลย

ซี : ใช่ ผมก็ไม่รู้ว่ามันดังมากขนาดไหนครับ แต่พอได้มาคุยกับใครหลายๆ คน เขาบอกเฮ้ยมีคอนเสิร์ตด้วยนะเว้ย มันไม่ใช่เล่นๆ นะมีคอนเสิร์ตในยุคนั้น


ปีโป้ : แล้วความกดดันเราก็เพิ่มขึ้นนะ เพราะว่าเรารู้สึกว่าแต่ก่อนซิตคอมนี้เรื่องนี้ดีมากๆ คนรักคนปลื้มมากๆ พอเราต้องแสดง เรากลัวว่าเราจะทำภาพลักษณ์เก่าๆ เสีย เรายิ่งกดดันตัวเองว่าเราต้องทำออกมาให้ดีนะ ห้ามทำให้ภาพลักษณ์มันดูแย่นะ

ซี : ใช่ครับ

Q : ตัวจริงกับคาแรกเตอร์ในเรื่องเป็นอย่างไร

ปีโป้ : ไม่ได้แตกต่างกันมากเลย เหมือนกับเบลนด์ๆ กัน เหมือนกับมีเส้นบางๆ กั้นอยู่นิดเดียวเอง

Q : สามคนนี้จะมีปีโป้ที่อยู่วงการมาก่อนใช่ไหม เข้ามาตั้งแต่ฮอร์โมน อีก 2 คน เข้ามาจากโครงการอะไร

บี : The Next One ครับ

Q : เล่าให้ฟังหน่อย ตอนนั้นไปประกวด The Next One ได้อย่างไร

ซี : ไปประกวดได้อย่างไรใช่ไหมครับ ตอนนั้นมันเป็นเรื่องบังเอิญครับ คือตอนไปเดินเล่นในห้างพอดีแล้วพี่ๆ เขาเรียกเข้าไป เขาแบบยื่นบัตรให้ ลองมาแคสต์ดู แต่ถามแม่ก่อนนะ แม่บอกไปเลยลูก แม่อยากให้เราไป เลยเข้าไปที่ Central World ครับ


บี : ของผมมีรุ่นพี่ครับ เป็นเจ้าของคลินิกศัลยกรรมที่เชียงใหม่ เขาบอกว่าเฮ้ยบีลองไปดูไหม ได้พี่เดี๋ยวลองไปดู เลยลองไปที่ Central Festival ที่เชียงใหม่

Q : ตอนที่รู้ว่ามาถึง 8 คนสุดท้ายความรู้สึกจากวันแรกมาจนถึงวันนั้นเป็นอย่างไรบ้าง

บี : ภูมิใจในตัวเองนะครับ เหนื่อยมาก โดนกดดันมาก แล้วผมอยู่เชียงใหม่นะครับ ต้องไปมากรุงเทพฯ ตลอด ผมคิดว่ามันคุ้มนะสำหรับผม มันคุ้มกับความเหนื่อย ต้องแลกกับการไปๆ มาๆ

Q : กับพี่กบ พี่แท่ง พี่มอส เราสร้างความคุ้นเคยกันนานไหม

ปีโป้ : ไม่นะ เพราะว่าเขา อย่างที่บอกว่าเขาแบบไม่ค่อยมีกำแพงกับพวกเราเลยอะไร เพราะว่าด้วยความเป็นพ่อด้วย เขาเอ็นดูเรามากๆเลยค่อนข้างไม่ค่อยใช้เวลานานมาก

บี : ใช่ เพราะว่าอยู่กอง เราพยายามเข้าหาพวกเขา ถามพวกเขาเรื่องนั้นเรื่องนี้ เพื่อความสนุกเวลาเข้าฉากครับ


Q : เคยถามพี่กบ พี่แท่ง พี่มอส ไหมว่า บรรยากาศการถ่ายทำ 3 หนุ่ม 3 มุม ยุคนั้นกับปีนี้ต่างกันอย่างไร 

ปีโป้ : พี่แท่งเล่าให้ฟังว่า แต่ก่อนนะยังไม่มีมือถือ จะต้องมาที่กองตามเวลา แต่ก่อนทุกคนจะมารวมตัวกันตอนตีห้าครึ่งหกโมง แล้วจะถ่ายอยู่ตรงนั้นยาวๆ นอนตรงนั้น อยู่ด้วยกันตรงนั้น

บี : พี่กบบอกว่ายุคนี้สบาย อยู่ที่เดียว ห้องเย็นติดแอร์ เมื่อก่อนคือต้องถ่ายแบบไปนู่นไปนี่บ้างอะไรอย่างนี้ ไม่มีอะไรติดต่อ ถนนหนทางก็ไปลำบาก

ซี : ตอนนั้นพี่มอสเล่าให้ฟัง ตอนที่พี่มอสติดเรียน พี่มอสเขาจะถ่าย แล้วทุกคนต้องรอพี่มอสคนเดียว ทุกคนต้องรอพี่มอสเรียนเสร็จ

Q : ความสัมพันธ์ของลูกกับพ่อในซิตคอม 

ปีโป้ : คืออย่างโป้กับพี่แท่งนะ เหมือนมีแบบมีไลฟ์สไตล์ค่อนข้างตรงกันเยอะมากๆ อย่างโป้ไปกินข้าว โป้ก็นั่งกินข้าวปกติของโป้ แต่พอกำลังจะกลับแล้ว เพิ่งมาเจอ อ้าว พ่ออยู่ร้านเดียวกัน คือไลฟ์สไตล์จะค่อนข้างใกล้เคียงกัน อย่างเตะบอล กินข้าวที่ไหนอะไรอย่างนี้ ไลฟ์สไตล์ค่อนข้างตรงกันเยอะครับ 

บี : ของผมอาจจะมีระยะกันนิดหน่อยสำหรับพี่กบ เพราะว่าพี่กบเขาดูเป็นผู้ใหญ่มาก เลยจะต้องสร้างความคุ้นเคยกัน เวลาผมไหว้เขาผมจะเข้าขอไปกอด มากอดเลย ไม่เป็นไร ค่อยๆ สร้าง


ปีโป้ : อย่างที่บอกว่าพี่กบเป็นคนที่ชอบนั่งคนเดียวอยู่ในกอง บีก็เป็นครับ ค่อนข้างมีระยะห่าง

ซี : กับพี่มอสเหมือนกันไหม เหมือนนะ คือแบบพี่มอสเขาจะมีความเป็นพ่อไปแล้วใช่ไหมครับ แล้วจะมีความตลกเฮฮา ผมไม่รู้เหมือนกันว่าต้องให้คนอื่นบอกว่าเหมือนหรือเปล่า คือเขาจะมีความเป็นเหมือน เป็นทั้งพี่ เป็นทั้งพ่อ เป็นทั้งครู คอยพูดให้เฮฮาตลอดเวลาคอย สร้างสีสันตลอดเวลา

Q : ได้ถามพ่อแม่ที่บ้านไหมว่าหลังจากที่เขาดูผลงานของเราไปแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง

ปีโป้ : จริงๆ ป่าป๊าชอบนะ หม่าม้าชอบมากครับ หม่าม้าดีใจที่ได้เข้าไปจอยใน Project ใหญ่ครับ 

บี : พ่อแม่ดีใจครับ เพราะว่าไปไหนก็มีคนทักพ่อทักแม่ว่าเห็นลูกไปเล่น 3 หนุ่ม 3 มุม x 2

ซี : แม่ไม่ได้บอกเลยว่าชอบ แต่ว่าทุกคืนเวลาผมเดินไปอาบน้ำ ห้องแม่กับห้องผมติดกันครับ ติดห้องน้ำ ก็จะมีเสียง 3 หนุ่ม 3 มุมตลอด คืนนี้เปิดอีกแล้วเหรอ ถ้าเป็นพ่อจะไม่ได้เปิดขนาดนั้น แต่แชร์บ้าง แต่ส่วนย่าบอกทั้งอำเภอที่ฉะเชิงเทรา เขาคงรู้จักผม คือย่าโปรโมตเก่งมาก

Q : ตอนนี้เรียนอะไรกันอยู่

ปีโป้ : ของโป้เรียน Communication Arts ครับ อยู่ที่ ม.กรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล คอลเลจ ครับ 

บี : ผมเรียนครูพละ ราชภัฏเชียงใหม่ครับ 

ซี : ผมเรียน Broadcasting ม.กรุงเทพครับ เพิ่งเข้าปี 1 เลยครับ สดๆ ร้อนๆ


Q : มองอนาคตในวงการบันเทิงไว้อย่างไรบ้าง

ปีโป้ : โป้มองว่าทำให้มันดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต้องพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ เพราะว่าตอนนี้มันมีคนเข้ามาใหม่ๆ เยอะมาก แล้วคนเก่าๆ ต้องพัฒนาให้ตัวเองแข็งแรง แล้วเตรียมพร้อมกับการพัฒนามากขึ้น เช่นว่าตอนนี้อยากเรียนร้องเพลง อยากลองเล่นหนังสัก 1 เรื่อง หรือว่าอยากเล่นละครเวทีสักรอบหนึ่งครับ 

บี : ผมคิดว่าอยากทำงานชิ้นนี้ให้ดีก่อน แล้วให้มันดีเท่าที่ผมจะทำได้ เพราะผมไม่รู้ว่าข้างหน้ามันจะมีโอกาสแบบนี้ให้ผมไหม คงต้องทำตรงนี้ให้ดีก่อน 

ซี : ผมอยากพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ครับ อยากเก่งหลายๆ ด้าน อยากพร้อมที่จะเผชิญกับหลายๆ อย่าง แล้วให้ตัวเองรู้สึกว่าตรงนี้เราเริ่มแข็งแรงแล้ว เราเริ่มเก่งขึ้นเรื่อยๆ แล้วอยากจะพัฒนาไปเรื่อย ๆ

Q : ประเมินผลงานชิ้นแรกของตัวเองอย่างไรบ้างเต็ม 10 ให้กี่คะแนนดี

ซี : ผมให้ตัวเองประมาณ 7 ครับแต่บางจุดที่เรายังไม่พอใจก็อยู่ในระดับ 3 คะแนน

บี : ผมให้ 3 เพราะว่าผมคิดว่าผมอยากพัฒนาตัวเองให้มันเก่งกว่านี้ ให้มันทำได้ดีกว่านี้ อันนี้ยังมือใหม่ ครั้งแรกผมพยายาม เหมือนแบบไม่ต้องให้ผู้กำกับบอก ไม่ต้องให้ผู้กำกับไกด์ ผมอยากเป็นแบบนั้น


ปีโป้ : ประมาณ 6.5 ครับ เพราะรู้สึกว่ามันมีทั้งวันที่เราเอนเนอร์จีมาเต็ม แล้วก็วันที่เราเอนเนอร์จีมาไม่เต็ม รู้สึกว่าบางซีนที่มันถ่ายไปแล้วรู้สึกว่าเราเสียดาย เราคิดว่าเราจะทำให้ดีที่สุด แต่เอนเนอร์จีเราไม่ไหวแล้วจริงๆ เราถ่ายกันแบบยันเที่ยงคืน แล้วโป้ลากยาวหมดเลย คือเอนเนอร์จีจะดรอปหน่อยครับ ถามว่าชอบไหม ชื่นชอบนะ ซีนที่เอนเนอร์จีเยอะ เอนเนอร์จีแบบแรกๆ มาเต็ม รู้สึกว่าเราทำเต็มที่แล้ว แล้วดีด้วย แต่พอเอนเนอร์จีมันดรอปไปก็รู้สึกว่าแบบมันไม่ดีเท่าแรกๆ ที่เอนเนอร์จีเหลือ

Q : ปีโป้อยู่วงการมาก่อนน่าจะรับมือกับแฟนคลับได้ดี สองคนนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ เรื่องแฟนคลับเริ่มมีมาบ้างหรือยัง

บี : มีครับ แต่จะมีผู้จัดการคอยกั้นให้อะไร อันไหนที่มันควรไม่ควร เขาก็บอก

ซี : มีรู้จักบ้างนะครับ เวลาไปซื้อน้ำเต้าหู้ให้แม่ที่ตลาด เขาก็จะทักใช่หรือเปล่าครับ ใช่ไหมครับ ใช่ก็ได้ครับ เป็นแม่ค้าด้วย เก่งมากเลยนะเรา

Q : ปรับตัวทันไหม

บี : สำหรับผมไม่ค่อยนานนะ เพราะว่าก่อนหน้านี้ผมก็มีฐานแฟนคลับนิดหน่อยแล้วครับ มีผู้จัดการข้างนอกมีงานอีเว้นต์ข้างนอก  
ซี : ไม่นานเท่าไหร่เพราะว่ามีพี่โป้พี่บีคอยแนะนำ พี่บีคอยแนะนำเลยว่าเวลาถ่ายรูปแฟนคลับต้องแบบโค้งอะไรอย่างนี้ครับ

Q : ไลฟ์สไตล์วันหยุดเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าไม่มีเรียนไม่มีงานถ่ายทำ

ปีโป้ : ชอบหากิจกรรมทำครับ อย่างเช่นปีนผา ตีแบตล่าสุดไปเรียนดำน้ำแบบ freediving แบบไม่มีแทงก์ ผมเป็นคนที่ชอบแข่งขันกับตัวเองครับ


บี : ผมเล่นฟิตเนส แล้วก็ไปเล่นฟุตบอล ฟุตซอลครับ 

ซี : ผมชอบไปว่ายน้ำ ไปว่ายน้ำเสร็จแล้วก็มาเล่นเกม เล่นเกมเสร็จไปหาอะไรกิน แล้วกลับมาดูซีรีส์ต่อ ผมชอบดูซีรีส์เกาหลี ฝรั่งไม่ค่อยดู ฝรั่งนี่คือดูแบบนานๆ ที

Q : นอกจากงานแสดงแล้วอยากทำอะไรอีกไหมในวงการบันเทิง 

ปีโป้ : อย่างที่บอกแหละครับ พวกเราอยากเป็นนักร้อง อยากทำเพลงกันเอง ส่วนตัวอยากเล่นหนัง อยากเล่นละครเวทีสักเรื่อง


บี : ผมอยากร้องเพลง ผมอยากเล่นดนตรีสักอย่างหนึ่ง แล้วก็คิดว่าอยากเล่นภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่ง เพราะว่า เมื่อก่อนเคยดูสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก เออลองคิดถ้าเราไปแสดงเราจะทำได้มั้ย

ซี : ผมอยากเป็นนักร้องครับ คืออย่างเวลาแบบเขา Performance บนเวที เวลาผมเห็น โอ้โฮดึงคนได้ขนาดนี้เลย เขาดึงเราเข้าไปอยู่ในโลกที่เขาร้องเพลง

Q : สุดท้ายฝากผลงานซิตคอมเรื่องแรกหน่อย

ปีโป้ : บอกเลยว่าซิตคอมเรื่อง 3 หนุ่ม 3 มุม x 2 นะครับ ก็จะมีความอบอุ่น ความแฮปปี้เฮฮาปาจิงโกะ หรือว่าจะมีความอึมครึมบ้างอะไรนิดๆ หน่อยๆ จะเป็นแบบfeel good ของความเป็นครอบครัว หรือว่าการมีครอบครัวมันดีอย่างไร แล้วก็การแก้ปัญหาของครอบครัว เขาช่วยกันคอยซัพพอร์ตกัน คอยดูแลเทคแคร์อะไรอย่างนี้

บี : คือแบบพอเวลามีปัญหาอะไรกันอย่างนี้ครับ ครอบครัวมันตีกันแรงๆ ผมว่าสุดท้ายแล้วครอบครัวก็คือครอบครัวครับ


ซี : อยากฝากให้ทุกคนช่วยติดตามดู 3 หนุ่ม 3 มุม x 2 ครับ เพราะว่าเราจะมีปัญหาเกี่ยวกับครอบครัว ผมคิดว่าครอบครัวต้องเจอครับ แล้วเราจะแก้ปัญหาอย่างไร ผมอยากให้ทุกคนติดตามชม 3 หนุ่ม 3 มุม x 2 ครับ ทุกวันเสาร์ 20.15 น. ผ่านทางช่อง One 31 และดูย้อนหลังที่ Application iQIYI หรือ iq.com ครับผม ฝากด้วยนะครับ

]]>