ช่วงปลายปี 2017 มีข่าวอื้อฉาวเกิดขึ้นในสังคมฮอลลีวูด เมื่อฮาร์วีย์ ไวน์สตีน ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชื่อดังของค่ายวอลต์ ดิสนีย์ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนชอบใช้อำนาจในหน้าที่การงานทำการล่วงละเมิดทางเพศและข่มขืนใจผู้หญิง เริ่มจากการเปิดเผยของนักแสดงในสังกัด คือ อาเซีย อาร์เจนโต และลูเซีย อีแวนส์ หลังจากนั้นนักแสดงหญิงคนอื่นๆ ก็ดาหน้ากันออกมาแฉ รวมรายชื่อเป็นหางว่าว กระทั่งเกิดกระแสฮิตติดแฮชแท็ก #MeToo กระจายไปทั่วโลก
“ผมเพิ่งตระหนักว่าวิธีการแสดงออกของผมในอดีตต่อผู้ร่วมงานหญิงนั้นเป็นสาเหตุให้ทุกคนรู้สึกเจ็บปวด ผมต้องขอโทษอย่างรุนแรงต่อเรื่องดังกล่าว ผมจะพยายามทำทุกอย่างให้ดีขึ้น แม้จะรู้ว่าผมต้องใช้เวลาอีกนานก็ตาม” นั่นคือประโยคคำพูดที่ฮาร์วีย์บอกผ่านสื่อภายหลังตกเป็นข่าว แต่ไม่นานหลังจากนั้น กรรมการบริษัท ไวน์สตีน คัมปานีก็สั่งปลดเขาพ้นจากตำแหน่ง อีกทั้งจอร์จีนา แชปแมน-ภรรยาของเขาก็ประกาศขอแยกทาง
ระหว่างที่ข้อกล่าวหากำลังกลายเป็นกระแสยืดเยื้อ นักแสดงชายเบอร์ต้นๆ ของฮอลลีวูด อย่างเควิน สเปซีย์ ก็ออกมาเปิดตัวผ่านทวิตเตอร์ “ผมตัดสินใจแล้วว่า จะขอใช้ชีวิตที่เหลือเป็นเกย์อย่างเปิดเผย” แต่เหตุผลที่เขาจำต้องออกมาเผยตัวตน เพราะว่าถูกแอนโธนี แรปป์-นักแสดงที่แจ้งเกิดจากซีรีส์ ‘Star Trek: Discovery’ ออกมาแฉว่าเคยถูกสเปซีย์ล่วงละเมิดทางเพศ เมื่อตอนที่ตนอายุ 14 ปี หลังจากไปงานปาร์ตี้ที่บ้านของสเปซีย์ และถูกสเปซีย์-ขณะอยู่ในสภาพมึนเมา-เกลี้ยกล่อมพาไปที่ห้องนอน แล้วเริ่มลวนลามเขา แต่เขาก็ผลักสเปซีย์ออกพ้นตัว และรีบผละออกจากบ้านไป
‘House of Cards’ และบทอวสาน
นับตั้งแต่ปี 2013 เควิน สเปซีย์ ปัจจุบันวัย 60 ปี เจ้าของรางวัลออสการ์ในฐานะนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง ‘The Usual Suspects’ (1995) และนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง ‘American Beauty’ (1999) ได้ร่วมแสดงในซีรีส์ของ Netflix เรื่อง ‘House of Cards’ เขาได้รับบทนำ เป็นนักการเมืองที่พยายามตะเกียกตะกายเพื่อให้ได้ตำแหน่งสูงสุดในทำเนียบขาว จนเมื่อกระแสข่าวการล่วงละเมิดทางเพศในสังคมฮอลลีวูดเริ่มฉุดไม่อยู่ และตัวเขาเองซึ่งตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา ทำให้ Netflix ต้องตัดสินใจปลดสเปซีย์ออกจากซีรีส์เรื่องดังกล่าวทันที
รวมถึงบทบาทการแสดงของเขาในภาพยนตร์เรื่อง ‘All the Money in the World’ ของผู้กำกับฯ ริดลีย์ สก็อตต์ ที่ถ่ายทำเสร็จจนพร้อมออกฉายแล้ว ก็ต้องเลื่อนกำหนดฉาย หั่นทุกฉากที่มีสเปซีย์ปรากฏอยู่ทิ้งไป แล้วถ่ายทำใหม่อีกครั้งโดยมีการเลือกคริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์มารับบทแทน
สเปซีย์กับคดีความ
นับตั้งแต่ปลายปี 2017 มีการกล่าวหาสเปซีย์เรื่องการล่อลวงและล่วงละเมิดทางเพศมากกว่า 30 กรณี เริ่มจากแอนโธนี แรปป์ จากนั้นบรรดาทีมงานผู้ชายที่โรงละครโอลด์ วิค ในกรุงลอนดอน อีกอย่างต่ำ 20 คนกล่าวหาเขา จากเหตุการณ์เมื่อครั้งที่สเปซีย์ไปร่วมงานในฐานะผู้จัดการโรงละคร รวมถึงงานแสดงระหว่างปี 2003-2015
คดีฟ้องร้องเควิน สเปซีย์เข้าสู่ศาลเมืองแนนทักเก็ต รัฐแมสซาชูเส็ตส์ เมื่อโจทก์เป็นเด็กหนุ่มไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวหาสเปซีย์ว่าล่วงละเมิดทางเพศ ขณะเขาอายุ 18 ปี เหตุเกิดเมื่อช่วงฤดูร้อนปี 2016 ที่แนนทักเก็ต สเปซีย์มอมเหล้าเขาในร้านอาหารแห่งหนึ่ง แล้วกระทำการล่วงละเมิดทางเพศ แต่สเปซีย์ให้การปฏิเสธ
การพิจารณาคดีดำเนินมาจนถึงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และผู้พิพากษาได้ตัดสินยกฟ้องคดีกล่าวหาเควิน สเปซีย์ เนื่องจากหลักฐานที่ฝ่ายโจทก์อ้างถึงภาพและคลิปในโทรศัพท์มือถือนั้น ถูกลบทิ้งไปแล้ว อีกทั้งพยานฝ่ายโจทก์ไม่ได้ให้ความร่วมมืออย่างที่ควร
ข้อสงสัยในตัวผู้ต้องหาที่ยังเป็นตราบาปต่อไป
กรณีของเมล กิบสัน นักแสดงรุ่นเก๋าของฮอลลีวูด อาจจะถูกนำมาเปรียบเทียบกับกรณีของเควิน สเปซีย์ เมื่อปี 2010 เขาเคยทำผิดคดีใช้กำลัง ข่มขู่อดีตภรรยา และพูดจาดูถูกเหยียดสีผิวเจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจ จนเป็นเหตุให้วงการฮอลลีวูดปฏิเสธที่จะร่วมงานกับเขา
แต่ไม่กี่ปีผ่านไป กิบสันก็หวนกลับสู่วงการอีกครั้ง ได้รับข้อเสนอให้แสดง และกำกับภาพยนตร์ รวมถึงเป็นแขกรับเชิญในรายการทอล์กโชว์
แม้ ‘ข้อสงสัยในตัวผู้ต้องหา’ คดีของเควิน สเปซีย์จะสิ้นสุดลงด้วยการยกฟ้องของศาล แต่นั่นไม่ได้ทำให้ทุกอย่างยุติ และหวนกลับมาเป็นเช่นเดิม
คงเป็นเรื่องยากที่เขาจะสามารถกอบกู้ชื่อเสียงที่เขาสูญเสียไปกลับมาได้อีก รวมทั้งงานแสดง กระแส #MeToo ในโลกโซเซียล นอกจากจะสามารถทำลายกำแพงประเพณีเก่าแก่ที่ย่ำแย่ของฮอลลีวูดลงได้สำเร็จแล้ว มันยังจะกัดกร่อน หลอกหลอนผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ตราบนานอีกด้วย
และไม่ว่าเควิน สเปซีย์จะกระทำผิดจริงตามข้อกล่าวหานั้นหรือไม่ก็ตาม
เรื่อง : บุญโชค พานิชศิลป์