“การออกกำลังกายสำหรับผมเหมือนการแปรงฟัน เมื่อเราได้เผื่อเวลาไว้แล้ว การออกกำลังกายจะกลายเป็นธุระที่ต้องทำเป็นประจำ”

จากเด็กชายที่มีโรคประจำตัวเป็นหอบหืดต้องหาหมอทุกเดือนเพื่อนๆ พากันเรียกไอ้เตี้ย โดนล้อเลียนทุกวัน กลายมาเป็น นพ.ณชนก ทัพขวา คุณหมอวัย 29 ปีผู้รักสุขภาพและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จนสร้างแรงบันดาลใจแก่ใครหลายคนบนไอจี วันนี้เขาทำให้การออกกำลังกายเป็นเครื่องพิสูจน์หัวใจนักสู้ของคนที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค จากเด็กที่มีพื้นฐานติดลบมาสู่การให้พลังบวกแก่คนทั่วไปได้ เขาต้องก้าวข้ามอะไรมาบ้าง เราไปทำความรู้จักเขากัน


งานที่สร้างความมั่นใจให้คนอื่น

ตอนนี้ผมเป็นแพทย์อยู่ที่คลินิกแห่งหนึ่ง ดูแลเรื่องผิวพรรณและการชะลอวัย ผมช่วยรักษาคนไข้ให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น ให้รู้จักวิธีการดูแลตัวเอง ผมว่าทุกคนอยากอายุยืน มีความสุขกับการใช้ชีวิต และอยากมีร่างกายแข็งแรง ดังนั้นเราจึงควรต้องดูแลตัวเอง ป้องกันดีกว่ารักษา สมมุติถ้าคุณทำงานในออฟฟิศอาจจะชะล่าใจไม่ทาครีมกันแดด แต่จริงๆ ยูวีมันทะลุกระจกมาได้นะครับ ก็ต้องทาเพื่อป้องกันไว้ก่อน ยูวีเป็นสาเหตุหนึ่งของริ้วรอย ถ้าทาครีมกันแดดทุกวันในระยะยาวจะเห็นผลชัดเจน สำหรับผู้ชายที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ผมแนะนำว่าอย่างน้อยที่สุดควรทามอยส์เจอไรเซอร์ป้องกันริ้วรอย กับทาครีมกันแดด ที่สำคัญคือล้างหน้าให้สะอาด อันนี้เบสิกสุดๆ เลย คนผิวมันอาจใช้วอเตอร์เบส หรือ Hyaluronic ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาใหม่ๆ จะหาง่าย

Mind Soul Body ไม่อาจแยกจากกันได้

ผมจบแพทย์ทั่วไป แล้วมาเรียนเพิ่มเติมในเรื่องความงาม เพราะรู้สึกว่าเป็นศาสตร์ที่ยังใหม่อยู่มาก พอได้มาศึกษาก็รู้สึกว่าทำให้เห็นผลจริงได้ ผมคิดว่าความดูดีเดี๋ยวนี้จำเป็นมาก เพราะเป็นสิ่งที่ตัวเราเองตื่นมาแล้วมองเห็นตัวเองในกระจก ถ้าเรารู้สึกดีกับตัวเอง ส่องกระจกเห็นใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส มันจะส่งพลังงานบวกให้ตัวเองทุกวัน บางคนอาจรู้สึกว่า ทำไมมองกันภายนอกอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วผมมองว่า Mine Soul Body บุคลิกทุกอย่างนั้นสื่อถึงกันหมด เรียกได้ว่าเป็นยูนิตเดียวกัน บอกได้ยากว่าจิตใจดีแค่นั้นก็พอแล้ว จริงๆ แล้วคือจิตใจดีส่งผลต่อใบหน้าที่ยิ้มแย้มด้วย


ทำให้การออกกำลังกายเหมือนการแปรงฟัน

โดยปกติผมตื่นประมาณเจ็ดโมงครับ ทานอาหารเช้า อาหารเช้าผมจะตลกนิดหนึ่งนะ (ยิ้ม) ผมทานอกไก่ต้มปั่นใส่นมถั่วเหลืองงาดำ งาดำช่วยกลบกลิ่นไก่ ดื่มง่ายดี ผมเป็นคนไม่ชอบเคี้ยวและแพ้นมวัว เลยเลือกแบบปั่น มันก็ให้โปรตีนเพียงพอเพื่อไปออกกำลังกาย แล้วก็ไปเข้าทำงานที่คลินิกตอนเที่ยงครับถามว่ามีวิธีออกกำลังกายยังไง ปกติผมจะใช้เวลาไม่นาน เพราะไม่เชื่อว่าใช้เวลานานแล้วจะส่งผลดี ส่วนใหญ่ผมจะเล่นแล้วไม่พัก คือจะเล่นเป็นแบบ Super set ไปเลย เช่น อกกับหลัง แบบนี้ 2 เซต ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับโปรแกรมตามช่วงนั้นๆ ด้วย แล้วแต่ว่าช่วงนั้นผมฝึกไปเพื่ออะไร แต่สวนใหญ่จะเป็นการจับคู่กัน เช่น อกกับหลัง ขากับท้อง หลังกับแขน บางวันก็จะวิ่งบ้าง วิ่งสัปดาห์ละประมาณ 3 ครั้ง

สำหรับผม การออกกำลังกายเหมือนการแปรงฟัน แรกๆ จะยากนิดหนึ่ง เหมือนเราต้องหัดแปรง ไม่มีใครเกิดมาแล้วแปรงฟันเป็นเลย แต่พอแปรงไปสักพักจะรู้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่เราจะทำโดยความเคยชิน วันไหนไม่ได้ทำแล้วรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป อย่างที่บอกผมไม่ได้ใช้เวลาเยอะ เอาจริงๆ แค่ 45 นาทีต่อวัน ไม่เกิน 1.30 ชม. ลองคิดดูนะ บางทีเวลาเรานั่งดูซีรีส์เพลินๆ หรือไถมือถือไปเรื่อยๆ แป๊บเดียวก็ 40 นาทีแล้วนะ เวลามันผ่านไปเร็วมาก แค่เรากลั้นใจทำให้เสร็จ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้ ตอนแรกๆ ผมใช้วิธีนัดเพื่อนไปด้วยกัน ถ้าเราไม่ไป เพื่อนจะด่าไง (หัวเราะ) แต่หลังๆ ก็ออกคนเดียวได้ แล้วทุกวันเมื่อเราได้เผื่อเวลาสำหรับออกกำลังกายไว้แล้วมันก็จะกลายเป็นธุระที่ต้องทำเป็นประจำ

ปลดล็อกขีดจำกัดของตัวเอง

ผมเพิ่งไปแข่งขันสปาร์ตันเรซ (Spartan Race เป็นการแข่งขันวิ่งวิบากที่จัดใน 25 ประเทศทั่วโลก ที่ต้องทั้งวิ่ง คลาน ดึง ลาก ผ่านกำแพง หุบเขา ต้นไม้ โคลน ลวดหนาม) ครั้งที่ 3 มาครับแล้วผมก็เข้าเส้นชัยสำเร็จ ได้ที่ 8 ของกลุ่มอายุ และได้ที่ 40 ของผู้แข่งขันทั้งหมด ต้องเล่าก่อนว่าแต่เดิมผมเกลียดการวิ่งมากรู้สึกว่าน่าเบื่อใช้เวลาเยอะ แต่ด้วยความที่ที่บ้านวิ่งกันหมด เลยเริ่มมาวิ่งด้วย แล้วพบว่ามันก็ส่งผลดีนะ เข้ายิมอย่างเดียวไม่ได้ พอเริ่มวิ่งได้ 5 กิโล 10 กิโล ก็เริ่มชิน พอมาเจอสปาร์ตันเรซ มีด่านต่างๆ ที่ต้องฝ่าไปด้วยก็รู้สึกว่าท้าทายขึ้น สนุก เหมือนเราได้เป็นนักรบสปาร์ตันจริงๆ มันไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากจนเกินไป แต่ละด่านเราต้องใช้ไอเดียและกำลังของเราอย่างมีด่านหนึ่ง ต้องยกลูกเหล็กกลมๆ หนักประมาณ 60-70 กก. ด้วยความที่มันกลม ถ้ายกขึ้นมาเลยจะลื่นหลุดมือ ก็เลยต้องเอาขาไปรองก่อน กลิ้งขึ้นมาตามขาแล้วค่อยยกขึ้นการแข่งสปาร์ตันจะมี 3 ระดับ แล้วแต่ว่าเราจะลงระดับไหน ถ้าเราผ่าน 3 ระดับได้ภายใน 1 ปีจะได้เหรียญพิเศษ นี่ผมก็เพิ่งได้รับมาที่มาเลเซียครับถามว่าการแข่งขันให้อะไรกับเรา ผมว่ามันภูมิใจนะที่เราทำสิ่งที่คิดว่ายากให้สำเร็จได้ ครั้งที่แล้ว วิ่ง 14 กิโลฝ่าด่านอุปสรรค 25 ด่าน ผมได้ที่ 20 ของอายุรุ่นผม ครั้งนี้ก็ดีขึ้นครับอันดับที่ 8



แรงบันดาลใจที่ส่งต่อกันได้

ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดว่าภาพต่างๆ ที่ผมลงใน IG หรือในเพจ จะสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่น จนกระทั่งได้รับฟีตแบ็กจากคนรอบตัวหรือคนอื่นที่ติดตามเราอยู่ ก็คิดว่าเราสามารถอินสไปร์คนอื่นได้ สามารถสร้างอิมแพ็กได้เมื่อก่อนผมเคยเป็นหมอตรวจคนไข้ที่โรงพยาบาล มีคนไข้เบาหวานมารักษา ผมก็แนะนำคนไข้ให้ไปออกกำลังกาย แต่คือตอนนั้นต้องยอมรับตรงๆ ว่าผมทำงานหนักมากไม่มีเวลาออกกำลังกาย คือผมบอกให้คนไข้ออกกำลังกายแต่ตัวเราเองก็ไม่ได้ทำ มาคิดๆ ดูก็รู้สึกว่าตัวเราก็ไม่ได้ทำ พูดไปแล้วเขาจะเชื่อเหรอ (หัวเราะ) พอมาออกกำลังกายมันเลยสร้างอิมแพ็กได้ดีกว่าคนที่ตามเราเขาเห็นเรา เขาก็จะรู้สึกได้ เห็นเราไปวิ่ง เขาก็อยากลงวิ่งบ้าง บางทีก็ส่งรูปมา บอกว่าซื้อรองเท้าวิ่งแล้ว จะไปวิ่งแล้วนะ (หัวเราะ)

จากจุดที่ติดลบในวัยเด็กสู่การปลดล็อก

ตอนเด็กๆ ผมเป็นเด็กขี้โรคเป็นหอบหืดหนักมาก ตอนนั้นที่บ้านคิดว่าจะเลี้ยงไม่โตแล้ว คือเป็นเยอะขนาดต้องเข้าโรงพยาบาลทุกเดือน ตัวก็เตี้ยที่สุดในโรงเรียน แล้วหัวโต ทำให้ใครๆ ก็ชอบมาตบหัว เราก็รู้สึกว่าเราไม่ได้อยากโดนตบนะ เป็นใครคงไม่อยากแหละ อยากโดนตบบ่ามากกว่า โดนเรียกไอ้เตี้ยๆ มันเป็นปมลึกๆ แหละ จุดนั้นเรารู้ว่าเราคงทำอะไรไม่ได้มากนอกจากกินนม กินเป็นลิตร กินจนอ้วกแล้วคือตอนเด็กๆ เราไม่รู้ไงตัวเองแพ้นมวัว ปวดท้อง อาเจียน ท้องเสีย กินเท่าไหร่ยังรู้สึกว่าทำไมไม่สูงสักทีวะ ตอนนั้นเป็นเด็กที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าเข้าสังคม จนม. 1 แม่ส่งให้เรียนว่ายน้ำ อาการหอบหืดค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นคิดว่าสนุก และมันเริ่มรู้สึกกับร่างกายมากขึ้นเมื่อเราได้ออกกำลังกาย ป่วยน้อยลง พอหายจากหอบหืดก็ยังไม่ได้ดูแข็งแรงนะ คือดูผอมมาก พอตอนโตก็เริ่มมาเล่นบาส เข้าฟิตเนส ก็เริ่มสูงและแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ

ผมเริ่มจากติดลบ แต่สามารถมาเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ เลยอยากส่งต่อไปหาคนอื่นว่า ออกกำลังกายมันดียังไง มันไม่ใช่เทรนด์ ไม่ใช่ว่าคุณทำแค่ออกกำลังกายลดน้ำหนัก3 เดือน พอลดได้แล้วก็พอแล้ว มันไม่ใช่ การออกกำลังกายคือไลฟ์สไตล์ที่เราจะต้องใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้บ้าออกกำลังกายขนาดนั้น แต่เมื่อถึงวันหนึ่งที่เราสามารถทำในสิ่งที่เราไม่ชอบได้ มันทำให้เรารู้ว่า ต่อไปไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรเข้ามาเราจะสามารถก้าวข้ามผ่านหรืออดทนกับมันได้ อยู่กับมันได้ จนมันกลายเป็นไลฟ์สไตล์เราเอง



ปลดล็อกชีวิตด้วยการก้าวข้ามอุปสรรค

ผมเริ่มเขียนเพจ ‘หมอเป็นหมี’ เพราะว่าอยากรวบรวมข้อมูลในสิ่งที่เราเคยตอบคนที่อยากรู้เรื่องวิธีการออกกำลังกาย วิธีลดไขมันรวบรวมไว้ที่นี่ พอเราเปลี่ยนแปลงตัวเอง คนเข้ามาถามเยอะ แล้วผมเป็นคนหนึ่งที่เวลาที่ถ้าไม่รู้อะไรจริงๆ ผมจะไม่ค่อยพูด เพราะมันจะส่งผลเสีย ถ้าให้ข้อมูลผิด เลยไปลงเรียนคอร์สเทรนเนอร์แล้วไปสอบ ก็ได้Certificate personal trainer มา จนได้ทำงานเป็นพาร์ตไทม์เทรนเนอร์ อยู่ 1 ปี เคยมีลูกค้าฝรั่งที่น้ำหนักตัวเยอะ เกือบ 90 กิโล อายุประมาณ 40 กว่ามาเทรนด์กับผมเขาบอกว่าเขาไม่เคยออกกำลังกายเลย แล้วเขารู้สึกเหมือนเป็นวิกฤตวัยกลางคน มีความเสี่ยงโรคเบาหวาน จากคนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย เขามาฝึกกับผม ต่อมาเขาเริ่มรู้สึกดีที่ได้ออกกำลังกาย เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลง ขึ้นบันไดเหนื่อยน้อยลง เริ่มมีความสุขกับการใช้ชีวิตประจำวัน เอาจริงๆ แล้วการออกกำลังกายมันอยู่ที่ใจเขาเองว่าใจเขาพร้อมแค่ไหน อาจจะยากแค่ตอนเริ่ม แต่แค่เรามีใจสู้มันก็ทำได้ แล้วความเชื่อมั่นในตัวเองจะเกิดขึ้น ในอนาคตถ้ามีอะไรยาก เขาจะก้าวข้ามอุปสรรคไปได้ ง่ายๆ คือเราควรบรรจุตารางการออกกำลังกายให้เป็นธุระอย่างหนึ่ง

ทุกคนมีความสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ ขีดจำกัดทางร่างกายทุกคนมีอยู่แล้ว แต่ขีดจำกัดทางใจมันไม่มีอยู่จริง มันเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง ดังนั้น ผมจึงบอกตัวเองอยู่เสมอว่าถ้าเราไม่สู้กับปัญหา เราก็จะไม่มีทางประสบความสำเร็จได้

การออกกำลังกายคือการลงทุนอย่างหนึ่ง

ตอนนี้ผมอายุ 29 ผมไม่เคยคิดว่าผมจะมีอายุถึงเท่าไหร่ ผมแค่ทำให้ตัวเองพร้อมในทุกช่วงขณะที่เรามีชีวิตอยู่ ไม่เคยคิดเลยว่า ต้องแก่ก่อนถึงเป็นหัวหน้าคน แก่ก่อนแล้วไปเที่ยว ทุกอย่างเราสามารถทำได้ตั้งแต่ตอนนี้ แค่ทำให้เหมาะสมกับช่วงเวลา ผมค่อนข้างบาลานซ์ชีวิตในทุกๆ ด้าน ทั้งสุขภาพกาย ใจ หรือการเงิน ผมไม่คิดว่าการที่เรามีอะไรอย่างหนึ่งมากๆ แล้วมันจะดี เพราะถ้าสมมุติเราทำงานหนักมาก รวยมากแต่สุขภาพกายเราป่วย วันหนึ่งเราก็ต้องเอาเงินที่สะสมไว้มารักษาตัว จริงๆ แล้วการออกกำลังกายเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่ทำให้เราไม่ต้องเจ็บป่วยในอนาคตนะครับ จนต้องมาเสียค่ายาเยอะๆ สมมุติเป็นเบาหวานต้องกินยา หนึ่งปีเท่าไหร่ สิบปีเท่าไหร่ อาจจะซื้อบ้านได้เป็นหลังเลยนะ(ยิ้ม)

ถามว่าอนาคตผมอยากทำอะไรเหรอครับ ผมอาจอยากเปิดยิมนะ ผมชอบเห็นคนออกกำลังกาย อยู่ในยิมแล้วรู้สึกมีความสุข ตอนนี้ยังหาสถานที่อยู่ แต่ถ้าลงตัวแล้วก็อาจจะเปิดเร็วๆ นี้ครับ


No Comments Yet

Comments are closed