สถานที่ที่ว่าเฮี้ยน เฮี้ยนกันจริงไหมไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ สถานที่เหล่านี้ให้อารมณ์ความรู้สึกชวนหลอน ชวนสยองอย่างยิ่ง ถึงแม้จะอยู่ในช่วงเวลากลางวันความหลอนก็ไม่ได้ลดลง Mars Homme ชวนมาทดสอบความหลอนกับสถานที่ชวนขนหัวลุกรอเหล่าผู้กล้าไปท้าพิสูจน์

เกาะตุ๊กตาผี Island of the dolls (La isla de lasmunecas) ประเทศเม็กซิโก

เพราะทุกๆที่ย่อมมีตำนานเล่าขานกันมา เกาะแห่งนี้มีเรื่องเล่าชวนขนลุก เมื่อมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจมน้ำตาย ซึ่งดอน จูเลียต ซานนาตา (Don Julian Santana) ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ยื้อชีวิตของเธอไว้ไม่ได้ ทำให้เธอต้องตายลง

หลังจากนั้นเขาพยายามหาร่างไร้วิญญาณของสาวน้อยขึ้นมาทำพิธี แต่ยิ่งหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ จนกระทั่งน้ำแห้งขอดลงเขาพบกับตุ๊กตาตัวหนึ่งแล้วจึงนำขึ้นมาแขวนไว้ที่ต้นไม้ เพราะเชื่อว่าวิญญาณสาวน้อยได้สิงอยู่ในตุ๊กตาตัวนี้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ต้องพบกับเรื่องราวสุดแปลกเมื่อตุ๊กตาที่เขานำขึ้นมาแขวนไว้ได้มีท่าทีไม่เหมือนเดิมราวกับมีชีวิตจริงๆทั้งยังสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านในละแวกนั้นอีกด้วย

ตุ๊กตาตัวนี้ไม่ยอมสงบลงหนำซ้ำยังตามหลอกหลอนเขาจนไม่เป็นอันทำอะไร จนเขาเริ่มไปหาตุ๊กตาตามถังขยะมาแขวนไว้ที่เกาะแห่งนี้อย่างมากมาย เพียงเพราะเชื่อว่าตุ๊กตาเหล่านี้จะเป็นเพื่อนให้กับตุ๊กตาเด็กน้อยคนนั้นได้ ต่อมาไม่นานเขาก็ต้องจบชีวิตลงที่เกาะแห่งนี้คล้ายกับเด็กน้อยคนนั้นที่เขาไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ ต่อมาเกาะตุ๊กตาผีได้สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้ที่มาเยือน เพราะมีผู้คนมักได้ยินเสียงโหยหวนนับร้อยพันที่ดังมาจากตุ๊กตาบนเกาะแห่งนี้

เกาะฮาชิมะ ประเทศญี่ปุ่น

หากเอ่ยชื่อเกาะสุดหลอนที่ประเทศญี่ปุ่นมาหนึ่งชื่อ เกาะฮาชิมะ คือหนึ่งในรายชื่ออันดับต้นๆของความเฮี้ยน ครั้งหนึ่งที่นี่คือบาดแผลแห่งความทรงจำอันเลวร้ายของชาวจีนและเกาหลีใต้ เมื่อกองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์แรงงานเชลยชาวจีนและเกาหลีใต้ในช่วงสงครามโลกให้มาทำงานที่เกาะนี้ แม้ปัจจุบันเกาะฮาชิมะจะร้างไร้ผู้คนอาศัยอยู่แล้ว แต่เกาะแห่งนี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่คอยตามหลอกหลอนชาวจีนและเกาหลีใต้ไม่เว้นวัน

แน่นอนว่า ชื่อเสียงอันล่ำลือของเกาะแห่งนี้หลอกล่อหลากหลายผู้คนให้พากันมาท้าพิสูจน์ว่าจะหลอนสมดังคำอย่างที่ใครๆ กล่าวกันไว้หรือเปล่า หนึ่งเสียงยืนยันจากคินจิ ฟูกาซากุ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง Battle Royale ที่กล่าวว่าหนึ่งในนักแสดงสาวของเรื่องอย่างชิอากิ คูริยามา มีท่าทางที่ผิดแผกไปจากเดิม เมื่อจู่ๆดวงตาของเธอก็แดงก่ำ แล้ววิ่งตรงมาล็อกคอเพื่อนนักแสดงสาวอีกคน หลังจากวิญญาณร้ายออกจากร่างเธอไป เธอเล่าเรื่องชวนขวัญผวาว่าที่แห่งนี้มีวิญญาณที่เต็มไปด้วยจิตอาฆาตแค้นอัดแน่นทุกพื้นที่ของเกาะ

เกาะโพเวกเลีย (Poveglia Island) ประเทศอิตาลี

ย้อนกลับยังศตวรรษที่ 18 เมื่อกาฬโรคได้เริ่มคร่าชีวิตผู้คนบนเกาะโพเวกเลีย ว่ากันว่าผู้คนจำนวนกว่า 160,000 คน ต้องจบชีวิตลงเพราะโรคร้ายชนิดนี้ ไม่นานนักเกาะแห่งนี้ก็ได้ถูกเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลรักษาผู้ป่วยทางจิตเวช ซึ่งวิธีการรักษานั้นต้องบอกเลยว่าแปลกแต่เกิดขึ้นจริง เพราะเป็นการรักษาโดยใช้สว่านเจาะกะโหลกผู้ป่วย หรือจับผู้ป่วยกดน้ำ

เรื่องราวยังไม่จบลงแค่นั้น ในขณะที่เกาะแห่งนี้ได้ถูกเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาล มีคนไข้คนหนึ่งที่ขึ้นไปบนหอระฆังแล้วกระโดดลงมาหวังจะปลิดชีพตัวเอง แต่จากปากคำของผู้เห็นเหตุการณ์นั้นเล่าว่า ผู้ป่วยรายนี้ไม่ได้ตายเพราะกระโดดลงมาหากแต่เขายังมีลมหายใจรวยรินอยู่ แต่สิ่งที่ทำให้สิ้นลมคือร่างขาวคล้ายหมอกที่บีบคอเขาจนตายนั่นเอง ว่ากันว่าเกาะนี้ได้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผีดุที่สุดในโลกอีกด้วย

สุสานแห่งปารีส (Catacombs of Paris) ประเทศฝรั่งเศส

เมื่อกล่าวถึงปารีส หลายคนคงนึกถึงเมืองศิวิไลซ์ห้อมล้อมไปด้วยแสงสีหลากสีสัน นั่นคือเบื้องบนที่เราทุกคนเห็น แต่ใต้ฝ่าเท้าที่เราเหยียบไปนั้นอัดแน่นด้วยกะโหลกศีรษะของร่างไร้วิญญาณกว่า 6 ล้านชิ้น ในอดีตที่แห่งนี้เป็นเหมืองแร่และเป็นที่ส่งวัสดุก่อสร้างไปยังเมืองต่างๆ ต่อมาที่แห่งนี้ได้กลายมาเป็นที่ฝังศพ ราวศตวรรษที่ 18 สุสานต่างๆในปารีสแม้กระทั่งสุสานขนาดใหญ่อย่าง Les Innocents ก็มีพื้นที่ไม่เพียงพอต่อการฝังศพ คำตอบสุดท้ายจึงตกมาที่ Catacombs กระดูกทั้งหมดได้ถูกเคลื่อนย้ายมารวมกันไว้ ณ ที่แห่งนี้

ความลี้ลับของสุสานแห่งปารีสได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชอบลองของให้มาสัมผัสกันอยู่เนืองๆ หลายหลากเสียงกล่าวคล้ายกันว่า เมื่อลงไปยังสุสานแห่งนี้แล้วเหมือนมีดวงตาหลายคู่กำลังจ้องมอง แขนและขาคล้ายกับมีคนมาจับไว้ หรือแม้กระทั่งเสื้อผ้าถูกฉุดดึง

ป่าอาโอกิงาฮาระ ประเทศญี่ปุ่น

ท่ามกลางธรรมชาติอันเขียวชอุ่ม ปกคลุมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ แต่ป่าอาโอกิงาฮาระแห่งนี้ กลับถูกปกคลุมไปด้วยร่างไร้วิญญาณ คนญี่ปุ่นเลือกสถานที่แห่งนี้เพื่อปลิดชีพตัวเองลง โดยมีจำนวนถึง 100 คนต่อปีที่เดินทางมากำหนดลมหายใจสุดท้ายของตน ณ ที่แห่งนี้ เรื่องราวแรกเริ่มของป่าฆ่าตัวตายแห่งนี้คงมาจากเซโซ มัตสึโมโต ได้เขียนนิยายเรื่องคุโรอิ จูไค (KuroiJukai) ซึ่งให้ตัวละครหลักทั้งสองคนมาฆ่าตัวตายที่ป่าแห่งนี้ หลังจากนั้นไม่นานชาวญี่ปุ่นก็เลือกเดินทางตามรอยปลิดชีพตัวเองดังนิยายเรื่องนั้นเช่นกัน

คนญี่ปุ่นกับการฆ่าตัวตายเป็นความคิดที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจ อย่างยุคนักรบหรือซามูไรที่พ่ายแพ้กลับมาจะถูกบังคับให้ฆ่าตัวตาย แม้ปัจจุบันจะไม่ได้มีค่านิยมเช่นนั้นแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าชาวญี่ปุ่นมีความเครียดและแรงกดดันมากมาย เพราะฉะนั้นการฆ่าตัวตายอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดของพวกเขาแล้วก็ได้

เรียบเรียง : แพรพรรณ โพธิ์งาม
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต