‘แม็กซ์-ณัฐพล ดิลกนวฤทธิ์’ และ ‘ตุลย์-ภากร ธนศรีวนิชชัย’ สองหนุ่มหล่อจากซีรีส์ ‘Together with Me’ ซึ่งสร้างปรากฏการณ์คู่จิ้นฟีเวอร์ ที่เผ็ดและแซบแบบกินกันไม่ลง จนผู้ชมทั้งไทยและต่างประเทศเรียกร้องให้สร้างภาคต่อโดยเร็ว ในขณะที่ซีรีส์ภาคสามกำลังถ่ายทำ เราจึงชวนสองหนุ่มมาพูดคุยถึงมุมมองด้านความรักต่อความหลากหลายทางเพศ ผ่านประสบการณ์และความเข้าใจจากบทบาทในละคร รวมถึงมิตรภาพความเป็นเพื่อนที่พวกเขามีให้กัน


นับจากภาคแรกของซีรีส์ชุด Together with Me มาสู่ภาคที่สาม ‘The Next Chapter’ ซึ่งกำลังถ่ายทำอยู่นี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

ตุลย์ :
ห้าปีคือระยะเวลาในเรื่อง แต่จริงๆ คือปีที่สามของเรา สำหรับสามปีนี้ เรารู้จักตัวละครเยอะขึ้นมาก เรารู้สึกว่าตัวละครสองตัวนี้เขารักกันได้จริงๆ

แม็กซ์ : เวลาจูบกันก็ไม่ค่อยเขินเท่าไร

ตุลย์ : ใช่ เทียบกับครั้งแรกที่แบบว่า…

แม็กซ์ : แข็ง แข็งมาก…

ตุลย์ : (หัวเราะ) คือแค่ปากประกบกันนี่ก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมงแล้ว แต่ตอนนี้คือเราพร้อมจะกระโจนเข้าหากัน

แม็กซ์ : รุนแรง พร้อมจะปากแตกเสมอ (หัวเราะ)

ย้อนกลับไปในตอนแรกเมื่อรู้ว่าต้องรับบทเป็นชายรักชาย รู้สึกลังเลบ้างไหม

แม็กซ์ :
ผมโดนหลอกมาครับ (หัวเราะ) คือตอนมาแคสต์ผมจำได้ว่าแคสต์กับผู้หญิง แล้วลองคิดดูนะว่า ‘น็อค’ เป็นชื่อผู้หญิงก็ได้หรือเปล่า ไม่จำเป็นต้องเป็นชื่อผู้ชาย ผู้หญิงชื่อน็อคอะอุ๊ย! น่ารักจังเลย แล้ตอนแคสต์คือมีผู้หญิงมาขี่หลังผม ผมก็โชว์ความแพรวพราวในการเล่นกับผู้หญิงมากเลย ผู้กำกับบอกชอบ! ชอบกรแบบนี้ กรมันต้องมีอะไรแบบนี้แหละ พอวันจริงมาผมเห็นตุลย์นั่งมอเตอร์ไซค์มา มีคนในกองตะโกนว่า “น็อคมาแล้วๆ” ผมก็แบบ โว้ววว!! อะไรเนี่ย!! (หัวเราะ)

ตุลย์ : ส่วนผมพอรู้บ้าง สืบๆ จากวงใน เผือกๆ จากโปรดิวเซอร์ พอรู้ว่าเล่นแบบชายกับชายมันก็ท้าทายดี คือเราก็พร้อมจะรับอะไรใหม่ๆ อยู่แล้ว แล้วจริงๆ ผมกับแม็กซ์ก็รู้จักกันอยู่แล้ว ก็คิดว่าไม่น่าเป็นไรมั้ง



ก่อนหน้านี้มุมมองความรักเป็นยังไง

แม็กซ์ :
ตอนภาคหนึ่งเราเชื่อว่าความรักมีอยู่จริง แต่ไม่เชื่อว่ามันจะยืนยาวขนาดนั้น ไม่เชื่อว่าเราต้องไปต่อสู้เพื่อมันขนาดนั้น แล้วผมเป็นคนแบบนั้นจริงๆ นะ คือถ้ามันเหนื่อย ผมถอยออกมาดีกว่า แต่ถ้าเป็นตัวละครกร กรจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ผู้ชายคนนี้มา มันจะสู้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือสังคม แต่ตัวผมไม่ใช่ อะไรที่มันเป็นธรรมชาติมันจะไปกันได้เอง แต่ถ้ามันไม่ใช่ ก็แค่ถอยออกมา ไม่ต้องเหนื่อย

ตุลย์ : ผมรู้สึกว่าแรกๆ เราตัดสินตัวละครกันมากเลย เรามีกำแพงบางอย่างด้วยความที่ให้เราเล่นเป็นเกย์แบบนี้ แล้วพ่อแม่จะว่ายังไง ลูกเล่นละครแบบนี้ คือไม่ได้เคารพตัวละครมากเท่าที่เราเป็นทุกวันนี้ จนเราอยู่กับมันมาเรื่อยๆ แล้วด้วยความที่เราเป็นนักแสดงทั้งคู่ สิ่งที่เราควรทำที่สุดคือการเคารพบทบาท เราก็พร้อมที่จะเปิดใจ


อได้สวมบทบาทเป็น ‘กร’ และ ‘น็อค’ มุมมองความรักเปลี่ยนไปมั้ย

แม็กซ์ : คือเราต้องทำรีเสิร์ชเกี่ยวกับคู่รักชายกับชายเยอะเลยครับ คุณครูที่ทำเวิร์กช็อปให้ก็ให้ไปดูเรื่องตุลย์ : ผมรู้สึกว่า เรามีสิทธิ์ที่จะรักใครก็ได้และเราก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับรักตอบคืนมาเช่นกัน จริงๆ มันไม่ต้องสนใจด้วยว่าครอบครัวหรือสังคมจะตัดสินเราแรงแค่ไหน เราคิดว่าโลกจริงๆ มันก็มีปัญหาอะไรแบบนี้อยู่ คนก็เป็นทุกข์เป็นร้อน เพราะมีคนไม่พอใจเรื่องแบบนี้อยู่




คิดยังไงกับการตัดสิน ‘ถูก’ หรือ ‘ผิด’ ให้กับความรัก

ตุลย์ : สิ่งที่เรายังยึดติดกับมันมากๆ คืออคติ ค่านิยม บรรทัดฐาน หรืออะไรก็แล้วแต่ มีหลายๆ คนพยายามจะบอกว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราเข้าใจผิดๆ มาตลอด ว่าทำไมชายต้องคู่กับหญิงเท่านั้น ทำไมรักเพศเดียวกันแล้วมันผิด แต่ผมรู้สึกว่า ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ตราบใดที่มันไม่ได้เบียดเบียนใครก็ทำไปเถอะ

“พอเรารู้สึกว่า เราไม่ได้ไปติดกับคำว่า ความคาดหวัง เราแค่ตั้งใจทำหน้าที่ของเรา ผลตอบแทนหรือสิ่งที่มันเกิดขึ้นมันก็จะสวยงามมากๆ เพราะเราได้ให้มันไปร้อยเปอร์เซ็นต์ และก็ยังไม่หยุดพัฒนาตัวเอง … เราก็จะอยู่เป็นที่รักได้นาน”


คิดว่าซีรีส์เรื่อง Together with Me ให้อะไรกับคนดู

แม็กซ์ :
ผมว่ามันจะสร้างแรงบันดาลใจให้คนเรากล้า กล้าอย่างแรกคือกล้ายอมรับตัวเอง ว่าตัวเองเป็นอะไร อย่างที่สองคือกล้าที่จะคุยกับพ่อแม่ คนเรามันกลัวจริงๆ นะ ผมเลยรู้สึกว่า ถ้าซีรีส์ของเราไปสร้างความกล้าให้เขาได้ ก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว และผมรู้สึกว่าแม้ประเทศเราจะเปิดรับเรื่อง LGBT มากกว่าประเทศอื่น แต่ยังไงในสังคมเราก็ยังมีคนที่ไม่กล้ายอมรับกับครอบครัวตัวเองอยู่ เรื่อง Together with Me ก็จะเป็นหนึ่งในกำลังใจดีๆ ให้กับทุกคนครับ

ตุลย์ : จริงๆ มันก็ไม่ได้สนับสนุนให้คนเป็นเกย์หรืออะไรนะ เพียงแต่เราก็เหมือนเป็นเคสเคสหนึ่งที่เกิดขึ้นในสังคม และหลายๆ คนมีฟีดแบ็กกลับมาจากภาคที่แล้วนะครับว่า คุณรู้มั้ยว่าซีรีส์ของคุณทำให้ผมที่แอบรักคนคนหนึ่งมาก เป็นเพื่อนกัน แล้วก็เคยปิดกั้นตัวเองมาตลอด วันหนึ่งผมกล้าที่จะเดินเข้าไปบอกเขา ไม่ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ตาม อย่างน้อยผมได้ใช้ความกล้าของผม ผมได้ใช้สิ่งที่ผมรู้สึกไปบอกความจริงกับเขาให้เขารู้แล้ว แล้วผมก็รู้สึกดีมาก

รู้สึกอย่างไรกับผลตอบรับที่ได้มา เหมือนกับที่คาดหวังมั้ย


แม็กซ์ : ไม่ได้คาดหวังอะไรเลย ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ด้วยซ้ำ ตอนนั้นคาดหวังแค่ว่า จะทำซีรีส์เรื่องหนึ่งด้วยความตั้งใจ เราจะตั้งใจทำมัน ไม่ได้คาดหวังว่าคนดูจะได้อะไรแบบนั้นแบบนี้ เราแค่ทำตามตัวละครที่มันควรจะเป็น แล้วเราอยากตั้งใจ เพราะเรารู้สึกว่า ภาคแรกยังต้องปรับปรุงอีกเยอะ พอภาคสองเราเลยอยากทำมันอย่างเต็มที่

ตุลย์ : ผมรู้สึกว่ามันเป็นรางวัลของคนที่ทำงานเบื้องหลัง ลึกๆ แล้วมันอาจจะมีความตั้งใจบางอย่าง ในการเขียนบท ในการทำเนื้อเรื่องให้มันไปถึงจุดที่คนดูแล้วรู้สึกว่า เราต้องใช้เรื่องนี้กับชีวิตจริงเรา ก็ดีใจนะครับ ที่มีฟีดแบ็กกลับมา

แล้วมีฟีดแบ็กของการเล่นบทชายรักชายบ้างมั้ย


แม็กซ์ : เวลากินข้าว บางคนก็ถามว่าแม็กซ์ไหน พอบอกว่า แม็กซ์ตุลย์อ่าครับ เขาก็จะบอกว่า ‘อ๋อ!แม็กซ์ตุลย์!! รู้จักๆ’ก็ดีครับ ทุกคนก็จะบอกว่า เป็นคู่ที่เผ็ด!มากครับ(หัวเราะ)


ตุลย์ : ไม่เหมือนใครๆ


แม็กซ์ : ไม่เหมือนใคร ชอบแก้ผ้า (หัวเราะ)ในเรื่องกรกับน็อคเป็นคนรักกัน แล้วระหว่างแม็กซ์กับตุลย์เองมีการซัพพอร์ตกันยังไงบ้าง


แม็กซ์ : จริงๆ บ่นให้เขาฟังตลอดครับ อย่างเรื่องซีรีส์ บางทีเครียดมาก เล่นไม่ถึง ผมจะเป็นแบบว่า ถ้างานไม่ดีผมจะบ่นบ่นให้เขาฟัง แล้วเขาก็จะแบบ ‘เออ… ใจเย็นๆ มันจะออกมาดีเว้ย’ คือเขาก็จะ Positive กับเรา ซึ่งมันก็ดีครับ คือผมรู้ว่าผมบ่นไปก็แค่อยากบ่นแค่อยากระบาย คนบางคนอาจจะรำคาญก็ได้ แต่พอเป็นเขาก็จะพูดประมาณว่า เดี๋ยวมันก็ดีเว้ย เขาเป็นพี่ไง ก็รู้ว่าระบายได้


ตุลย์ : คือผมเป็นพี่ ผมก็จะงอแงไม่ค่อยได้ (หัวเราะ) แต่คือแม็กซ์มันก็อยู่ข้างผมตลอด ผมก็จะเจอปัญหาเดียวกับเขาคือนอยด์ตลอดเวลา รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรก็ไม่ดี เขาก็จะคอยบอกว่า ปล่อยไป เดี๋ยวเราทำได้ใหม่ เริ่มใหม่อะไรแบบนี้
ทุกวันนี้มีแฟนคลับขนาดไหน และเรายังพัฒนาตัวเองอยู่มั้ย

แม็กซ์ : ตอนแรกเลยก็ไม่ได้อินกับบทบาทขนาดนี้ แต่พอทำมาเรื่อยๆ ตัวละครที่ชื่อกรมันก็ทำให้เรามีฐานแฟนคลับ ทำให้เราเป็น ‘แม็กซ์ ณัฐพล’ อย่างทุกวันนี้ แล้วทุกครั้งที่เราไปจัดแฟนมีตติ้งในต่างประเทศ หรือมีคนจากหลายๆ ประเทศมาคอมเมนต์เรา เราก็ดีใจที่มีคนที่เห็นผลงานเรา มันเลยเริ่มอินขึ้นเรื่อยๆ ก็เลยอยากทำให้มันดี เพื่อทำให้คนที่ติดตามเรามีความสุขครับ


ตุลย์ : วงการบันเทิงมันเป็นเรื่องปกติที่มีขึ้นก็ต้องมีลง มันอาจจะมีใครขึ้นมาใหม่และลงไปใหม่ แต่พอเรารู้สึกว่า เราไม่ได้ไปติดกับคำว่าความคาดหวัง เราแค่ตั้งใจทำหน้าที่ของเรา ผลตอบแทนหรือสิ่งที่มันเกิดขึ้นมันก็จะสวยงามมากๆ เพราะเราได้ให้มันไปร้อยเปอร์เซ็นต์ และก็ยังไม่หยุดพัฒนาตัวเอง เพราะใครๆ ก็อยากเข้ามาอยู่ตรงนี้ เราก็ต้องปรับปรุงไปเรื่อยๆ เรารู้ว่าอะไรเป็นจุดดีและไม่ดีของเรา เราก็จะอยู่เป็นที่รักได้นานครับ

ขอบคุณ
TV Thunder

No Comments Yet

Comments are closed