ร้อยทั้งร้อยถ้าพูดถึงหนุ่มตี๋ ขาว หล่อ ดีกรี TU Cute Boy จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร’ หนุ่มงานดี ที่แจกจ่ายความเปล่งประกายบนโลกโซเชียลในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-มธ. ครั้งที่ 72 เจ้าของตำแหน่ง The most vibrant & shining guy จากการประกวด 50 หนุ่มโสดคลีโอในฝัน 2017 ก่อนจะโด่งดังเป็นพลุแตกจากบทบาท ‘ติณณ์’ ในซีรีส์วายเรื่องดัง ‘Love By Chance บังเอิญรัก’ พร้อมกับกระแสคู่จิ้นฟินกระจาย ‘มีน-แปลน’
จากหนุ่มหน้าใสที่โด่งดังจากกระแสคู่จิ้น ฟินจนห้างแตกทุกครั้งที่มีอีเวนต์ในวันนั้น‘มีน’เติบโตขึ้นและกำลังก้าวเข้าสู่วงการจอแก้วอย่างเต็มตัว ด้วยการเซ็นสัญญาเป็นพระเอกดาวรุ่งทางช่อง 3 Mars Homme ชวน‘มีน พีรวิชญ์’ มานั่งคุย อัปเดตเรื่องราวชีวิต รับพลังงานบวก และกระแสความฮอตที่ไม่เคยแผ่ว พิสูจน์ได้จากตารางงานที่แน่นเอี้ยดเหมือนเดิม!
มีนเริ่มเข้าวงการมาได้อย่างไร
ครั้งแรกเลย น่าจะประมาณ ม.5 ครับ ตอนนั้นอายุ 17 ปีได้ พี่สนุ๊ก ผู้จัดการเป็นคนชวนให้มาแคสติ้ง Love Sick The Series Season 2 ตอนนั้นมีนก็ติดเข้ามารอบลึกๆ ประมาณ 20 คนสุดท้าย เลยทำให้มีคนรู้จักมากขึ้น จากวันนั้นมีผลงานมาเรื่อยๆ เลยครับ โฆษณาบ้าง ถ่าย MV บ้าง เหมือนนักแสดงทั่วไปที่ไม่ได้มาถึงก็ดังเปรี้ยงปร้าง มีโอกาสได้เก็บประสบการณ์การทำงานมาเรื่อยๆ แต่ช่วงที่ทำให้คนรู้จักมีนมากขึ้น ก็น่าจะ 2-3 ปีที่แล้ว จากงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ที่เป็นไวรัลขึ้นมา จากนั้นมีโอกาสได้เล่นซีรีส์วายเรื่อง Love By Chance บังเอิญรัก เรื่องนี้ทำให้คนได้เห็นการแสดงของมีนเต็มๆ มากขึ้น
การมาเล่นบังเอิญรัก ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญจุดหนึ่งในชีวิตมีนเลย ก่อนหน้านี้มีนมีผลงานการแสดง ทั้งในบทเด่น บทรองมาบ้าง แต่มันก็ทั่วๆ ไปครับ ยังไม่มีคนติดตามมากเท่าไหร่ มีคนรู้จักเราประมาณหนึ่ง แต่พอมาเป็น ‘บังเอิญรัก’ทำให้มีฐานแฟนคลับเยอะมาก แบบที่เรายังไม่ทันได้ตั้งตัว เอาจริงๆ มีนก็พอจะรู้ว่า ถ้าได้เล่นซีรีส์วายก็จะมีคนติดตามเราบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะมีเยอะมากในเวลาที่รวดเร็วขนาดนี้ บังเอิญรักจึงเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้มีนมีชื่อเสียง มีคนพูดถึงมากขึ้น
จากผู้ชายแมนๆ ต้องมาเล่นบทชาย–ชาย ต้องปรับตัวอะไรไหม
มีนไม่ได้รู้สึกถึงขั้นต้องปรับตัวนะ (หัวเราะ) มีนไม่เคยมองว่าการมารับบทคู่ชาย-ชาย มันจะยากกว่าชาย-หญิง ความยากง่ายของมันอยู่ที่บท การดำเนินเรื่อง และความสัมพันธ์ของตัวละครมากกว่า แต่การแทนภาพว่าชาย-ชาย หรือชาย-หญิง มีนมองว่ามันไม่ต่างกัน มันคือความรักที่ตัวละครหนึ่งมีให้กับอีกตัวละครหนึ่งมากกว่าครับ ดังนั้นการมารับเล่นบทชาย-ชาย มันไม่ได้ยากขึ้น จะมีก็แต่ช่วงแรกๆ ก่อนที่จะรับเล่น มีกระแสสังคมที่คนพูดกันว่าจะมารับบทชาย-ชายจริงเหรอ คิดดีแล้วหรือยัง โอเคเหรอที่ต้องมาใกล้ชิดกับผู้ชาย เล่นเลิฟซีนด้วยกัน ซึ่งเอาจริงๆ ตรงนั้นมีนไม่ได้ติดอะไรเลย เพราะการเป็นนักแสดงมันต้องแสดงได้ทุกบทบาท และมีอีกหลายบทบาทที่ท้าทายรอเราอยู่ การมารับบทนี้จึงเป็นแค่ประสบการณ์หนึ่ง มีนว่าซีนดราม่า ซีนอารมณ์อื่นๆ ที่เคยเจอมา ยากกว่าการต้องมาเล่นคู่กับผู้ชายอีกครับ
สำหรับมีนแล้ว แฟนคลับคืออะไร
มีนเคยพูดไว้ว่า มีนไม่ค่อยชอบใช้คำว่าแฟนคลับสักเท่าไหร่ครับ ยิ่งเป็นเมื่อก่อนที่คนยังตามไม่เยอะ มีนจะเรียกพวกเขาว่าพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ แฟนคลับเป็นมากกว่าคนที่คอยมาตามเชียร์เรา คือมีนรู้สึกว่าเขาเป็นครอบครัว เป็นคนรอบตัว พวกเขาคือกลุ่มคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เพื่อแชร์โมเมนต์ต่างๆ ซึ่งกันและกัน เราแชร์โมเมนต์ดีๆ ของเราผ่านการแสดง ผ่านการเจอกันตามงานอีเวนต์ วันนี้เขาเหนื่อย ก็มาเอากำลังใจ วันนี้เขามีความสุข อยากเจอเรา เขาก็ซื้อของมาฝาก แฟนคลับสำหรับมีน จึงเป็นเหมือนคนใกล้ตัวที่คอยแชร์เรื่องราวกัน และคอยแบ่งปันความสุขให้กันครับ
การที่มีนประกาศไม่รับเล่นซีรีส์วายแล้ว มีผลกระทบต่อแฟนคลับไหม
ขอย้อนกลับไปก่อนว่า เหตุผลที่มีนไม่อยากรับเล่นซีรีส์วายแล้ว เพราะในวัฒนธรรมของซีรีส์วาย แฟนคลับจะไม่ค่อยอยากเห็นเราเปลี่ยนคู่จิ้นบ่อยๆ ถ้ามีนต้องรับเรื่องอื่น แล้วเปลี่ยนคู่จิ้นไปมา พวกเขาอาจจะไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่ เพราะแฟนคลับบางส่วนก็ตามเชียร์‘มีน-แปลน’คู่กัน ซึ่งมันอาจจะกระทบกันคนที่ตามเชียร์เป็นคู่ครับ
ฉะนั้น มีนรู้สึกว่าการเล่นซีรีส์วายในฐานะ‘มีน-แปลน’หรือ‘ติณณ์-แคน’ในบังเอิญรัก มันค่อนข้างคอมพลีตแล้ว เราโอเคและเต็มที่กับมัน แล้วทุกคนก็ตอบรับกลับอย่างดีเยี่ยม มีนเลยอยากเก็บโมเมนต์ดีๆ ในฐานะ ‘มีน-แปลน’ เอาไว้ ฟรีซมันไว้แบบนี้ มันเลยเป็นเหตุผลที่มีนไม่อยากรับซีรีส์วายเรื่องอื่นเข้ามาครับ
แล้วแบบนี้มีโอกาสที่แฟนๆ จะได้เห็นมีน กลับมาเล่นซีรีส์วายอีกไหม
ณ ปัจจุบันยังไม่รับครับ แต่ถ้าเป็นในอนาคตอีกสัก 10-20 ปี แล้วมันมีบทดีๆ อย่างพี่เวียร์ในมะลิลา ซึ่งเป็นบทที่น่าสนใจและได้สนับสนุนกลุ่มความหลากหลายทางเพศ มีนอาจจะกลับมาอีกครั้งในฐานะนักแสดงที่อยากสนับสนุนกลุ่มนี้ แต่ถ้าเป็นในปัจจุบัน หรืออีก 5 ปีข้างหน้า ยังไม่มีแพลนครับ
พูดถึงบังเอิญรักSeason 2ทิ้งทวนซีรีส์วายสักหน่อย
สำหรับเรื่องนี้มีนเต็มที่กับมันมากๆ ครับ เพราะมีนคิดว่านี่คือครั้งสุดท้ายที่มีนจะได้แสดงในฐานะนักแสดงซีรีส์วาย รวมถึงที่จะได้เล่นเรื่องบังเอิญรักด้วย อยากปิดตำนานบังเอิญรักให้สมบูรณ์แบบที่สุด ให้สมกับที่ทุกคนรอคอยมานานถึง 2 ปี มีนเองทำการบ้านหนักมาก ทั้งตีความบท ตีความตัวละคร ทำคาแรกเตอร์กันใหม่ หวังว่าทุกคนจะเห็นความตั้งใจของเรา ซึ่งในวันนี้ที่ออนแอร์ออกมา ก็รู้สึกพอใจมากกับผลงานที่ทำไว้ ถ้าไปเปรียบเทียบกับบังเอิญรัก Season 1 จะเห็นความแตกต่างค่อนข้างเยอะ เพราะเราเองก็ผ่านประสบการณ์อะไรมาหลายๆ อย่าง อยากทำให้มันเป็นโมเมนต์ที่ดีที่สุดที่จะอยู่กับทุกคนตลอดไป
ความสัมพันธ์ของ ‘ติณณ์-แคน’ เหมือนแม่เหล็ก คนหนึ่งเป็นพลังงานลบ อีกคนเป็นพลังงานบวก พอขั้วบวกกับลบมาเจอกัน มันจึงดึงดูดเข้าหากัน คนที่มีพลังลบก็อยากมีพลังบวกเข้ามาเติมเต็ม คนที่มีพลังบวกก็อยากจะแชร์พลังบวกของตัวเองไปให้อีกคนได้มีความสุขยิ่งขึ้น มีนชอบไดอะล็อกหนึ่ง ที่ติณณ์พูดว่า แคนเป็นเหมือนอากาศ เป็นเหมือนลมหายใจของเขา ปัญหาครอบครัว เรื่องที่บ้าน ทำให้ติณณ์หายใจได้ไม่เต็มปอด และแคนก็คือออกซิเจนสำหรับเขา
ในฐานะนักแสดงซีรีส์วาย มีนมองความสัมพันธ์ชาย–ชายเป็นอย่างไร
มีนมองที่ความรู้สึกจากข้างใน อะไรทำให้เขารักกัน เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นเพศไหน หรือเขาจะจำกัดความตัวเองว่าอะไร เราจะไม่ควรไปตีความตรงนั้น มีนรู้สึกแค่ว่าเขาคือคนคนหนึ่งที่อยากมีอีกคนเข้ามาในชีวิต อย่าไปคิดว่าเขาเป็นใคร เพศไหน แค่เขารักกัน อยากอยู่ด้วยกัน แค่นี้มันก็เพียงพอสำหรับความสัมพันธ์
ถ้าเลือกได้ อยากเล่นบทบาทไหนมากที่สุด
อืม… อยากเล่นหลายบทบาทนะ ถ้าเป็นละครที่มีนางเอกเป็นผู้ดีหลงเข้ามา ส่วนเราเป็นหนุ่มเจ้าของฟาร์ม ลุคมีนพอจะไหวไหมครับ(หัวเราะ)ขี่ม้า ปลูกผัก คนน่าจะชอบนะ
เข้าวงการมาสักพักแล้ว ได้อะไรจากวงการบันเทิงบ้าง
มีนได้อะไรจากวงการบันเทิงมาเยอะมากๆ ครับ มีนรู้สึกว่ามีนเป็นคนที่โตกว่าอายุ ประสบการณ์การทำงาน 5-6 ปี ถือว่าเยอะมากนะครับสำหรับเด็กจบใหม่อย่างมีน วงการบันเทิงทำให้มีนได้เจอกับคนที่หลากหลาย ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ดาราระดับท็อปๆ ทีมงานมากประสบการณ์ ครีเอทีฟทั้งหน้าใหม่และระดับมือโปรฯ ทุกคนมีไอเดีย แนวคิดที่แตกต่างกันออกไป มีนก็จะรับฟังและนำมาพัฒนาตัวเอง อันไหนดีก็เก็บไว้ อันไหนไม่ดีเราก็ไม่ทำ วงการบันเทิงสอนมีนหลายเรื่องมาก หนึ่งในเรื่องที่สำคัญมากๆ คือความรับผิดชอบ เราต้องวางแผนให้ดี เพื่อที่จะรับผิดชอบงานทั้งหมดในมือ แล้วทำมันออกมาให้ดีที่สุดโดยที่เรายังมีความสุขกับมัน
อะไรคือความยากของวงการบันเทิง
หลายๆ คนชอบคิดว่าการเข้าวงการบันเทิงมันยาก แต่มีนมองว่ามันง่ายครับ แค่ทำอะไรสักอย่างให้เป็นกระแสในโซเชียลก็มีคนรู้จักเราแล้ว แต่ความยากที่แท้จริงของวงการบันเทิง มันคือการทำอย่างไรให้เราอยู่ต่อไปได้ในระยะยาว ไม่ใช่แค่เล่นเรื่องเดียวแล้วหายไป การทำให้ตัวเองมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพมันยากนะครับ มีนคิดว่ามันคือกับดักที่ศิลปินและนักแสดงหน้าใหม่ทุกคนต้องเจอ มันไม่เหมือนสมัยก่อนที่ช่องทางในการเข้าวงการมีน้อย กว่าจะเป็นพระเอก กว่าจะเป็นดาราได้ก็ยาก แต่พอเข้าได้แล้วก็อยู่กันยาวๆ แต่สมัยนี้มีหน้าใหม่เกิดขึ้นทุกวัน ดังนั้นจะทำอย่างไรให้ตัวเองยืดระยะเวลาไปนานที่สุด อันนี้แหละคือจุดที่เป็นเรื่องยากและท้าทายสำหรับทุกคน รวมถึงตัวมีนเองด้วย
แล้วเสน่ห์ของวงการบันเทิงคืออะไร
ครั้งแรกที่มีนเข้าวงการบันเทิง เพราะไม่มีอะไรทำ(หัวเราะ)แต่เพราะเป็นคนไม่ชอบอยู่นิ่งๆ อยากให้มีอะไรใหม่ๆ ทำ เลยตัดสินใจเข้ามาวงการบันเทิงดู มีนว่าเสน่ห์ของวงการบันเทิง คือความหลากหลาย ได้ลองทำอะไรหลายๆ อย่าง แค่ในแต่ละวันที่เราไปถ่ายซีรีส์ ถ่ายละคร บทบาทมันก็เปลี่ยนไปแล้ว ถ่ายแบบแต่ละครั้งก็มีธีมที่ต่างกันออกไป แถมยังได้ร้องเพลง เล่นดนตรี เต้น ทุกวันนี้ Performance ที่เราแสดงออกไปมันมีหลากหลายมาก ทำให้เราหยุดพัฒนาตัวเองไม่ได้ เมื่อไหร่ที่หยุดพัฒนา ทุกคนก็จะแซงหน้าเราทันที
นอกจากเป็นนักแสดงแล้ว อยากลองทำอะไรในวงการบันเทิงอีก
เอาจริงๆ เลยนะ ความฝันวัยเด็ก ก่อนจะมาเป็นนักแสดง คืออยากถือไมค์บูมกับตีสเลท มันเท่มากนะ(ยิ้ม)ตอนนี้ได้ลองแล้ว ชอบมากเลย แต่พอได้เข้ามาทำงานในวงการ แล้วตัวเราเองก็เรียนจบด้านภาพยนตร์มาด้วย มีนเลยอยากมี Production House เล็กๆ ทำเป็นเอเจนซี่ แล้วมีนก็ชอบงานเบื้องหลังมากด้วย ช่วงเข้ามาในวงการแรกๆ หลังถ่ายเสร็จมีนชอบไปอยู่หน้ามอนิเตอร์ อยู่กับพี่ผู้กำกับ ในอนาคตอาจจะผันตัวเป็นผู้จัดหรือผู้กำกับก็ได้ครับ
นอกจากที่เห็นมีนในบทบาทนักแสดง ไลฟ์สไตล์ทั่วไปของมีนเป็นอย่างไร
มีนชอบออกกำลังกายมากๆ ครับ ถ้ามีโอกาสก็จะเข้าฟิตเนส แต่ถ้ามีเพื่อนก็จะออกไปตีแบดมินตัน เตะฟุตบอลบ้าง การออกกำลังกายมันช่วยให้หายเครียดได้นะ นอกจากนี้ก็ชอบดูหนัง มีเวลาว่างก็จะเข้าโรงหนัง มันได้ผ่อนคลายจากชีวิตการทำงาน และได้ศึกษาการแสดงไปในตัว ทุกครั้งที่ดูก็จะคิดตาม ค่อยๆ ซึมซับ ศึกษาเทคนิค แล้วปรับมาใช้กับการแสดงของตัวเองด้วยครับ
อย่างหนังเรื่องล่าสุดเรื่อง ‘วอน (เธอ)’ คาแรกเตอร์จะเป็นคนที่เล่นกล้อง วางตัวเองเป็นเหมือนคนที่ดูหนังมาเยอะ มองนางเอกทีไรก็จะเห็นเขาเป็นเฟรมหนัง มีนก็จะไปเลือกดูหนังที่มีอารมณ์ประมาณนี้ เช่น 500 Days of Summer, Before Sunset และ Before Sunrise เวลาจะเล่นเรื่องอะไร ก็จะพยายามไปหาคาแรกเตอร์ ไปหาหนังที่มี mood and tone คล้ายๆ กัน มาช่วยในการทำงานของเรา
โอกาสได้เล่นภาพยนตร์ เป็นอย่างไรบ้าง
อย่างที่บอกว่ามีนชอบดูหนังอยู่แล้ว แล้วก็เรียบจบด้านภาพยนตร์มาด้วย ก็เลยอยากเล่นหนังมากครับ ถ้ามีงานหนังมาติดต่อ ตัดสินใจง่ายกว่ารับซีรีส์อีก เพราะชอบมากจริงๆ มีนชอบความรู้สึกที่เราจะได้ขึ้นไปอยู่บนจอใหญ่ๆ มันค่อนข้างภูมิใจในตัวเอง ถ้าเราได้เป็นคนตัวเล็กที่นั่งดูตัวเองอยู่บนจอใหญ่ แต่ก็มีสิ่งที่ไม่ชอบนะ คือมันแต่งหน้าน้อย เลยต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ(หัวเราะ)แต่มีนก็ชอบหนังมากๆ ครับ เล่าสั้นๆ ขมวดจบเร็ว อยากเล่นหนังอีก จ้างมาอีกได้นะครับ
มีนในบทบาทของ Youtuber ใน MEANTROSEXUAL เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร
มันเริ่มมาจากช่วงโควิด-19นี่ล่ะ จริงๆ ก่อนหน้านี้ มีนอยากลองทำมานานแล้ว อยากโชว์ไลฟ์สไตล์ของมีน เรื่องการดูแลตัวเอง การแต่งตัวบ้าง เพราะเมื่อก่อนมีนไม่ค่อยมั่นใจตัวเอง และรู้สึกว่าการดูแลตัวเองมันสำคัญมาก ทั้งการกิน นอน ทาครีม แต่งหน้า และการแต่งตัว ซึ่งเอาจริงๆ มันไม่ค่อยมีคอนเทนต์เรื่องการดูแลตัวเองของผู้ชายใน YouTube สักเท่าไหร่ เลยอยากลองทำดู พอช่วงโควิด-19 มันออกไปไหนไม่ได้ อยู่แต่ในห้องก็เลยลองทำขึ้นมา ซึ่งกระแสตอบรับก็ค่อนข้างโอเคเลยนะ แต่ปัญหามันอยู่ที่พอสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น งานก็เริ่มกลับมาเหมือนเดิม มีนก็ไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ แต่จะพยายามอัปเดตคลิปใหม่ให้บ่อยๆ
Words : Chanisa Karnsritong