พล็อตเรื่องแนว #ซินเดอเรลล่า หรือรักต่างชนชั้นระหว่างเจ้าชายผู้สูงศักดิ์กับสามัญชนผู้ต่ำต้อยที่โชคชะตาก็พาให้เขาทั้งคู่มาเจอกัน ยังคงคลาสสิกและถูกนำมาใช้บ่อยๆ เพียงแต่เรื่องราวที่ถูกดัดแปลงตามยุคสมัยใหม่ไม่จำเป็นต้องมีรองเท้าแก้ว แม่เลี้ยงใจร้าย และงานเต้นรำอันหรูหราเสมอไป


        ล่าสุด Netflix มีซีรีส์ใหม่ “Young Royals” ที่นำเสนอเรื่องราวของราชวงศ์สวีเดนรุ่นใหม่ ที่พ่วงมาด้วยเรื่องราวความรักครั้งแรก เพศวิถี หน้าที่ในครอบครัว ภาระผูกพันทางสังคม ชนชั้น และการตระหนักรู้ในตนเอง นับเป็นความกล้าที่จะผนวกเรื่องราวทั้งหมดนี้ในซีรีส์วัยรุ่น โดยเฉพาะการเล่นประเด็นการเป็นคนหลากหลายทางเพศในราชวงศ์ชั้นสูง (ฝรั่งคงไม่ซีเรียสนักหรอกกับประเด็นนี้ เพราะเขาพูดเรื่องสิทธิ และความเท่าเทียมกันมานานแล้ว นั่นคือยุโรป แต่ประเด็นเดียวกันนี้คงไม่เหมาะกับราชวงศ์ในเอเชียหรือที่อื่นๆ เพราะบริบททางสังคมและวัฒนธรรมมันต่างกันมาก ฉะนั้นก่อนจะชื่นชมหรือยกยอปอปั้นจนเกินจริง ก็ควรพิจารณาสิ่งละอันพันละน้อยเหล่านี้ประกอบด้วย)


        Young Royals เล่าเรื่องราวของเจ้าชายแห่งราชวงศ์สวีเดนผู้ดื้อรั้นอย่าง “วิลเฮล์ม” หรือที่เพื่อนๆ เรียก “วิลเล” ที่ไปก่อเรื่องก่อราวในผับจนกระฉ่อนไปทั่วโซเชียลมีเดีย สร้างความอับอายไปทั่ว แน่ละ หม่อมแม่ หรือสมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน จำต้องย้ายลูกชายคนรองตัวแสบมาอยู่ในโรงเรียนประจำ Hillerska อันทรงเกียรติ ที่มีแต่บรรดาลูกหลานอีลิตเป็นส่วนใหญ่


        นั่นก็จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตวิลเล เพราะที่นี่เองที่เขาได้พบรักกับ “ไซมอน” หนุ่มสามัญชนที่มีแนวคิดสังคมนิยมจ๋ามากๆ นักเรียนแสนธรรมดาผู้นี้ เข้ามาเรียนในเรียนในโรงเรียนที่มีแต่ลูกหลานคนในสังคมชนชั้นสูง ลูกหลานตระกูลใหญ่โตในประเทศนี้ ได้อย่างไรนั้น ในซีรีส์ยังไม่ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ เพียงแค่ฉายภาพ “ไซมอน” ไว้เฉยๆ ว่า มาจากครอบครัวคนชั้นกลางที่ค่อนไปทางเกือบจน พ่อแม่แยกทางกัน เขาอาศัยอยู่กับแม่และน้องสาวที่ชื่อ “ซาร่า” ซึ่งเรียนอยู่ชั้นเดียวกัน และเป็นนักเรียนแบบไป-กลับ ต่างจากบรรดาลูกเจ็ตเซ็ตเตอร์ทั้งหลายที่ได้นอนในห้องส่วนตัวเก๋ๆ มีห้องน้ำในตัว พร้อมทีวี โต๊ะอ่านหนังสือ และเฟอร์นิเจอร์ครบครัน


        เรื่องราวที่เกิดขึ้น Hillerska แห่งนี้ ยังเชื่อมโยงกับกลุ่มตัวละครในโรงเรียนประจำ ทั้งลูกพี่ลูกน้องคนที่สองของราชวงศ์สวีเดน, เฟลิซสาวน้องผิวสีที่พยายามดิ้นรนเพื่อเป็นลูกสาวที่สมบูรณ์แบบตามที่แม่ของเธอกดดันให้เธอเป็น, ซาร่า น้องสาวของซีม่อน ผู้ปรารถนาให้เธอเป็นเหมือนเพื่อนที่ร่ำรวยและมีเกียรติมากขึ้น


        เรื่องราวความรักครั้งแรกของวิลเฮล์มและไซมอน เกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่วิลเลเข้ามาโรงเรียน ซึ่งแน่นอน บุคคลระดับราชวงศ์มาเรียนก็ต้องต้อนรับกันให้สมพระเกียรติเจ้าชายหน่อย อีริค พี่ชายของวิลเล และเป็นมกุฎราชกุมารของสวีเดน เป็นคนมาส่งน้องชายด้วยตัวเอง ความประทับใจในตัวไซม่อน บวกกับการเป็นคนที่ชัดเจนในเรื่องแนวคิดสังคมนิยมที่ปฏิเสธชนชั้น การกล้าเถียงกับเพื่อนอีลิตและครูในชั้นเรียนเรื่อง “ภาษีและการเลี่ยงภาษีของคนรวย” เป็นสิ่งที่เจ้าชายทรงปิ๊งในทันที


        ความรักที่ก่อตั้งทีละน้อย ตามมาด้วยความขัดแย้งที่ต้องเลือกระหว่าง “ตัวเอง” กับ “หน้าที่ของตัวเอง” เมื่อจู่ๆ วิลเล ได้รับโทรศัพท์จากสำนักพระราชวัง เพื่อแจ้งข่าวการสิ้นพระชมน์ของมกุฎราชกุมารอีริค พี่ชายของเขา สถานะของวิลเลเปลี่ยนไปในช่วงข้ามคืน เขาถูกเลื่อนลำดับขึ้นเป็นมกุฎราชกุมารคนต่อไปในทันที แน่นอนว่าสถานะนี้มี “หน้าที่” ที่หนักอึ้งรออยู่ในฐานะ ว่าที่กษัตริย์ของสวีเดนในอนาคต ความโกรธและความสับสนที่ค่อยๆ เผาผลาญจิตใจก็ปรากฏขึ้น
 
        วิลเลใช้เวลาครึ่งแรกของซีรีส์เพื่อปฏิเสธแรงดึงดูดของเขาที่มีต่อไซม่อน แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็อดไม่ได้ที่จะหมกมุ่นอยู่กับเขา ทั้งสายตาที่จ้องมองมาก การเสี่ยงที่จะสัมผัสนิ้วก้อยที่เป็นความลับ ทำให้เขาใกล้ชิดที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตราบเท่าที่เขาสามารถจะทำได้ เรื่องราวในซีรีส์ จบลงด้วยเหตุบางอย่างที่ทำให้วิลเลต้องตัดสินใจ แต่นั่นก็ทำให้เขารู้ใจตัวเองเช่นกันว่า เขารักไซม่อนไปแล้ว


        ในซีซั่นถัดไป ความขัดแย้งที่ถูกสร้างเอาไว้ในซีซั่นแรกจะเป็นอย่างไรต่อนั้น เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากทีเดียว ข้อดีที่ทำได้สมจริงของ Young Royals นอกจากเรื่องประเด็นเกย์ระหว่างชนชั้นแล้ว คงต้องยกให้การแคสต์ติ้งนักแสดงที่ดูเหมือนเด็กมัธยมอีกด้วย เพราะนอกจากรูปร่างหน้าตาจะสมวัยกันทุกคนแล้ว ทุกคนยังมีสิว ซึ่งการแต่งหน้าในซีรีส์ก็ช่วยทำให้ทุกคนมันดูสมจริงมากขึ้น ดูเป็นวัยรุ่นที่ไม่ประดิษฐ์ (ถ้าขืนเป็นซีรีส์ไทยนะ ทุกคนจะหน้าเนียนหมดจ้า) อีกเรื่องที่น่าชื่นชมคงต้องยกให้ซาวด์แทร็กของซีรีส์ที่มีคอลเลคชันเพลงป๊อป / ฮิปฮอป / อิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิตในยุโรปเป็นหลัก ซาวด์แทร็กร่วมสมัยแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับบรรยากาศของโรงเรียนประจำและการสำรวจอุดมคติดั้งเดิมที่ว่าด้วยชนชั้นทางสังคมและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ และนั่นเป็นสิ่งที่ช่วยขยายความเข้มงวดของสถาบันที่มีอายุหลายศตวรรษและวิธีที่เยาวชนในปัจจุบันต่อสู้ เคลื่อนไหวต่อต้าน หรือกำหนดกฎเกณฑ์ใหม่ที่ตั้งขึ้นโดยพวกเขามากขึ้น


#YoungRoyals
#netflix