หลังการเลือกตั้งครั้งใหญ่เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว เราได้เห็น ‘ภาพเสมือนจะก้าวหน้า’ ค่ะ! เพราะมีผู้แทนราษฎรที่เป็นตัวแทนของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศเข้าไปทำหน้าที่หลายท่าน โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่เคลมตัวเองว่า ‘หัวก้าวหน้าสุดๆ’ ล้ำไปไกลถึงอนาคตใหม่เบื้องหน้า

แต่ขอโทษนะคะ บรรดาผู้ทรงเกียรติเหล่านั้น ทำหน้าที่ได้ไม่ถึงปี อิชั้นก็ได้เห็นธาตุแท้อันสะท้อนทั้งความ ‘กระแดะแอนด์กลวง’ ของพวกเขาเหล่านั้น เพราะนอกจากความพยายามเสียเหลือเกินที่จะแต่งตัวสวยไปวันๆ (ที่หลายท่านมองว่า ‘ไม่รู้จักกาลเทศะ’ ซะมากกว่า) และโชว์ศักยภาพแบบจัดง่าว จนกลายเป็นประเด็น ‘ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์’ ที่ทำให้ภาพลักษณ์กลุ่มคนหลากหลายทางเพศ ดำดิ่ง ติดลบเสียยิ่งกว่าหุ้นที่โดนพิษไวรัสโคโรนา

กาลก็เลยมาถึงจุดที่กลุ่มคนหลากหลายทางเพศต้องมานั่งขบคิดกันว่า การมีผู้แทนราษฎรจากกลุ่มคนหลากหลายทางเพศนั้นจะช่วยผลักดันสิทธิ์และกฎหมายต่างๆ ที่กลุ่มคนหลากหลายทางเพศพึงสมควรจะได้รับ หรือเข้าไปทำลายภาพลักษณ์ ชื่อเสียง ให้ดูแย่ไปมากกว่าเดิม

เอาล่ะ ไม่ต้องไปฝากความหวังใดกับผู้แทนราษฎรกลุ่มคนหลากหลายทางเพศหรอกค่ะ นั่นมัน mission impossible เอาเป็นว่า กลุ่มคนหลากหลายทางเพศ ช่วยตัวเองเถอะนะคะ ในวันนี้เราได้ผู้ชนะเลิศการประกวด Mr. Gay world Thailand 2020 แล้ว และผู้ที่ได้รับมงนี้ นอกจากจะต้องเป็นตัวแทนกลุ่มคนหลากหลายทางเพศของประเทศไทยไปประกวดที่แอฟริกาใต้แล้ว ยังจะต้องเป็นหัวหอกในการผลักดันประเด็นต่างๆ ทางสังคมในเรื่องต่างๆ ด้วย โดยเจ้าของรางวัล Mr. Gay world Thailand 2020 ล่าสุดได้แก่ ‘โก้-ภัทรพล ใจเย็น’ ที่มีประวัติน่าสนใจมากทีเดียวค่ะ


โก้เข้ามาสมัครประกวด Mr. Gay world ได้อย่างไร ได้ข่าวสารมาจากไหน หรือว่ามีอะไรที่ทำให้สนใจเข้าประกวดครั้งนี้

เริ่มต้นเลย ผมเห็นเขาประกาศรับสมัครครับ แล้วโก้เคยดูในส่วนของการประกวดไลฟ์สดของปีที่แล้ว โก้มองว่าเวทีนี้เป็นเวทีที่สามารถสร้างประโยชน์ให้ LGBT แล้วก็สังคมได้ครับ เลยเริ่มฟิตหุ่น พัฒนาความรู้ แล้วก็เข้ามาสมัครประกวดที่นี่ เพราะอย่างน้อย โก้อาจจะเป็นกระบอกเสียงให้ LGBT แล้วก็เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับการประกวดในครั้งนี้ได้ครับ

คาดหวังอะไรบ้างตั้งแต่เข้ามาประกวดจนถึงวันที่ประกาศรางวัลชนะเลิศ

ไม่คาดหวังครับ เพราะว่าในวันที่ประกวด ตอนแรกเวทีนี้เขาเน้นจิตสาธารณะ ช่วยเหลือสังคมแล้วก็เป็นแบบอย่างที่ดี การประกวดในแต่ละช่วงก็จะมีแคมเปญแต่ละแคมเปญ ซึ่งผู้เข้าประกวดทุกคนเขามีความสามารถและมีความแตกต่างเฉพาะไปเลย เลยคิดว่าใครก็ได้ครับใน 30-31คนนี้ ซึ่งเรามองแล้วเราคิดว่าเราทำให้เต็มที่ครับ


ในการประกวดทุกปีจะต้องมีการเสนอแคมเปญที่ผู้เข้าประกวดอยากจะทำ เรานำเสนอเรื่องอะไร มีความน่าสนใจอย่างไร?

แคมเปญของโก้ชื่อ Love and Learn (in Yourself) คือบังคับเข้าใจตัวของเรา แล้วก็สามารถคิดบวกแบบ Positive Thinking ซึ่งโครงการของโก้จะเป็นโครงการที่อยากให้เน้นความเข้าใจในสังคม เริ่มจากตัวเราก่อน คือถ้าเกิดเราเข้าใจคนอื่นแต่เราไม่เข้าใจตัวเราเอง ไม่มีการยอมรับตัวเอง เราก็จะไม่สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เหมือนอย่างข่าวล่าสุดที่เด็ก ม.1 เขาไล่ยิงเพื่อนร่วมห้อง โก้ว่าตรงนี้มันต้องเริ่มจากความเข้าใจในตัวเขาก่อน และความเข้าใจในสิ่งรอบข้าง ซึ่งเมื่อรู้จักตัวเรา และครอบครัวเข้าใจ โก้เชื่อว่ามันจะเป็นพื้นฐานที่ทำให้เราสามารถเรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

วันนี้เราวางสเต็ปไว้หรือยังว่า แผน 1 2 3 ที่เราจะทำในอนาคตจะเริ่มอย่างไรบ้าง

อย่างแรกเลยคือ โก้จะเริ่มเป็นแบบอย่างที่ดีให้สังคมก่อน จากเมื่อก่อนโก้อาจจะมีการเที่ยวเตร่กินเหล้า เป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้มองว่าเราจะต้องทำอะไรเพื่อสังคมบ้าง แต่ ณ วันนี้ พอโก้มาอยู่ตรงนี้ โก้อยากจะเป็นแบบอย่างแล้วก็เป็นกระบอกเสียงให้ครับว่า เราสามารถทำอะไรได้หลายๆ อย่าง เหมือนกับเพศสภาพทั่วๆ ไป โดยที่เราเริ่มจากช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสก่อน ถ้าเป็นไปได้ โก้อยากจะเน้นในส่วนของ LGBT เป็นหลัก ซึ่งโครงการของโก้ต่อไป โก้มองว่าถ้าโก้มีโอกาสหรือว่ามีเม็ดเงินที่ support จริงๆ โก้ก็จะสามารถต่อยอดไปช่วยเหลือเด็กที่เขาด้อยการศึกษาให้เขามีโอกาสได้เรียนรู้และพัฒนาในการศึกษาต่อไปครับ


ถามเรื่องส่วนตัวนิดหนึ่ง โก้เปิดตัวมานานหรือยัง ความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นอย่างไร

แม่โก้เขารู้จากคนอื่น แม่บอกว่าแม่เลี้ยงได้แต่ตัว แต่หัวใจเลี้ยงไม่ได้ ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร ขอให้เป็นคนดีแค่นั้นเอง ซึ่งชีวิตสมัยก่อนโก้ปากกัดตีนถีบ ต้องสู้ชีวิต ต่อสู้หลายๆ อย่าง มันทำให้โก้คิดว่าถ้าเกิดโก้ได้ทำงานที่ดีๆ แล้ว โก้ได้มีโอกาสช่วยเหลือพ่อแม่แล้ว นั่นคือสิ่งแรกที่โก้ต้องทำ หลังจากนั้นโก้จะทำอะไรเพื่อสังคม แล้วก็เป็นแบบอย่างที่ดีให้ได้ เหมือนกับที่โก้เคยได้โอกาสจากคนรอบข้างจนโก้มีทุกวันนี้ครับ นั่นคือความตั้งใจ

จากพาร์ตครอบครัวที่พ่อแม่เข้าใจเรา เพื่อนในโรงเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัยเป็นอย่างไรบ้าง

สมัยที่โก้เรียนค่อนข้างจะโดนกดดัน โดนบูลลี่ โดนกลั่นแกล้งบ้างเช่นเอาชอล์คมาเขียนที่โต๊ะ ต่างๆ นานา แต่พอเรากลับถึงบ้านเราก็ลืมแล้ว เพราะโก้เป็นคนที่โกรธง่ายหายเร็ว แล้วโก้เชื่อว่าการที่เรามองบวกในชีวิตครับ แล้วเราเอาความเสียใจตรงนี้มาพัฒนาเป็นแรงกระตุ้นในการทำอะไรหลายๆ อย่างจะทำให้เราเห็นคุณค่า แล้วเราก็จะประสบความสำเร็จ และเราจะภูมิใจในตัวเราครับ

เข้ามหาวิทยาลัย เราเลือกเรียนสาขาอะไร
คณะบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งในส่วนของการเรียนบริหารมันจะเป็นอะไรที่ต่างคนต่างเรียนตาม Sector ของแต่ละคน จะมีกลุ่มเพื่อนหลากหลายมากขึ้น ทุกคนต่างทำงาน certificate ของแต่ละคน เพราะฉะนั้นจะไม่ค่อยมาสุงสิงเหมือนสมัยมัธยมครับ


ปัจจุบันทำงานอะไรในแง่ของความเป็น LGBT ควรจะต้องปรับตัวอย่างไรบ้างเพื่อรับมือกับเศรษฐกิจปี 2020

ปัจจุบันทำงานอยู่บริษัทเอกชนครับ ดูแลเรื่องการลงทุน เป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนครับ จะให้คำปรึกษาเรื่องการลงทุนต่างๆ ครับ จริงๆ ไม่จำเป็นต้องเป็น LGBT นะครับ เป็นใครก็ได้ครับในสังคม อาจจะต้องระวังการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นครับ อย่างตอนนี้รัฐบาลเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการใช้จ่าย อาจจะต้องมีการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังครับ จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ระยะยาวในการดำเนินชีวิตต่อไปด้วยนะครับ

มาถึงจุดที่เราเป็นตัวแทนของประเทศไทย ที่จะต้องออกไปประกวดในเวทีโลก เราเตรียมความพร้อมของเราแค่ไหน

เหลือเวลาประมาณ 4-5 เดือน ตอนนี้เริ่มไปเรียนภาษาเพิ่ม หาความรู้เพิ่มมากขึ้นว่า LGBT ตอนนี้ในประเทศไทยมีอะไรบ้าง ต่างประเทศมีอะไรบ้าง แล้วก็ฝึกบุคลิกภาพการเดิน เริ่มหาชุดประจำชาติ หาในส่วนของสปอนเซอร์เพื่อจะ support ในเวทีโลกต่อไปครับ


ในระดับนานาชาติ ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับว่าเป็นสวรรค์ของ LGBT ใครๆ ก็มาเที่ยว แต่เมื่อเร็วๆ นี้มีเว็บไซต์หนึ่งจัดอันดับให้ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหลายๆ ด้าน ถ้าสมมุติว่าเราโดนถามประเด็นนี้บนเวทีโลกจะอธิบายอย่างไร

ผมคิดว่านโยบายเหล่านี้ในเมืองไทย อยู่ในช่วงที่ยังไม่กำหนดเป็นกฎเกณฑ์นะครับ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำได้คือสร้างความเข้าใจตัวเรา แล้วก็สร้างความยอมรับให้เพิ่มมากขึ้น ต้องยอมรับครับว่าชายจริงหญิงแท้ เขาก็มีปัญหาหลายๆ อย่างเข้ามา สิ่งที่เราทำได้ก็คือเราทำอย่างไรก็ได้ให้เป็นแบบอย่าง และสร้างความเข้าใจระหว่าง LGBT ด้วยกันเอง นั่นคือเราต้องจับมือร่วมกัน แล้วพัฒนาหรือว่าทำนโยบายอะไรก็ได้ครับให้เห็นว่า เรามีคุณค่าและสามารถทำอะไรได้ในสังคม แล้วโก้เชื่อว่าถ้าเมื่อไหร่ที่เสียงเราแข็งขึ้น หรือว่ามีสิทธิเพิ่มมากขึ้น นโยบายต่างๆ จะได้รับการอนุมัติแล้วก็ตามมาครับ

อยากฝากอะไรไปถึงคนที่สนใจจะประกวด Mr. Gay world ปีหน้าบ้าง

อย่างแรกนะครับ เตรียมความพร้อม เพราะว่ามันเป็นการแข่งขันที่ต้องต่อสู้กับคนรอบข้างอย่างหนักเลยครับ เพราะฉะนั้นทำจิตใจให้แข็งแรง สองตั้งใจเลยครับ แล้วคิดเลยว่าเราจะทำอะไรเพื่อสังคม แล้วโก้เชื่อว่าการที่เราเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม แล้วก็มีความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่ว่าผลออกมาเป็นอย่างไร นั่นคือประสบการณ์ที่คุณจะหาซื้อที่ไหนไม่ได้ครับ