เพราะทุกอาชีพล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์ มีสไตล์ และมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป อาชีพช่างตัดผมก็มีเสน่ห์ที่แตกต่างออกไปเช่นเดียวกัน เพราะเป็นเรื่องของงานศิลปะ มีทั้งการออกแบบ การแก้ไขไปในตัว แน่นอนว่ารอยยิ้มของลูกค้าเห็นจะเป็นรางวัลที่มีค่ามากที่สุดสำหรับช่างตัดผม Mars Homme ชวนไปคุยกับคุณเอ ศักดิ์ศิริ จุลกะเศียน เจ้าของร้านตัดผมแนววินเทจชื่อดัง Sxissors Container Barbershop

“เสน่ห์ของมันเหมือนเป็นงานศิลปะครับ เหมือนกับเราวาดรูปรูปหนึ่ง จินตนาการไปด้วยออกแบบไปด้วย แก้ไขปัญหาไปด้วย ลูกค้ายิ้มพอใจ กลับมาตัดอีกก็มีความสุขแล้วครับ แล้วที่ชอบเลยคือแต่งตัวยังไงก็ได้ ตามสไตล์ที่เราอยากจะเป็น ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นอย่างนี้ๆ”

การเรียนรู้และการตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาถือว่าเป็นหัวใจหลักในการเป็นช่างตัดผม เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน กระแสนิยมหรือเทรนด์ใหม่ๆ ต่างพากันมาสลับสับเปลี่ยนไปเรื่อย เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะทำให้ช่างตัดผมอยู่ได้คือการตัดตามเทรนด์แฟชั่นในขณะนั้น แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่จะแสดงถึงตัวตนและเอกลักษณ์อันแท้จริงของช่างตัดผมได้นั้นก็คือ การเป็นตัวของตัวเองและการมีใจรักในอาชีพ เพราะไม่ว่ากระแสนิยมจะเข้ามามากแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้ศักยภาพที่ช่างมีเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสได้

“ใจรักครับ มันอยู่ที่ใจอย่างเดียวเลย ถ้าใจสู้ก็ไปถึงแค่นั้นเอง แฟชั่นมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เมื่อ 5 ปีที่แล้วเป็นอีกทรงหนึ่ง ปีนี้เป็นทรงนี้ ปีหน้าอาจจะเป็นอีกทรงหนึ่งก็ได้ครับ ส่วนมากเขาก็ปรับไปตามกระแสเพื่อให้อยู่ได้ แต่ผมชอบแนววินเทจโอลด์สคูล ผมก็จะอยู่ของผมแนวนี้ เป็นตัวของตัวเราให้มากที่สุด เอาตัวเราออกมาให้ชัดเจน ผมพยายามจะทำให้มันเป็นซิกเนเจอร์ของทางร้านเลย ทรงอื่นก็ไปตัดที่อื่นเถอะ เขาตัดดีกว่าผมแน่ ถ้าวินเทจผมว่าผมตัดดีกว่าแน่”

ในอดีตการเป็นช่างตัดผมยังไม่ได้รับความสนใจมากนัก ทรงมาตรฐานจึงเป็นทรงที่ช่างตัดผมขณะนั้นถนัดที่สุด แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น การเรียนรู้จากสื่อโซเชียลมีเดียด้วยตนเองจึงเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น เหตุนี้เองจึงได้เกิดการรวมกลุ่มของช่างตัดผมในการทำจิตอาสา จึงอาจเรียกได้ว่าวงการบาร์เบอร์ในปัจจุบันเป็นมากกว่าช่างตัดผมที่ตัดอยู่แค่ในร้านเสียแล้ว

“สมัยก่อนมันเข้าถึงยากมาก บางเทคนิคต้องเรียนรู้เกือบ 70 หัวเพื่อจะรู้เทคนิคแล้วมาย่อให้เหลือ 15 วินาที สมัยนี้สื่อเริ่มเข้ามา มันจึงเรียนรู้ง่ายขึ้น ตอนนี้เริ่มมีการรวมตัวกันของกลุ่มบาร์เบอร์แล้ว เริ่มจัดกลุ่มยกระดับ ส่วนมากเขาก็จะทำจิตอาสาไปตัดให้คนเร่ร่อน คนพิการ ตามบ้านพักคนชรา ตามบ้านพักเด็กกำพร้า บ้านคนพิการทางสมอง เป็นต้นใครว่างจากงานก็จะไปทำจิตอาสา ใครสะดวกก็จะไปช่วยกันครับ”

จากช่างผมสู่ผู้จัดงาน Wahl Thailand Barber Battle ครั้งแรกของเมืองไทย

Wahl Thailand Barber Battle เป็นงานประลองฝีมือของเหล่าช่างตัดผมจากทั่วฟ้าเมืองไทย โดยงานจะมีการแข่งขันตัดผม ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ช่วงด้วยกัน ช่วงแรกจะแข่งตัดแบบแกะลายหรือ Tattoo Cutting Competition โดยมีข้อบังคับจะต้องมีคำว่า Wahl อยู่ในผลงานชิ้นนั้นด้วย ส่วนช่วงที่ 2 เป็นการแข่งขันตัดผมแบบ Fast Fade Cutting Competition ซึ่งช่วงนี้จะเป็นการแข่งตัด Fade อย่างเร็วนั่นเอง แน่นอนว่างานนี้จัดขึ้นเพื่อโชว์และแสดงศักยภาพของช่างบาร์เบอร์ในเมืองไทยบ้านเราให้ไปสู่เวทีสากล เพราะผู้ชนะแต่ละประเภทจะได้มีโอกาสไปชิงแชมป์กันต่อที่มาเลเซีย

ความพิเศษของงานไม่ได้มีแค่การแข่งขันตัดผมเท่านั้น เพราะไฮไลต์สำคัญของงานอยู่ที่ปัตตาเลี่ยน 100 ปีของ Wahl นั่นเอง ต้องบอกเลยว่าปัตตาเลี่ยนนี้คือรางวัลพิเศษที่จะมอบให้กับผู้โชคดีภายในงาน ซึ่งความพิเศษของปัตตาเลี่ยน Wahl 100 ปี นี้มีที่มาจากการที่บริษัท Wahl ก่อตั้งในปี ค.ศ.1919 ซึ่งปีหน้าจะเป็นปี ค.ศ. 2019 เท่ากับว่าปัตตาเลี่ยน Wahl จะครบ 100 ปีพอดี เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นรางวัลใหญ่ที่ผู้เข้าร่วมงานจะมีสิทธิ์ได้เป็นเจ้าของก่อนใคร ส่วนการวางจำหน่ายในประเทศไทยมีเพียง 3,000 ตัวเท่านั้น


“งานครั้งนี้เป็นการยกระดับช่างบาร์เบอร์บ้านเราให้ไปเวทีสากล แชมป์ที่ 1 แต่ละประเภทก็จะได้ไปชิงแชมป์เอเชียที่มาเลเซีย ซึ่งภายในงานจะมี Mr. Kervin Hiew และ Mr. Carl Blake มาสาธิตวิธีการตัดผม 9 ทรงที่กำลังนิยมในประเทศอังกฤษ นอกจากนี้ภายในงานยังมีรางวัลที่จะแจกพิเศษอีกด้วย เป็นปัตตาเลี่ยนรุ่น 100 ปี คนที่ไปร่วมงานมีสิทธิ์ได้เป็นเจ้าของตัวแรกในประเทศไทยก่อนครับ ซึ่งเป็นรางวัลใหญ่”

Mars Homme เก็บตกบรรยากาศในงาน Wahl Thailand Barber Battle จัดขึ้นที่ช่างชุ่ย ภายในงานเต็มไปด้วยผู้คนที่แต่งกายอย่างมีสไตล์ แต่ที่เห็นจะเป็นเอกลักษณ์จนสะดุดตาของแต่ละคนนั้นคือทรงผมแนววินเทจที่เซ็ตมาอย่างเนี้ยบ และนอกจากการแข่งขันตัดผมแบบ Tattoo และ Fast fade แล้ว ภายในงานยังมีการขึ้นโชว์ตัดผมจากช่างของเมืองไทย 6 คน โดยแต่ละคนนั้นมีเทคนิคเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป อย่างอาจารย์ป้อม ช่างบาร์เบอร์หัวหินได้แกะลายเป็นรูปใบหน้าคนเพิ่มแสงเงาด้วยดินสอ ทำให้ผลงานดูมีมิติราวกับมีความรู้สึกจริงๆ หรือจะเป็นการขึ้นโชว์ตัดผมจาก Mr. Kervin Hiew และ Mr. Carl Blake ซึ่งมาสาธิตการตัดผมที่กำลังเป็นที่นิยมในต่างประเทศ

งานนี้จะเป็นอีกหนึ่งงานที่สร้างประสบการณ์และมิตรภาพระหว่างกันเองของวงการบาร์เบอร์ในบ้านเราให้ยกระดับและก้าวไปสู่เวทีสากล