ถ้าจะเปรียบเทียบนักกีฬาไทยกับนักกีฬาตะวันตก น่าจะมีเรื่องของทัศนะและการแสดงตัวตนทาง ‘การเมือง’ นี่แหละที่เป็นข้อแตกต่าง แม้จะต้องผ่านด่านวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงการ ‘บูลลี’ ที่สาหัส แต่นักกีฬาตะวันตกก็ถือเป็นความชัดเจนในการแสดงออกทางความคิด

เมซูต เออซิล อดีตนักฟุตบอลทีมชาติเยอรมัน (ตั้งแต่รุ่นเยาวชน U19 ปี 2006 จนถึงกรกฎาคม 2018) เคยเลือกข้างและแสดงทัศนะเรื่องการเมืองบ่อยครั้ง ระหว่างเป็นนักเตะมีชื่อเสียงในทีมชาติเยอรมัน เช่นเมื่อปี 2012 เขาเคยตอบคำถามเกี่ยวกับสัญชาติและเชื้อชาติของตนเอง


“ทำไมเราต้องคิดกันแต่เรื่องพรมแดน เส้นแบ่งชนชาติด้วยล่ะ ผมอยากให้ทุกคนวัดกันที่ความสามารถของนักฟุตบอล ฟุตบอลเป็นกีฬาสากล ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรากเหง้าของตระกูลเลย” สำหรับตัวเขาเองนั้น เป็นลูกชายคนที่สองของครอบครัวชาวเติร์กที่มีพี่น้องสี่คน และมีพ่อเป็น ‘แรงงานรับเชิญ’ ของเยอรมนีตั้งแต่ยุคทศวรรษ 1960s แม้จะถือกำเนิดที่เมืองเกลเซนเคียร์เชนของเยอรมนี แต่ก็ถือสัญชาติตุรกีมาตลอด จนกระทั่งอายุครบ 18 ปี เขาก็เลือกเอาดีบนเส้นทางอาชีพนักเตะด้วยการเปลี่ยนสัญชาติเป็นเยอรมนี และมีโอกาสได้เข้าร่วมทีมชาติ

เมซูตร่ำเรียนที่บ้านเกิดจนถึงเกรด 10 ก่อนจะผละจากการเรียนมาเป็นนักฟุตบอล มีไอดอลเป็นนักเตะทีมชาติฝรั่งเศส นั่นคือ ซิเนดีน ซิดาน ปกติเมื่ออยู่ต่อหน้าสาธารณชนแล้วเขามักเป็นคนประหม่าและขี้อาย

จากรีล แมดริด ถึงเอฟซี อาร์เซนอล

เมซูต เออซิลก้าวออกจากทีมแวร์เดอร์ เบรเมนในเยอรมนี ไปเป็นผู้เล่นของรีล แมดริดที่สเปนในเดือนสิงหาคม 2010 ด้วยราคาซื้อขายราว 600 ล้านบาท ร่วมเล่นเป็นตัวหลักของทีม ซึ่งมีคริสเตียโน โรนัลโดอยู่กองหน้า บุกทำประตู 121 ประตู ทุบสถิติของลีก ส่วนเมซูตนั้นก็ได้รับคำชมในฐานะกองกลางตัวชง

รีล แมดริดมีชัยในการแข่งขันฤดูกาล 32 ครั้งจาก 38 ครั้ง และเกือบสามปีกับทีมนี้ เมซูตลงสนาม 159 ครั้ง ทำประตูได้ 27 ประตู ก่อนตัดสินใจลาออกจากทีม


กันยายน 2013 เมซูต เออซิลตกปากรับข้อเสนอจากเอฟซี อาร์เซนอล และย้ายเข้าสังกัดในช่วงวันสุดท้าย ค่าตัวของเขาตามข่าวระบุว่าราว 2 พันล้านบาท นับเป็นราคาซื้อที่แพงที่สุดของเอฟซี อาร์เซนอล และเป็นราคาขายที่แพงที่สุดของรีล แมดริด

สัญญาระหว่างเมซูต เออซิลกับเอฟซี อาร์เซนอลจะสิ้นสุดลงในปี 2021


ความสัมพันธ์ระหว่างนักฟุตบอลทีมชาติเยอรมนี กับประธานาธิบดีแห่งตุรกี

ภาพร่วมช็อตของประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน และเมซูต เออซิล ที่ปรากฏในสื่อเมื่อช่วงกลางปี 2018 แม้จะเป็นภาพธรรมดา แต่ในความเห็นของสาธารณชนกลับมองว่ามีนัยซ่อนเร้น

ประเด็นสำคัญของเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็คือ มันเป็นช่วงก่อนการเลือกตั้งในตุรกี ที่หลายฝ่ายมองว่าแอร์โดอันหาเสียงกับเออซิล เพื่อเรียกคะแนนเสียงจากชาวเติร์กที่อยู่ในเยอรมนี

เมซูต เออซิลเก็บงำคำตอบของตนเองอยู่นาน ก่อนจะบอกเล่าความในใจผ่านทวิตเตอร์ (@MesutOzil1088) “ผมเข้าใจว่าบางทีในบางวัฒนธรรมอาจเป็นเรื่องยากที่จะแยกแยะผู้นำทางการเมืองกับตัวบุคคล แต่ในกรณีนี้มันไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ว่าผลการเลือกตั้งก่อนหน้าหรือหลังจากนั้นจะออกมาอย่างไร ผมก็ถ่ายรูปนี้อยู่ดี”

หลังจากทีมชาติเยอรมนีตกรอบในเกมการแข่งขันฟุตบอลโลกที่รัสเซียในปีนั้น เมซูต เออซิลก็ประสบกับมหกรรมการ ‘บูลลี’ ครั้งใหญ่ทั้งจากสื่อและโลกออนไลน์ เพียงเพราะเจ้าตัวเป็นคนให้ข่าวเกี่ยวกับการเหยียดเชื้อชาติในทีมและในชาติ


“ตอนที่ผมลุกจากเก้าอี้ในสนาม มีคนเยอรมันตะโกนไล่หลังผม ‘กลับไปประเทศของแกเลย เหี้ยเอ๊ย’ ‘แม่ง’ ‘ไอ้หมูเติร์กสกปรก’ อะไรพวกนี้” พร้อมกับตัดพ้อว่าเพื่อนร่วมทีมไม่ได้ยื่นมือเข้าปกป้องเขาเลยแม้สักคน

อีกภาพและข่าวของดาวเด่นสโมสรอาร์เซนอลกับประธานาธิบดีแห่งตุรกี เป็นภาพระหว่างพิธีแต่งงานระหว่างเมซูต เออซิล กับอามีน กึลเซ-นางแบบและนางงามมิสเวิลด์ ตุรกี ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมโฟร์ ซีซันส์ ในอิสตันบูล มีแขกเข้าร่วมกว่า 300 คน แต่กลับไม่มีมุสตาฟา เออซิล-พ่อของเจ้าบ่าวไปร่วมงาน

และภาพล่าสุดที่เมซูต เออซิลถ่ายร่วมกับแอร์โดอันปรากฏเป็นข่าวช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ครั้งนั้นเขาได้รับเชิญเป็นแขกร่วมโต๊ะรับประทานอาหารในวาระสิ้นสุดวันถือศีลรอมฎอน เมซูตเดินทางไปอิสตันบูลพร้อมกับภรรยา

“สำหรับผมแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองหรือการเลือกตั้ง แต่มันเป็นเรื่องการแสดงความเคารพต่อผู้นำประเทศของครอบครัวผม”


ประเด็นใหม่ กับวาทกรรมล้ำเส้นจีน

จากทวิตเตอร์ของเมซูต เออซิล ซึ่งมีฟอลโลเวอร์กว่า 24.5 ล้านบัญชี เขาได้โพสต์ข้อความเป็นภาษาเตอร์กิชที่สื่อแอบเหน็บแนมว่ามีความเป็นกวีและดราม่า กล่าวถึง “เสียงที่เงียบของพี่น้องชาวมุสลิม” ที่เขาเรียกร้องให้รัฐบาลจีนเลิกคุกคามชนเผ่าอุยกูร์ในมณฑลซินเจียงของจีน

หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียนนำข้อเขียนของเมซูตมารายงานต่อว่า ผู้คุกคามพยายามจะแยกชาวมุสลิมออกจากความเชื่อทางศาสนาของพวกเขา “มีการเผาคัมภีร์กุรอาน สั่งปิดมัสยิด ปิดโรงเรียน จับผู้ชายที่เคร่งศาสนาไปกักขัง และบังคับให้ผู้หญิงมุสลิมแต่งงานอยู่กินกับชายชาวจีน ทุกวันนี้ชาวมุสลิมต้องนิ่งเงียบ ไม่ส่งเสียง ทั้งที่กำลังถูกทอดทิ้งให้ทุกข์ทรมาน”

เว็บไซต์ Dongqiudi ที่เกี่ยวกับกีฬาฟุตบอลของจีน ออกมาตอบโต้ความเห็นของเมซูต “อิสรภาพทางความคิดเห็นย่อมต้องมีขอบเขต และควรจะให้ความเคารพต่ออธิปไตยของแต่ละชาติในโลก” ข้อความที่นักฟุตบอลวัย 31 ปีผู้นี้โพสต์ลงสื่อโซเซียลนับว่าเป็นการทำร้ายความรู้สึกของชาวจีน และถือเป็นการสร้าง ‘ข่าวปลอม’


เอฟซี อาร์เซนอลไม่เออออห่อหมก

Özil Tieba เว็บไซต์แฟนคลับของเมซูต เออซิลในจีน ออกมาแสดงจุดยืนเช่นกันว่า “เมื่อพิจารณาถึงผลประโยชน์ของชาติแล้ว งานอดิเรกส่วนตัวถือว่าไม่สำคัญ”

ส่วนเอฟซี อาร์เซนอล ต้นสังกัดของเมซูต แสดงความเห็นออกตัวว่า “ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวของเออซิล ในฐานะสโมสรฟุตบอล อาร์เซนอลยึดกฎระเบียบที่จะไม่ไปก้าวก่ายเรื่องทางการเมือง”

สำหรับสโมสรแล้ว ประเทศจีนเป็นตลาดใหญ่และสำคัญ มีชาวจีนกว่า 5 ล้านคนเป็นแฟนของเอฟซี อาร์เซนอล จึงเกิดความหวั่นเกรงว่าอาจถูกรัฐบาลจีนตอบโต้ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับทีมบาสเก็ตบอล ร็อกเก็ต ที่นักเล่น-ดารีล มอรีย์ ออกมาแสดงจุดยืนเข้าข้างกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกง ทำให้มีปัญหากับสปอนเซอร์ในจีน อีกทั้ง CCTV ของรัฐก็มีมาตรการลงโทษด้วยการหยุดเผยแพร่การถ่ายทอดการแข่งขัน NBA


ปฏิกิริยาเอาตัวออกห่างจากเมซูตของอาร์เซนอล เป็นเพราะเหตุผลทางเศรษฐกิจ สโมสรอาร์เซนอลในจีนมีสปอนเซอร์ให้การสนับสนุนเยอะมาก ในจำนวนนั้นรวมถึงเครือร้านอาหาร

และลมตีกลับจากฝ่ายจีนเริ่มปรากฏชัดขึ้น เมื่อ CCTV ได้ถอดโปรแกรมถ่ายทอดสดแมตช์การแข่งขันระหว่างเอฟซี อาร์เซนอล กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ออกไป โดยไม่ชี้แจงเหตุผล ส่วนมาตรการอื่นๆ ที่จะมีตามมาหรือไม่นั้น ยังไม่มีสื่อไหนรายงาน

ด้านเมซูต เออซิล เจ้าของวาทกรรมล้ำเส้นจีนนั้น ถูกสื่อของเยอรมนีย้อนถาม ว่าทำไมประธานาธิบดีคนโปรดของเขาถึงนิ่งเงียบจนผิดสังเกต ต่อกรณีชาวอุยกูร์-พี่น้องร่วมศาสนาในจีน

และเป็นไปได้หรือไม่ว่า เหตุเพราะจีนกำลังวางแผนลงทุนโปรเจ็กต์ ‘ถนนสายไหม’ ที่ตุรกีก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ผลประโยชน์?


เรื่อง : บุญโชค พานิชศิลป์