ชายสูงวัยที่ปรากฏตัวตามสื่อแฟชั่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้ชื่อว่าเป็นไอคอนแห่งสตรีท สไตล์มีภาพลักษณ์การแต่งกายที่เป็นแบบเฉพาะตัว มีความเท่ เนี้ยบ และที่โดดเด่นกว่าสิ่งอื่นใดนั่นคือ เส้นผมและหนวดเคราสีดอกเลาของเขา


“ความจริงผมเป็นแค่ชายแก่ธรรมดาๆ ที่สวมกางเกงเหมือนใครอื่นเขาแต่ผมอาจจะโชคดีหน่อยตรงที่กางเกงของผมเลือกใส่ดูมีสไตล์กว่าของคนอื่น” เขาเคยบอกกับสื่อ


นิคเคลสันวูสเตอร์ (Nickelson Wooster) หรือชื่อเรียกสั้นๆ ว่า ‘นิค’ เป็นชาวอเมริกัน เกิดเมื่อปี 1960 ที่เมืองซาลินารัฐแคนซัส ในครอบครัวชนชั้นกลาง ที่พ่อแม่พร่ำสอนเสมอว่าถ้าเขาปรารถนาจะได้อะไรก็ให้ทำงานหาเงิน แล้วซื้อสิ่งของที่ต้องการด้วยตนเองนิคลุ่มหลงในแฟชั่นมาตั้งแต่วัยเยาว์ ตอนอายุ 16 เขาเริ่มทำงานในร้านขายเสื้อผ้ากระทั่งได้เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแคนซัสในปี 1978 เขาเลือกเรียนด้านสื่อสารมวลชนและการโฆษณา


ภายหลังเรียนจบในปี 1982 วูสเตอร์ก็โยกย้ายไปนครนิวยอร์กเข้าทำงานในบริษัทโฆษณา ต่อมาเขาเปลี่ยนงานไปเป็นพนักงานขายโฆษณาที่นิวยอร์กแมกกาซีน แต่ก็ถูกไล่ออกเพราะบริษัทพบว่าเขาติดยา

“ตอนที่ผมย้ายมานิวยอร์กมันเป็นเพียงแค่ความคิดอยากเอาตัวรอดเท่านั้นเอง ผมเป็นเกย์ ที่โตมาในยุค 70 ซึ่งมันไม่ง่ายสักเท่าไหร่นิวยอร์กเป็นเมืองที่หยิบยื่นโอกาสให้ผมใช้ชีวิตอยู่ได้แบบไม่ต้องรู้สึกกดดัน”


วูสเตอร์ค้นพบงานใหม่เป็นพนักงานฝ่ายจัดซื้อของห้างดัง เริ่มจาก Barneys สาขานิวยอร์ก ต่อมาย้ายไปอยู่สาขาของ Bergdorf Goodman ในวัย 35 เขาสามารถเลิกยาได้สำเร็จก่อนพลิกเปลี่ยนชีวิตไปทำงานด้านการค้าปลีกกับแบรนด์ Calvin Klein จากนั้นไป Polo Ralph Lauren และก้าวขึ้นเป็นประธานบริษัทของแบรนด์ John Bartlett ห้าปีหลังจากนั้นเขาก็ออกมาก่อตั้ง Wooster Consultancy บริษัทเอเจนซีของตนเอง ในวัย 40


“พ่อของผมกับภรรยาของเขายังไม่เข้าใจเลยว่างานที่บริษัทของผมทำอะไรบ้างผมต้องอธิบายให้พวกเขาฟังว่าหน้าที่หลักๆ ของผมมีอยู่สามอย่าง คือผมออกแบบผลิตภัณฑ์โดยทำงานร่วมกันกับแบรนด์ผมให้คำปรึกษาแก่บริษัทต่างๆ ในส่วนของไลฟ์สไตล์และผมนำเสนอมันด้วยตัวเองในฐานะแอมบาสเดอร์”


แต่แล้ววูสเตอร์ก็ประสบปัญหาด้านการเงินเสียก่อนจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอดอีกครั้ง เขาโยกย้ายจากนิวยอร์กไปไมอามีทำงานกับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ก่อนโยกย้ายอีกครั้งไปลอส แองเจลิส ล้มเหลวอยู่สอง-สามครั้งกระทั่งในปี 2005 เขาก็ได้ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการค้าของแบรนด์ Rozae Nichols สองปีต่อมาเขาย้ายไปเป็นผู้อำนวยการฝ่ายครีเอทีฟเซอร์วิสของแบรนด์ Splendid/Ella Moss


ปี 2010 วูสเตอร์ได้รับข้อเสนอให้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายแฟชั่นสุภาพบุรุษของห้าง Neiman Marcus แต่เขาทำงานที่นั่นได้เพียงปีครึ่งก็ต้องถูกปลดออกเหตุเพราะบทสัมภาษณ์ที่ตรงเกินไปของเขากับนิตยสาร GQ ตำแหน่งงานประจำสุดท้ายของเขาคือรองประธานอาวุโสของ JCPenney ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มีอยู่ถึง 840 สาขาใน 49 รัฐของอเมริกา


ช่วงปี 2015 นิค วูสเตอร์มีชื่อเสียงโดดเด่นในโลกออนไลน์ เป็นเน็ตไอดอลเมื่อตอนอายุเลข 5 เขาชอบเล่น Tumblr ซึ่งเป็นบริการไมโครบลอกกิง รวมทั้ง The Fancy และ Pinterest เขาเรียนรู้ที่จะเข้าใจถึง “การปรับเปลี่ยนมุมมองของสิ่งที่ตาเห็น” นอกจากนั้นเขายังค้นพบฟีดในทวิตเตอร์รวมทั้งข้อความใน Tumblr ของเขาว่าบรรดาผู้ชายทั้งหลายไม่เพียงแต่สนใจในเรื่องสไตล์เท่านั้น หากยังต้องการรู้จริงๆ ว่าพวกเขาจะหาซื้อมันได้อย่างไร และในราคาที่ดีด้วย


การเรียนรู้ความเป็นไปในโลกโซเชียลยังทำให้เขาเข้าใจในงานที่เขาทำมากขึ้นด้วยมันทำให้เขารู้ว่าทุกคนในโลกออนไลน์ชอบการซื้อขายทุกคนปรารถนาจะรู้สึกว่าตนเองสามารถซื้อของได้ในราคาที่คุ้มค่าที่สุด “มองย้อนมาที่ตัวผมเองถ้าผมสามารถเสนอมุมมองที่อัปเกรดให้กับลูกค้าในราคาที่พวกเขาพอใจได้ผมคิดว่าเราก็จะวินกันทั้งสองฝ่าย”

วูสเตอร์กลายมาเป็นที่รู้จักของชาวเน็ตจากภาพลักษณ์ที่มีสไตล์ของเขาเสื้อแจ็กเก็ตสั่งตัด หนวดเครา และแขนที่มีรอยสัพร้อมบรรยายภาพตนเองเป็น ‘เด็กจากแคนซัส’


เขาพูดถึงรอยสักที่มักมีคนถามถึงบ่อยครั้งว่า “ผมสักก็เพราะผมชอบมันเท่านั้น ไม่ได้มีความหมายอะไรพิเศษและไม่เกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่น ตรงกันข้าม ผมชอบเวลาที่ผมสวมแจ็กเก็ต สวมกางเกงแล้วแอบคิดเอาเองว่าไม่มีใครรู้หรอกว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในร่มผ้า”

ปัจจุบันในวัย 60 วูสเตอร์ยังคงดูแลร่างกายอย่างดี ตื่นนอนปกติตอนตีห้า ไดเอตเรื่องอาหารการกินเขาชอบเมนูอาหารที่ปรุด้วยน้ำมันมะกอก และออกกำลังกายสม่ำเสมอด้วยการขี่จักรยานเล่นคาร์ดิโอ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เขาโปรด


“ฟังดูตลกนะ ตอนที่ผมอายุยี่สิบแปด ผมรู้สึกคล้ายกับว่าผมรู้ไปเสียทุกเรื่องแต่พออายุย่างเข้าเลขห้า ผมบอกได้เลยว่า ผมแทบไม่รู้อะไรเลย” เขาเคยกล่าวเมื่อวัย 52 ครั้งที่ให้สัมภาษณ์สื่อ

นิค วูสเตอร์ไม่เคยสมรส และไม่มีบุตร


เรื่อง : บุญโชค พานิชศิลป์