Netflix ทำยอดผู้ชมทะลุเป้ากับซีรีส์คลิเช่ เว่อร์วัง อลังการโรแมนติก และเซ็กซี่ๆ เรื่อง ‘Bridgerton’ ที่เริ่มสตรีมกันตั้งแต่ช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่ผ่านมาใน 76 ประเทศ จำนวนการชม 63 ล้านครั้ง จนไต่อันดับหนึ่งในโผท็อป 10

‘บริดเจอร์ตัน’ แม้จะไม่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ว่าเป็นซีรีส์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดแต่มันก็ชนะใจผู้ชมได้ ด้วยแคสติ้ง คอสตูม และความอลังการของฉากย้อนยุคถอยหลังไปสองร้อยปีที่เติมแต่งให้ดูทันสมัย โดยเฉพาะเรื่องคอสตูม แค่ตัวนางเอก ‘ดาฟนี บริดเจอร์ตัน’ (แสดงโดยฟีบี ไดเนอเวอร์) ซึ่งเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลบริดเจอร์ตันนั้นมีการออกแบบชุดเตรียมไว้ถึง104 ชุด

แต่ประเด็นฮอตสุดของซีรีส์เรื่องนี้ในมุมมองของผู้ชมสาวน้อยสาวใหญ่ หนีไม่พ้นนักแสดงชายผิวสีและหน้าตาคมเข้มที่ชื่อเรเก-ฌอง เพจ (Regé-Jean Page) รับบทเป็น ‘ไซมอน แบสเซ็ต ดยุค แห่งเฮสติงส์’ ที่ตกปากรับคำว่าจะทำตัวเป็นคู่ควงของนางเอก


จะไม่ฮอตได้อย่างไรเล่า เพราะตั้งแต่ Netflix เริ่มปล่อยซีรีส์เรื่องนี้ออกมา พระเอกผิวเข้มคนนี้มียอดผู้ติดตามในอินสตาแกรมเพิ่มขึ้นแบบทะลุเป้า ยามนี้ยอดอยู่ที่ 2.7M แล้ว เรียกว่าก้าวกระโดดจากตัวเลขหลักหมื่นถึงหลักล้านครึ่งได้ภายในสามวัน

จากซิมบับเวสู่แวดวงมายา

เรเก-ฌอง เพจ เป็นลูกครึ่งซิมบับเว-อังกฤษ เกิดเมื่อปี 1990 ที่เมืองหลวงฮาราเรของซิมบับเว (ก่อนปี 2009 ยังใช้ชื่อเมือง ซอลส์บรี) เขาเป็นลูกคนที่สามของครอบครัวพี่น้องสี่คน แม่เป็นพยาบาลในซิมบับเว ส่วนพ่อเป็นนักสอนศาสนาชาวอังกฤษ


ซิมบับเวในความทรงจำของเขาคือ “มันร้อน สวยงาม แห้งแล้ง และจะเปียกแฉะมากเวลาฝนตก แต่มันเป็นที่ที่สวยงามที่สุดในโลก”

ตอนเขาอายุ 14 ปีครอบครัวโยกย้ายไปกรุงลอนดอน และเข้าเรียนด้านการแสดงเมื่อตอนอายุ 19 ที่ National Youth Theatre of Great Britain เขามีโอกาสได้แสดงเป็นตัวประกอบในภาพยนตร์ ‘Harry Potter and the Deathly Hallows’ ภาคแรกด้วย


ปี 2013 เรเก-ฌองเรียนจบจาก Drama Centre London จากนั้นเริ่มเข้าสู่เส้นทางการแสดงในสายละครเวที กระทั่งในปี 2016 ถึงมีโอกาสได้ร่วมงานกับทีมงานของอเมริกา ในมินิซีรีส์เรื่อง ‘Roots’ ปีเดียวกันเขายังได้รับบทนำชายใน ‘Spark’ อีกด้วย

ผลงานภาพยนตร์ของเรเก-ฌอง ได้แก่ ‘Survivor’ (2015) ‘Second Summer of Love’ (2016) ‘The Merchant of Venice’ (2016) ‘Mortal Engines’ (2018) และ ‘Sylvie’s Love’ (2020) ส่วนซีรีส์ หลังจาก ‘Spark’ แล้ว เขามีโอกาสได้ร่วมงานในซีซั่นที่สองของ ‘For the People’ (2018-2019) ก่อนจะกลายเป็นหนุ่มฮอตในชั่วข้ามคืนกับ ‘Bridgerton’


ความสามารถด้านดนตรี

นอกจากการแสดงแล้ว เรเก-ฌองยังมีความสนใจด้านดนตรี เขากับพี่ชาย-โทส เพจก่อตั้งวงดูโอขึ้นมา ใช้ชื่อว่า ‘Tunya’ ในเว็บไซต์ของวงอธิบายเกี่ยวกับพี่น้องคู่นี้ว่า “เขียนเพลงร่วมกัน และเคยร่วมแจมกับวงต่างๆ ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ทุกวันนี้ทั้งคู่ทำเพลงอิสระ”


Tunya เพิ่งมีผลงานเพลง ‘Don’t Wait’ ปล่อยออกมาทางยูทูป (https://www.youtube.com/watch?v=GP6ETNUyiSY) และเรเก-ฌองเป็นคนร้องเพลงนี้ มีการถ่ายทำเป็นหนังสั้นซึ่งกำกับฯ และออกแบบท่าเต้นโดยลันเร มาลาโอลู

Good Kisser

เลิฟซีนในซีรีส์ โดยเฉพาะใน ‘Bridgerton’ มีค่อนข้างเยอะ บางซีนก็จะเห็นคู่พระ-นางเปลื้องผ้า บทจูบปากนี่ก็เหมือนกัน ดูเป็นเรื่องธรรมดาของซีรีส์ตะวันตก

ลอนดอน ฮิวจ์ส-คอมเมเดียนสาวชาวอังกฤษ ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Glamour ว่าเธอเคยทำงานร่วมกับเรเก-ฌองในรายการโชว์ ‘Sitcom in the U.K. that never got made’ แล้วมีฉาก ‘จูบครั้งแรก’ กับเขา


“เขาทำให้ฉันรู้สึกมั่นใจกับฉากจูบมากเลย เพราะฉันไม่เคยทำมาก่อน และมักจะรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก แต่เขาเป็นมืออาชีพมาก สุดยอดจริงๆ” จนทำให้เธออยากรู้อยากเห็นขึ้นมาว่า ฉากเซ็กซ์ของเขาใน ‘Bridgerton’ จะเป็นอย่างไร

นอกเหนือจากนั้น ฮิวจ์สยังยืนยันด้วยว่าระหว่างเธอกับเขาเป็นความสัมพันธ์แค่เพื่อน และข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ของเรเก-ฌองกับนางเอกใน ‘Bridgerton’ เจ้าตัวยืนยันเช่นกันว่าเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน ที่สนิทสนมและเข้าใจกันได้ดีเท่านั้น

เจมส์ บอนด์คนใหม่?

จากก่อนหน้าที่เคยมีข่าวการเฟ้นหาตัวนักแสดงคนใหม่มารับบท ‘เจมส์ บอนด์’ แทนแดเนียล เครก ในโผเคยมีรายชื่ออย่าง พอล เมสคาล จาก ‘Normal People’ เฮนรี คาวิลล์ จาก ‘Superman’ ซิลเลียน เมอร์ฟีย์ จาก ‘Peaky Blinder’ และไอดริส เอลบา-หนุ่มผิวสีที่ดูเหมือนจะไล่แซงใครต่อใครมาทุกโค้ง


จนกระทั่งเมื่อสอง-สามสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากกระแสของซีรีส์ ‘Bridgerton’ เริ่มเข้าสู่วงจรข่าว ชื่อของเรเก-ฌอง เพจดูเหมือนจะทำให้โผพลิก

แม้เรื่องนี้จะยังไม่เป็นกระแสในข่าวหลัก แต่อย่างน้อยบรรดาแฟนคลับก็มีการไถ่ถามในทวิตเตอร์และอินสตาแกรม ว่าเขากำลังจะกลายเป็น 007 คนถัดไปหรือเปล่า

เสียงของเขาเกี่ยวกับคนผิวสีบนจอหนัง

เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เรเก-ฌองให้สัมภาษณ์นิตยสาร InStyle เกี่ยวกับการได้เห็นภาพความสุข รื่นเริงของคนผิวดำบนจอหนัง โดยเฉพาะเรื่องราวที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในอดีต


“ในวัฒนธรรมหนังหรือซีรีส์ที่เราพบเห็นบ่อยครั้งก็คือ ถ้าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอดีต เราจะเห็นแต่คนผิวขาวเท่านั้นที่แสดงออกถึงรอยยิ้มแห่งความสุข แต่คุณรู้ไหม เราทุกคนรู้จักที่จะยิ้มมาตั้งแต่โลกยุคแรกๆ เราทุกคนแต่งงานมีครอบครัวกันมาตั้งแต่โลกยุคแรกๆ เราทุกคนมีความโรแมนติก ความเย้ายวนใจ และความงดงาม นั่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างไม่น่าเชื่อ ฉะนั้นละครพีเรียดสำหรับผู้คนที่ไม่ใช่ผิวขาว ไม่ควรที่จะหมายถึงแค่ความทุกข์เศร้าเท่านั้น”

และเขายังพูดถึงบทบาทของตนเองใน ‘Bridgerton’ ด้วยว่า “ถ้าเราอดทนกับพระเยซูผิวขาวมาได้นานขนาดนี้แล้ว ทำไมผู้คนจะทนกับดยุคที่ผิวดำไม่ได้เล่า”


เรื่อง : บุญโชค พานิชศิลป์