ข่าวล่าสุดจากมิก แจ็กเกอร์ออกมาก่อนวันเกิดครบรอบปีที่ 76 ของเขาว่า ขาร็อกแห่งตำนานจะคืนสู่จอเงินอีกครั้งหลังจากห่างหายมานานถึง 18 ปี คราวนี้เขาได้รับบทบาทเศรษฐีนักสะสมงานศิลปะ ในภาพยนตร์เรื่อง ‘The Burnt Orange Heresy’ ของผู้กำกับฯ ชาวอิตาเลียน-กุยเซปเป คาโปตอนดิ ที่ดัดแปลงบทจากนิยายชื่อเรื่องเดียวกันของชาร์ลส์ วิลล์ฟอร์ด นักเขียนอเมริกัน และจะเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลภาพยนตร์ที่เมืองเวนิศ วันที่ 7 กันยายนที่จะถึง

แจ็กเกอร์และวง The Rolling Stones วางแผนจะตระเวนทัวร์คอนเสิร์ตทั่วสหรัฐอเมริกาในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่เนื่องจากแจ็กเกอร์-นักร้องนำ ต้องเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ทำให้วงร็อกของอังกฤษต้องเลื่อนการแสดงออกไป ส่วนการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ‘The Burnt Orange Heresy’ นั้น แจ็กเกอร์เทคิวให้กับกองถ่ายก่อนหมายนัดของแพทย์

นอกเหนือจากงานดนตรีแล้ว แจ็กเกอร์ยังเคยทำงานในฐานะนักแสดงหลายครั้ง ผลงานแสดงเรื่องสุดท้ายของเขาเมื่อปี 2001 คือ ‘The Man from Elysian Fields’ ภาพยนตร์แนวคอมเมอดี้จากฝีมือการกำกับฯ ของจอร์จ ฮิคเกนลูเปอร์

วง The Rolling Stones เคยมีผลงานเพลงฮิตในอดีตอย่าง Satisfaction และ Brown Sugar วางแผนไว้ล่วงหน้าว่าจะทัวร์คอนเสิร์ตในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน สืบต่อจากทัวร์ ‘No-Filter’ ที่พวกเขาเริ่มตระเวนแสดงในยุโรปในปี 2017

ร้องและเล่นด้วย

มิก แจ็กเกอร์ได้รับบทนำครั้งแรกคู่กับแอนิตา พาลเลนเบิร์กในภาพยนตร์เรื่อง ‘Performance’ (1968) กำกับการแสดงโดยนิโคลัส เริก มีเพลงประกอบ Memo from Turner ที่มักถูกนำมาเปิดซ้ำๆ เวลาจะกล่าวถึงความสามารถด้านดนตรีของแจ็กเกอร์ ตามด้วยภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องราวของอาชญากรในออสเตรเลีย ‘Ned Kelly’ (1970)

แวร์เนอร์ แฮร์โซก-ผู้กำกับฯ ชาวเยอรมัน เคยชักชวนแจ็กเกอร์ไปรับบทกัปตันเรือในภาพยนตร์คัลท์ของเขาเรื่อง ‘Fitzcarraldo’ (1982) ที่ไปถ่ายทำกันในป่าดงดิบของอเมริกาใต้ แต่ถ่ายทำไปได้เพียงบางส่วน แจ็กเกอร์ต้องหยุดการทำงานกลางคันเพื่อไปตระเวนทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกกับวง The Rolling Stones ทำให้แฮร์โซกต้องหานักแสดงคนอื่นมารับบทแทน กระนั้นก็ยังนำฟุตเทจที่ถ่ายทำไปแล้วมาใช้ในหนังสารคดี ‘Mein liebster Feind’ (1999) ของเขา ที่บอกเล่าถึงความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงและทรหดระหว่างผู้กำกับฯ และนักแสดงอย่างเคลาส์ คินสกี้

เสียงชื่นชมที่แจ็กเกอร์ได้รับจากนักวิจารณ์มาจากผลงานภาพยนตร์ไซ-ไฟเรื่อง ‘Freejack’ (1992) ซึ่งใช้เพลง Ruthless People ที่แจ็กเกอร์เคยแต่งและร้องไว้เมื่อปี 1987 มาเป็นเพลงประกอบ นอกเหนือจากงานแสดงแล้ว แจ็กเกอร์ยังทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับภาพยนตร์เรื่อง ‘Enigma’ (2001) และเป็นคนแต่งเพลงประกอบให้กับภาพยนตร์รีเมคเรื่อง ‘Alfie’ (2004) อีกด้วย

ผลงานเพลงประกอบภาพยนตร์ Old Habits Die Hard ของแจ็กเกอร์ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำในปี 2005

แวมไพร์กระหายเซ็กซ์

เมื่อปี 2012 คริสโตเฟอร์ แอนเดอร์เสน-นักเขียนอเมริกันวัยเกษียณ มีผลงานหนังสืออัตชีวประวัติของมิก แจ็กเกอร์ออกมา ชื่อเล่ม ‘Mick: The Wild Life and Mad Genius of Jagger’ เล่าถึงวีรกรรมด้านทางเพศของแจ็กเกอร์ ซึ่งน่าจะเคยมีสัมพันธ์กับผู้หญิงมากหน้าถึง 4,000 คน และกับผู้ชายอีกประปราย

ตัวเลขดังกล่าวมาจากคำบอกเล่าของคาร์ลา บรูนี-ซาร์โกซี อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของฝรั่งเศส “ฉันเป็นหนึ่งในจำนวนราวสี่พันคนของเขา ฉันคิดว่าเขาน่าจะเหมือนดอนฮวน” แต่จะพูดไปแล้ว เมื่อนำจำนวน 4,000 มาหารกับจำนวน 40 ปีที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในวงการ ผลลัพธ์เท่ากับ 100 ต่อปี หรือสัปดาห์ละ 2 เท่านั้น

“ผมรักใครไม่เคยยาก แต่ไม่เคยคลั่งรัก” เป็นประโยคคำพูดของแจ็กเกอร์ “ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีอารมณ์ความรู้สึกกับใครสักเท่าไหร่”

เซ็กซ์ สำหรับเขาแล้วหมายถึงความเป็นไปได้ในการเติมพลังและทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวย “ผมคิดว่าเขาค่อนข้างโดดเดี่ยวมากกว่า” คีธ แบดเจอรี-อดีตคนขับรถของแจ็กเกอร์เล่าเรื่องเจ้านาย “คนเราอาจจะมีเซ็กซ์เจ็ดคืนในสัปดาห์ก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังขาดความรู้สึกบางอย่างในชีวิต”

ในหนังสือเล่มดังกล่าว มีคำยืนยันจากคลารา บรูนี-ซาร์โกซีว่า แจ็กเกอร์ถือเป็น ‘ชายแก่’ ที่มีดีเรื่องบนเตียง หรือจากปากของลูเซียนา โมราด-นางแบบสาวบราซิเลียน ซึ่งเป็นแม่ของลูกคนหนึ่งของแจ็กเกอร์ “เขาเป็นตาเฒ่าที่เซ็กซี่มากๆ”

มีลูกคนที่ 8 ตอนอายุ 75

จนถึงปัจจุบัน มิก แจ็กเกอร์มีลูกทั้งหมด 8 คนจากภรรยา 5 คน หลาน 4 คน และเหลนอีกหนึ่งคน ลูกชายคนสุดท้องจากภรรยาคนล่าสุดอายุเพิ่งสองขวบเศษ ในขณะที่ลูกสาวคนโตอายุ 49 ปีแล้ว

‘แครีส’ ลูกสาวคนแรกจากมาร์ชา ฮันต์ คลอดเมื่อปี 1970

‘เจด’ ลูกสาวคนที่สองจากเบียงกา แจ็กเกอร์ คลอดเมื่อปี 1971

‘เอลิซาเบธ’ ‘เจมส์’ ‘จอร์เจีย’ และ ‘แกเบรียล’ จากเจอร์รี ฮอลล์ คลอดระหว่างปี 1984-1997

‘ลูคัส’ ลูกชายจากลูเซียนา โมราด คลอดเมื่อปี 1999

และ ‘เดเวอโรซ์ อ็อคตาเวียน บาซิล’ ลูกชายคนสุดท้องจากเมลานี แฮมริก คลอดเมื่อเดือนธันวาคมปี 2016

แม้แจ็กเกอร์จะมีความสัมพันธ์กับใครหลายคน แต่เขาเข้าพิธีแต่งงานและใช้ชีวิตคู่เพียงสองครั้งเท่านั้น ระหว่างปี 1971-1980 กับเบียงกา เปเรซ-โมรา มาเซียส และระหว่างปี 1990-1999 กับเจอร์รี ฮอลล์

เมลานี แฮมริก ภรรยาวัย 31 ปีคนล่าสุด เป็นนักบัลเลต์ที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับแจ็กเกอร์มาตั้งแต่ปี 2014 หลังจากลอรา ‘ลูแอนน์’ แบมโบรห์ หรือ L’Wren Scott (ชื่อที่ใช้ในงานอาชีพสไตลิสต์และแฟชั่น ดีไซเนอร์) เสียชีวิตจากการอัตวิบาตกรรมไปไม่นาน

ตามรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ Daily Mail ระบุว่า เมลานีและแจ็กเกอร์ใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกันในนิวยอร์ก และรักใคร่กันดีเหมือนกับช่วงแรกที่เพิ่งพบรักกัน




เรื่อง : บุญโชค พานิชศิลป์