เรื่อง : บุญโชค พานิชศิลป์

เขาเคยเป็นหนึ่งในสี่นักเทนนิสฝีมือดีลำดับต้นของโลก เคียงข้างราฟาเอล นาดาล โรเจอร์ เฟเดเรอร์ และโนวัค โจโควิตช์ เขาสามารถไต่เต้าขึ้นสู่จุดสูงสุดตามความฝัน เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2016 แอนดี้ เมอร์เรย์มีชื่อติดชาร์ตเป็นนักเทนนิสอันดับหนึ่งของโลก และยาวนาน 41 สัปดาห์ แต่บนเส้นทางแห่งความสำเร็จของเขานั้นก็มีอุปสรรคที่อาจส่งผลถึง ‘จุดจบ’ เช่นกัน

ปีกว่ามาแล้วที่แอนดี้ เมอร์เรย์เคยรู้สึกคล้ายเขากำลังถึงจุดตกต่ำที่สุดในชีวิต เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2018 เขาโพสต์ภาพถ่ายสมัยวัยเด็กอนุบาลของตนเอง พร้อมเขียนบรรยายใต้ภาพ “ผมเลือกภาพนี้ เพราะตอนเป็นเด็กผมนึกอยากแต่จะลงสนามเพื่อแข่งขันเท่านั้น ผมโหยหาความรู้สึกแบบนั้นอย่างรุนแรง”

เวลาผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์เขาก็เริ่มชัดเจนว่า ความคิดฝันของเขาไม่อาจเป็นจริงได้อีกแล้ว หรืออาจจะแค่ชั่วคราว ในระหว่างการแถลงข่าว เมอร์เรย์ต้องชี้แจงด้วยเสียงเครือ ติดขัด ว่าอาชีพนักเทนนิสของเขาอาจจะสิ้นสุดในไม่ช้า

“เมื่อเดือนธันวาคม (2017) ผมปรึกษาและบอกกับทีมงานของผมไปแล้วว่า ผมอยากจะยุติการเล่นเสียที เพราะการเล่นต่อไปโดยไม่รู้ว่าทุกอย่างจะดีขึ้นหรือไม่ มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย บางทีผมอาจจะเล่นไปเรื่อยๆ จนถึงฤดูกาลวิมเบิลดัน แล้วค่อยหยุด แต่ตอนนี้ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผมยังจะเล่นไปจนถึงตอนนั้นหรือเปล่า”

วิมเบิลดัน ฤดูร้อนปี 2017 นั่นเองที่เมอร์เรย์เริ่มประสบกับปัญหา แม้ว่าอาการปวดสะโพกของเขาได้รับการเยียวยาแล้วตั้งแต่เริ่มการแข่งขัน แต่มันไม่ช่วยนำพาให้เขาไปถึงฝั่ง ระหว่างการแข่งขันรอบสี่คนสุดท้ายกับแซม แควร์รีย์ อาการบาดเจ็บของเมอร์เรย์เริ่มปรากฏให้เห็นเป็นระยะ จนผู้ชมในสนามพากันส่งเสียงให้กำลังใจ รวมทั้งขอร้องให้เขายุติการแข่งขันในท้ายที่สุด

วัยเด็กที่บ้านเกิด

แอนดี้ เมอร์เรย์เติบโตขึ้นในเมืองดันเบลนของสก็อตแลนด์ พร้อมๆ กับเจมส์ (เจมี) พี่ชายวัยแก่กว่าหนึ่งปี พ่อกับแม่ของพวกเขาแยกทางกันตั้งแต่ทั้งสองยังเล็ก แอนดี้เข้าเรียนในโรงเรียนประชาบาลที่เคยเกิดเหตุการณ์หนุ่มวัย 43 กราดยิงครูและเด็กนักเรียนเสียชีวิตไป 16 คน เขาต้องใช้เวลาอยู่นานหลายปีกว่าจะได้รับการบำบัดอาการหลอนจากเหตุร้ายครั้งนั้นจนหายเป็นปกติ

แอนดี้เรียนรู้จักกีฬาเทนนิสตอนอายุสามขวบ จูดี้ เมอร์เรย์-แม่ของเขาซึ่งเป็นครูและหัวหน้าทีมฟุตบอลเฟด-คัพของอังกฤษ เป็นคนฝึกให้ และคอยเฝ้าติดตามพัฒนาการของลูก ก่อนจะส่งต่อให้กับนักเทนนิสมืออาชีพในสเปนเป็นคนฝึกสอนสืบต่อ เจมี-ผู้พี่ก็เข้าสู่กีฬาเทนนิสเช่นกัน ทั้งสองมักลงแข่งขันเทนนิสประเภทคู่ด้วยกันตลอด และเคยได้รับชัยชนะสองครั้ง

ปี 2004 แอนดี้ เมอร์เรย์ นักเทนนิสรุ่นจูเนียร์ สามารถคว้าแชมป์ยูเอส โอเพนมาได้ และในปีถัดมาเขาก็ก้าวสู่การเป็นนักเทนนิสมืออาชีพ และประเดิมฝีมือในสนามแข่งขันเดวิส คัพ

ลองมาหลายครั้ง

การบำบัดรักษาด้วยวิธีเดิมๆ ไม่ได้ช่วยให้อาการของเขาดีขึ้น และแม้จะผ่านการผ่าตัดมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2017 อาการปวดสะโพกก็ไม่ได้ลดลง เมอร์เรย์เคยเล่าเมื่อคราวไปลงแข่งที่เมลเบิร์น “ผมลองมาหลายครั้งแล้ว แต่มันไม่ดีขึ้น” การผ่าตัดครั้งที่สองเป็นการเสริมกระดูกสะโพก แทนการเปลี่ยนสะโพกแบบเต็ม แต่มันไม่เอื้อให้เขาเล่นกีฬาได้อีกต่อไป “แค่ช่วยให้มีชีวิตอยู่ต่อโดยที่ไม่เจ็บปวดเท่านั้น”

ฤดูร้อนปี 2018 ความปรารถนาของเขาลุล่วง หลังจากทนทุกข์อยู่กับอาการเจ็บสะโพกนานถึง 20 เดือน เมอร์เรย์เดินทางไปแข่งขันรายการออสเตรเลียน โอเพน ตอนนั้นอันดับโลกของเขาอยู่ที่ 230 เขาเล่นแมตช์ซ้อมกับโนวัค โจโควิตช์ ผลลัพธ์คือพ่ายแพ้ และเมื่อลงสนามจริง เขาต้องประมือกับโรแบร์โต โบติสตา อากุต นักเทนนิสจากสเปน อันดับที่ 22 ของโลก เมอร์เรย์กัดฟันสู้ถึงห้าเซ็ต ท้ายที่สุดก็พ่ายตกรอบไป

สูญเสียรายได้กับดับฝันวัยเด็ก

นิตยสารฟอร์บส์รายงานหลังจากมีข่าวว่าแอนดี้ เมอร์เรย์จะแขวนแร็กเก็ต นั่นหมายถึงเขาจะสูญเสียรายได้อย่างน้อย 165 ล้านดอลลาร์ต่อปี จากเงินรางวัล 61 ล้านดอลลาร์ และกว่า 100 ล้านดอลลาร์จากสปอนเซอร์ เงินโบนัส และค่าธรรมเนียมการลงแข่งขัน

เมอร์เรย์เคยได้รับชัยชนะในการแข่งขัน 45 รายการ รวมแกรนด์สแลม 3 รายการ และเหรียญทองโอลิมปิก 2 เหรียญ เขาเป็นนักเทนนิสชายคนเดียวของโลกที่สามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้ถึงสองครั้ง

ถึงกระนั้น รายได้จากการแข่งขันของเมอร์เรย์ยังจัดอยู่ในอันดับที่สี่ เนื่องจากยังมีนักเทนนิสอีกสามคนที่คอยปัดซ้ายแซงขวาอยู่ตลอดเวลา นั่นคือ เฟเดเรอร์ โจโควิตช์ และนาดาล ซึ่งทั้งสามคนนั้นชนะเงินรางวัลรวมกันราว 350 ล้านดอลลาร์ และเป็นแชมป์ชายเดี่ยวแกรนด์สแลม 51 รายการ

ตลอดสิบปีกว่าที่ผ่านมา นับเป็นยุคทองของนักเทนนิสทั้งสามคนนี้ กระทั่งเมื่อห้าปีให้หลัง เมอร์เรย์ได้ก้าวขึ้นมาเทียบบัลลังก์ เป็นหนึ่งใน ‘Big Four’ ของวงการเทนนิสชาย

อาการเจ็บสะโพกเรื้อรังของเขา นอกจากจะทำให้เขาสูญเสียรายได้มหาศาลแล้ว ยังถือเป็นการดับฝันในวัยเด็กของเขาด้วยเช่นกัน

ลองอีกครั้ง

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แอนดี้ เมอร์เรย์ให้ข่าวอีกครั้งว่า เขาเพิ่งได้รับการผ่าตัดรอบที่สอง ครั้งนี้เป็นการปลูกถ่ายกระดูกที่สะโพก

เดือนมิถุนายน นักเทนนิสวัย 32 ปี ลงแข่งขันรายการลอนดอน ควีนส์ คลับ ประเภทชายคู่ เคียงข้างเฟลิเซียโน โลเปซ มือหวดจากสเปน ในรอบแรกทั้งสองสามารถเอาชนะฮวน เซบาสเตียน คาบาล และโรเบิร์ต ฟาราห์ได้ภายในสองเซ็ต กระทั่งผ่านไปถึงรอบสุดท้าย เมอร์เรย์และโลเปซก็ยังสามารถโค่นคู่แกร่ง-ราจีฟ แรม และโจ ซาลีสเบอรีภายในสองเซ็ตได้เช่นกัน นับเป็นชัยชนะครั้งที่สามที่เขาลงแข่งขันรายการเอทีพีประเภทชายคู่ พร้อมบอกกล่าวว่า เขาไม่รู้สึกถึงอาการเจ็บปวดที่สะโพกอีกแล้ว

จากความสำเร็จครั้งนั้น ทำให้เมอร์เรย์ตัดสินใจที่จะลงแข่งขันในวิมเบิลดัน “ถ้าจะมองว่า โรเจอร์ เฟเดเรอร์อายุสามสิบหกแล้วยังทำได้สำเร็จ แม้แต่ราฟาเอล นาดาล หรือโนวัค โจโควิตช์ ที่จู่ๆ ก็กลับมาเป็นคนเดิมได้อีก ผมเชื่อว่าแอนดี้คงจะมองเห็นตรงนี้ และบอกกับตัวเองว่า เขาน่าจะทำได้เหมือนกัน” จอห์น แม็คเอนโร-อดีตนักเทนนิสอันดับหนึ่งของโลก (มีนาคม 1980) นาน 170 สัปดาห์-เคยกล่าวถึงแอนดี้ เมอร์เรย์

วิมเบิลดันล่าสุด การแข่งขันประเภทชายคู่ ซึ่งเมอร์เรย์ลงสนามเคียงข้างปิแอ-ริวส์ แอร์แบรฺต์ นักเทนนิสชาวฝรั่งเศสที่เคยคว้าตำแหน่งประเภทคู่ที่วิมเบิลดันเมื่อปี 2016 นั้น พวกเขาไม่สามารถก้าวผ่านรอบสองไปได้ เมอร์เรย์คงเหลือแต่การแข่งขันประเภทคู่ผสม ระหว่างเขากับซีรีนา วิลเลียมส์เท่านั้น ที่เพิ่งลงสนามเซ็นเตอร์ คอร์ตเมื่อวันเสาร์ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา และสามารถคว้าชัยชนะมาได้

“ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดี” แอนดี้ เมอร์เรย์บอกภายหลังจบเกม

No Comments Yet

Comments are closed