‘จอม’ ศรุต สุวรรณภักดี พ่อค้าที่เรานัดหมาย อาชีพหลักของเขาคือนักแสดง มีผลงานแสดงละครหลักๆ ทางช่อง 7 มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 หลายคนอาจคุ้นหน้าเขาจาก ‘เสือสั่งฟ้า’ ‘เรือนกาหลง’ ‘คือหัตถาครองพิภพ’ ‘ลูกผู้ชายพันธุ์ดี’ ‘นายฮ้อยทมิฬ’ ‘เล็บครุฑ’ ‘อินทรีแดง’ หรือล่าสุดที่เพิ่งลาจอไปคือ ‘ล่าท้าชน’


จอมมีพื้นเพเดิมจากจังหวัดนครศรีธรรมราช เรียนจบชั้นมัธยมฯ ปลายจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ แล้วเข้ามาเรียนต่อระดับปริญญาตรีสาขาการตลาด ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ หลักสูตรนานาชาติ ก่อนเข้าสู่เส้นทางสายบันเทิง

ร้านขายต้นไม้ของเขาในสวนจตุจักรมีลักษณะเป็นเพิงแผงริมถนน ที่เขาเช่าพื้นที่พร้อมร่มกันแดด และนำต้นไม้กระถางมาวางขายเอง “ผมเอาต้นไม้มาวางเฉพาะวันอังคาร” จอมบอกพร้อมเหตุผลว่า เป็นวันที่พ่อค้าเลือกแต่ของดีๆ มาลงกัน และต้นไม้นับสิบที่เขาเลือกมาลง เป็นต้นที่เขาคัดจากเรือนเพาะชำที่บ้านในปทุมธานี และทุกวันอังคาร ผู้คนในละแวกนั้นจะเห็นเขาในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้น ใส่หมวก สวมหน้ากากอนามัย มีกระเป๋าคาดเอวที่เขาคล้องแนบหน้าอก ใครที่พอคุ้นหน้าเขาจากละครก็จะรู้ว่าเขาเป็นดารา แต่ใครที่ไม่คุ้นหน้าอาจมองเห็นเขาเป็นเหมือนพ่อค้าทั่วไปก็ได้

‘Live with plants’ เป็นชื่อเพจในเฟซบุ๊กที่เขาใช้เป็นช่องทางสื่อสารกับลูกค้าและคนรักต้นไม้ ที่แขนขวาของเขาก็มีรอยสักคำนี้โดดเด่น


แดดบ่ายกำลังอุ่น ตลาดจตุจักรยังมีความพลุกพล่านจนรู้สึกแปลกตา อังคาร-พุธ-พฤหัสฯ เป็นวันนัดหมายของผู้ซื้อและผู้ขายพันธุ์ไม้ ทั้งไม้ดอกไม้ประดับสำหรับแต่งบ้านและสวน เรามีนัดกับพ่อค้าไม้ประดับที่นั่น ในตอนบ่ายของวันอังคาร จึงได้รู้เห็นความเป็นไปของตลาดที่นั่น ดูคึกคักอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน


ที่มาของธุรกิจค้าต้นไม้

จอมเล่าว่ามันเริ่มจากความชอบก่อน “เมื่อต้นปีที่แล้วผมมีโอกาสได้แต่งบ้าน คือซื้อบ้านใหม่ ผมก็เลยไปเรียนเกี่ยวกับการออกแบบภายใน การตกแต่งต่างๆ ด้วยความที่ผมอยากได้บ้านที่เป็นสไตล์ของตัวเอง ก็เลยศึกษาด้านนี้ ออกแบบตกแต่งภายในเรียบร้อยแล้วก็มาถึงบริเวณด้านนอก ซึ่งเป็นการทำสวน

“ปกติตามหมู่บ้านเขาจะให้ต้นไม้ประธานมาประมาณสอง-สามต้น ซึ่งเรารู้สึกว่าไม่ถูกใจ อยากจะเปลี่ยน ก็เลยตัดสินใจลองไปเดินตามจตุจักร ตลาดบางใหญ่ หรือตามตลาดที่เขาขายต้นไม้ต่างๆ ทำให้ผมเริ่มมีข้อมูลเกี่ยวกับต้นไม้ต่างๆ และรู้สึกว่าการที่ได้ไปเดินตามตลาดต้นไม้ ได้เห็นต้นไม้แปลกๆ ที่ไม่เคยเห็น ได้เรียนรู้ จนวันๆ หนึ่งเราสามารถอยู่กับต้นไม้ได้โดยไม่รู้สึกเสียดายเวลา และรู้สึกว่ามีความสุขกับการได้เรียนรู้จักต้นไม้พวกนี้”


การไปเดินตลาดต้นไม้ยังทำให้เขาได้รู้เกี่ยวกับราคาต้นไม้ การซื้อ-ขายต้นไม้ หรือไม้ที่เขาสนใจด้วย “ไม่ว่าจะเป็นพวกไม้ล้อม (ไม้ใหญ่ที่ต้องใช้รถเครนในการขนส่ง) หรือไม้กระถางต่างๆ แล้วบังเอิญผมมีรุ่นพี่ที่รู้จักอยู่คนหนึ่ง ซึ่งเขาทำธุรกิจต้นไม้มายี่สิบปีแล้ว ไม้ส่วนใหญ่ของเขาเป็นไม้ด่าง ไม้นำเข้า สับปะรดสี ตะบองเพชร และทุกอย่างที่เกี่ยวกับต้นไม้

“ด้วยความที่ผมสนใจเกี่ยวกับต้นไม้ และอยากจะได้เป็นอาชีพเสริมนอกเหนือจากงานแสดง ก็เลยปรึกษารุ่นพี่คนนั้นว่าผมสนใจต้นไม้ ผมอยากได้ความรู้ ช่วยสอนผมหน่อย เขาก็แนะนำให้ลองไปศึกษาเรื่องไม้ด่าง ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด และเป็นตลาดที่ทั่วโลกยอมรับ เขาเปรียบเทียบไม้ด่างเหมือนสกุลเงินดอลลาร์ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มีค่าเหมือนเงินดอลลาร์”


จอมชอบและหลงใหลในสีสัน ลวดลายของมัน โดยเพราะไม้ด่างซึ่งเป็นไม้ที่แต่ละใบมีลายไม่เหมือนกัน แต่ละต้นก็ไม่เหมือนกัน “มันจะมีความยากตรงที่ว่ามันไม่ได้ด่างทุกใบ บางต้นมีด่างแค่ใบหนึ่งแล้วสวิงเป็นเขียว มันคือสิ่งที่เลี้ยงไปสนุกไป และความภาคภูมิใจจะมีตอนที่ใบใหม่ออกมาแล้วได้ใบด่างที่สวย คือรู้สึกภูมิใจมากเลย”

กระทั่งเมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว ก่อนโควิด-19 ระบาด เขามีโอกาสได้เดินทางไปช่วยพี่คนนั้น โดยบินไปตามเนิร์สเซอรีต่างๆ ในต่างประเทศ ไม่ว่าเอควาดอร์ ญี่ปุ่น หรืออเมริกา “เพื่อที่จะไปศึกษาเรื่องต้นไม้ด้วย และช่วยเขาเอาต้นไม้กลับมาด้วยครับ เพราะต้องใช้กระเป๋าหลายใบ

“มันทำให้ผมได้เปิดหูเปิดตากับการได้ไปเจอต้นไม้ เจอเนิร์สเซอรีต่างๆ ที่เขาเคยบอกผมว่า มันคือเงินดอลลาร์นะจอม มูลค่าต้นไม้คือเงินดอลลาร์ แล้วพอผมไปที่เมืองนอกก็พบว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ที่เมืองนอกคนคลั่งต้นไม้พอๆ กับในเมืองไทย มันเป็นสิ่งที่มีค่า ซึ่งคนที่เล่นต้นไม้เท่านั้นถึงจะเข้าใจ และนั่นเป็นประเด็นที่ทำให้ผมสนใจที่จะเข้ามาศึกษาเต็มตัว”


Life with Plants-ชีวิตติดต้นไม้

พันธุ์ไม้ที่จอมขายอยู่ไม่ได้มีเฉพาะไม้ด่าง แต่จะมีไม้เขียวประเภทหายาก รูปทรงแปลกๆ จากต่างประเทศด้วย “ผมนำเข้าจากเอควาดอร์ เป็นไม้ที่โตในป่าอะแมซอน ไม่ใช่ไม้ในประเทศไทย แต่สามารถนำมาเลี้ยงและเพาะชำในประเทศไทยได้ ไม้เขียวที่ว่าก็จะมีฟิโลเดนดรอน (philodendron) และมอนสเทรา (monstera) ซึ่งสองตัวนี้จะเป็นตระกูลไม้ที่นิยมในตอนนี้นะครับ และยังมีพวกไม้ด่างตระกูลต่างๆ ที่เป็นไม้ด่างสวยงาม รูปทรงแปลกๆ แต่หลักๆ แล้วของผมจะมี philodendron และ monstera หลากหลายชนิด”

เมื่อถามไถ่ว่าไม้แปลกที่สุดคือต้นอะไร จอมให้คำตอบว่าความแปลกขึ้นอยู่กับแต่ละมุมมองของคน “อย่างผม สิ่งที่ผมชอบและคิดว่ามันแปลกในความหายากคือ spiritus sancti ชื่อเต็มๆ ว่า philodendron spiritus sancti เพราะมันอยู่ในป่า เหลือแค่ไม่เกินสิบต้นในโลกใบนี้ และเป็นไม้ที่นำมาเพาะชำยาก จึงทำให้ราคาสูง เป็นไม้ที่รูปทรงใบยาวเรียว และเป็นที่ต้องการในโลกด้วย เป็นไม้ที่แปลกในมุมมองของผม และเป็นไม้ที่ผมชอบเป็นอันดับหนึ่งด้วยครับ”

ในเรื่องของราคา เขายังบอกเพิ่มเติมด้วยว่า ต้นที่แพงที่สุดจะเป็น monstera จำพวกไม้ด่าง ซึ่งจะแบ่งเป็นเดลิซิโอซา (deliciosa) กับบอร์ซิเจียนา (borsigiana)

“ผมจะแยกว่าเดลิซิโอซาจะเป็นพวกไม้ใบใหญ่ ข้อสั้น และโตช้า ส่วนบอร์ซิเจียนาจะเป็นพวกไม้เลื้อย ข้อยาว และจะโตเร็ว ซึ่งตัวที่ผมบอกว่าหายาก ราคาแพง และเป็นที่นิยม จะเป็นเดลิซิโอซาลายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตัว monstera deliciosa mint variegated, deliciosa aurea variegated, deliciosa thai constellation ไม้เมล็ด ลายแปลกๆ โดยเฉพาะเวลาโตขึ้นมาลายจะไม่เหมือนกันเลย ราคาของมันจะอยู่ที่หลักแสนถึงหลักล้านต่อต้น เพราะด้วยความที่มันเป็นไม้เมล็ด โตช้า และกว่าจะได้ด่างสวยงามก็ไม่ง่าย แล้วที่ด่างสวยงามก็จะราคาสูง”


ที่เรือนเพาะชำ จอมบอกว่ามีทุกอย่าง
“ผมมีทั้ง spiritus sancti และ monstera ทุกตัว แต่หลักๆ ที่ผมเอามาขายที่สวนจตุจักรจะเป็นไม้จากเอควาดอร์ ไม้เขียว ส่วนไม้ด่างก็จะเป็นพวก monstera borsigiana albo variegated ที่ตลาดนิยม และ monstera borsigiana aurea variegated ที่คนไทยชอบเล่นกันครับ”

ส่วนต้นไม้ขายดี จอมเฉลยให้ฟังว่าเป็นต้นไม้หน้าตาแปลกๆ จำพวก anthurium “เป็นหน้าวัวที่ใบยาวครับ ในตระกูลฟิโลเดนดรอน ซึ่งในตระกูลนี้คนนิยมตรงที่รูปร่างมันแปลก และใบของมันสามารถยาวได้เป็นเมตร แล้วยังมี anthurium ที่เป็นคิงคือ anthurium veitchii และควีนคือ anthurium warocqueanum ซึ่งปกติคอลเล็กเตอร์มักจะเก็บไม้ที่เป็นคู่กันครับ คิงกับควีน ส่วนไม้ด่างก็จะเก็บทุกตัวที่เป็นหน้าแปลกๆ และพวกไม้ที่พ่อค้าสามารถซื้อแล้วเอาไปทำกำไรได้ อะไรเหล่านี้จะเป็นไม้ที่ขายดีครับ”

อายุสามสิบสี่/โสด/เซ็กซี่

ศรุต สุวรรณภักดี-นักแสดงตัวสูง 180 เซนติเมตร-บอกว่ายังไม่มีครอบครัว ก่อนตอบคำถามเรื่องที่เขาเคยถ่ายภาพนู้ดกับ Macho นิตยสารออนไลน์เมื่อหลายปีที่ผ่านมา

“ผมเรียกว่าเป็นงานศิลปะละกันครับ ตอนนั้นผมออกกำลังกาย ฟิตหุ่น และอยากมีรูปเก็บไว้ เป็นการโชว์หุ่นสักครั้งในชีวิต ก็เลยตัดสินใจไปถ่าย ซึ่งถ่ายแล้วก็รู้สึกโอเคครับ เพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และผมรู้สึกว่าไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรให้ตัวเอง”

ผลกระทบต่องานแสดงนั้น เขาบอกว่าไม่มี “แต่ก็จะมีคนมาถามว่าไปถ่ายมาเหรอ เป็นอย่างไร ทำไมถึงถ่าย อะไรแบบนั้น ผมบอกเหตุผลไปว่าตัวเองฟิตหุ่นมาแล้ว ครั้งหนึ่งในชีวิต เขาติดต่อมาเราก็เลยอยากจะถ่ายเก็บไว้”

พูดถึงเรื่องถ่ายนู้ดแล้ว จึงมีคำถามจากความใคร่รู้ เขาคิดว่าความเซ็กซี่ของตัวเองอยู่ตรงไหน

จอมนิ่งไปชั่วครู่ก่อนตอบ 
“นึกไม่ออกครับ ผมไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นคนเซ็กซี่” เขาบอกพลางยิ้ม “เรื่องนี้น่าจะเป็นคนอื่นมองมากกว่านะครับว่าผมเซ็กซี่ตรงไหน แต่ผมไม่เคยมองตัวเองว่าเซ็กซี่”

แล้วเขาชอบส่วนไหนของร่างกายตัวเองมากที่สุด เป็นคำถามถัดมา “ผมชอบขาครับ” เขาตอบ “ผมว่าขาของผมมีความบาลานซ์ มันไม่เล็กไม่ใหญ่” แล้วเผยยิ้มอายๆ ให้เห็น

เวลาตกเป็นเป้าสายตาหรือเป็นที่สนใจของบรรดาเกย์ เขารู้สึกอย่างไร

เขานิ่งอีกครั้ง พยายามคิดหาคำตอบ “คือผมว่าตอนนี้โลกมันไปไกลแล้วครับ ผมไม่ได้มองว่าใครคือเกย์ คือตุ๊ด คือกะเทย ทุกคนก็คือคนเหมือนกัน ฉะนั้นเวลาเขามองเรา ผมไม่ได้คิดว่าเขาเป็นเกย์ที่มามองเรา เว้นแต่ว่า สมมติว่าเขาเป็นคนที่มาชอบเราและจะคุกคามเราด้วยการขอเบอร์หรืออะไร ผมจะบอกตรงๆ ว่าผมไม่ได้ชอบแบบนั้นนะ แต่สามารถที่จะคุยกันได้ ปรึกษาเรื่องต้นไม้หรืออะไรก็สามารถคุยกันได้ ไม่มีปัญหาอะไร”

และนั่นคือวิธีการรับมืออย่างหนึ่งของเขา


10 ปีในวงการบันเทิง

“เมื่อก่อนผมจะได้บทเป็นเด็ก ม.สี่-ม.ห้า มันก็พัฒนาตามวัย ตอนนี้ได้บทเป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังไม่ถึงบทพ่อ ความเปลี่ยนแปลงก็เป็นเรื่องของบทบาท ผมได้รับบทอะไรที่แปลกๆ มากขึ้น และท้าทายมากขึ้น”

แต่ก็ยังถนัดแนวบู๊อยู่เหมือนเดิม “ด้วยความที่ผมชอบเล่นบู๊อยู่แล้ว ผมรู้สึกว่ามันท้าทายดี ผมชอบเล่นอะไรที่ท้าทายตัวเอง บังเอิญผมเป็นคนที่บ้าพลังด้วยมั้งครับ ทำให้ผมสนุกกับการเล่นบทบู๊ สนุกกับการที่ได้ไปกองถ่าย ไปออกกำลัง ได้เตะต่อยกับตัวละครต่างๆ ผมรู้สึกดี จริงๆ แล้วบทที่ชอบจะเป็นทั้งบู๊และดราม่าละครับ”

จอมพูดเล่าจากประสบการณ์ของเขาเพิ่มเติม เรื่องการวางตัว เพื่อการทำงานอยู่ในวงการได้นาน “ผมคิดว่า หลักๆ เลยมันเป็นเรื่องของความรับผิดชอบนะครับ มันคือสิ่งสำคัญสิ่งแรกที่ผมคำนึงถึง ไม่ว่าความรับผิดชอบเรื่องงาน การตรงต่อเวลา หรือว่ารับผิดชอบด้วยการทำการบ้าน อ่านบทไปเพื่อที่จะไปถ่าย ไม่ใช่ไปเรียนรู้เอาหน้าเซ็ต แล้วโดนเขาด่าว่าเล่นละครไม่ได้


“นักแสดงต้องรับผิดชอบในทุกๆ ครั้งที่มีงานถ่ายละคร รับผิดชอบกับผู้คนรอบข้างที่ทำงานกับเราในกองถ่าย เมื่อนึกถึงจุดนี้ผมคิดว่ามันเป็นส่วนที่ทำให้เราสามารถอยู่ในวงการบันเทิงได้ เพราะมีคนเห็นแล้วรู้สึกโอเคนะว่า เราไม่ได้มากองสาย เรามาตรงเวลา และเราทำการบ้านไปก่อนที่จะถ่ายจริงครับ”

ระหว่างนี้จอมยังมีงานละครที่จะถ่ายทำอยู่หนึ่งเรื่องคือ ‘ตุ๊กตาผี’ เขาต้องแบ่งเวลาให้กับคิวละครสี่วันในสัปดาห์ และสามวันที่เหลือเขาทุ่มเทให้กับต้นไม้

“ผมก็ยังสนุกกับงานละครครับ ยังมีความสุขที่ได้ไปกองถ่าย ได้ไปเจอเพื่อนๆ นักแสดงหรือทีมงานที่น่ารักๆ แต่เรื่องต้นไม้ผมก็สนุก และเป็นธุรกิจที่ผมลงทุนแล้ว จริงจังแล้ว และมันก็เลี้ยงเราได้ ก็เลยทำควบคู่กันครับ”

และถ้าใครคิดถึงนักแสดงหนุ่มคนนี้ จะแวะเวียนไปอุดหนุนต้นไม้ ไปฟังเขาอธิบายเรื่องต้นไม้ที่สวนจตุจักรได้ทุกวันอังคาร หรือแค่อยากจะส่องก็สามารถคลิกไปที่เพจ Live with Plants ได้เลย

เรื่อง : บุญโชค พานิชศิลป์

No Comments Yet

Comments are closed