นักแสดงหนุ่มของช่อง 3 ที่เพิ่งก้าวขึ้นแท่นพระเอกเป็นหนุ่มร่างสูง 191 เซนติเมตรแฟนละครน่าจะคุ้นหน้าเขาจากละคร ‘นางอาย’ ‘ลิขิตรัก’ ‘หน่วยลับสลับเลิฟ’ ก่อนเขาจะสวมบทพระเอกใน ‘เทพธิดาปลาร้า’ ที่เพิ่งผ่านตากันไป
‘กระทิง’ ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์ เป็นหนุ่มจากเชียงราย ที่มักออกตัวบ่อยครั้งเวลาให้สัมภาษณ์สื่อว่าเขาเป็นเด็กจากต่างจังหวัด
“ผมว่าเด็กบ้านนอกเข้าใจโลกมาก และเห็นใจคนอื่นเยอะ” เขาบรรยายถึงข้อดีของสิ่งที่เป็น “อีกอย่างผมทนความลำบากได้ ผมรู้สึกว่าผมเคยเจออะไรเหล่านี้มาแล้ว และการที่ผมจะไปอยู่ในจุดที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ผมจะทนได้มากกว่าคนอื่น ผมไม่งอแงครับ”
แต่ที่ไม่เกี่ยวกับความเป็นคนจากต่างจังหวัด คือนิสัยส่วนตัวของเขา
“ผมเป็นคนที่ถ้าไม่สนใจอะไรผมจะทิ้งไปเลยครับ คือจะไม่เอาเลย จะเอาแต่สิ่งที่ตัวเองชอบเท่านั้น นั่นคือนิสัยแย่ๆ ของผม”
นอกจากนั้นเขายังยอมรับว่าไม่ใช่คนเซนสิทีฟ ถึงขนาดไม่ละเอียดอ่อน
“แต่ถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนหรือครอบครัว อะไรที่ผมรู้สึกว่าทัชกับคนที่ผมสนิทมากๆ ผมจะอ่อนไหวกับความรู้สึกอะไรง่ายๆ แต่ไม่ได้จุกจิกนะครับ ถ้าเกิดมันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ผมจะเซนสิทีฟกับครอบครัวและเพื่อนผมมาก”
กระทิงสำเร็จการศึกษาระดับปริญญา สาขาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพด้วยทุนนักกีฬา และเขาคงจะกลายเป็นนักบาสเกตบอลของสโมสรที่ไหนสักแห่ง ที่ขะมักเขม้นกับการฝึกซ้อมเพื่อลงสนามแข่ง หากว่าเขาไม่เปลี่ยนเส้นทางชีวิตเข้าสู่วงการบันเทิงเสียก่อน
นอกเหนือจากงานแสดงแล้ว กระทิงยังทำอะไรอีกบ้าง
ก็มีถ่ายแฟชั่น และเดินแบบครับ และทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองด้วย ชื่อแบรนด์ UncleMich ติดตามกันได้ใน IG @unclemich_bkk
ชื่อแบรนด์ได้มาจากไหน
ชื่อมาจากนักบาสฯ ครับ ไมเคิล จอร์แดน ก็เป็นลุงจอร์แดน คือแบรนด์ของผม ผมตั้งใจจะทำเป็นแฟชั่นวินเทจ สไตล์การแต่งตัวของนักบาสฯ ยุค 1990s ผมก็มี reference เป็นไมเคิล จอร์แดนครับ ที่เวลาเขาใส่ชุดออกงานเป็นเสื้อตัวใหญ่ๆ กางเกงตัวโคร่งๆ หน่อย ก็จะเป็นแนวนั้นหมดเลย
แต่เราก็จะเอามาทำเป็นแนวเรโทรผสมกับวินเทจด้วย ให้มันเข้ากับยุคสมัยกับคนที่ใส่เสื้อ อย่างเสื้อก็ over size เลย กางเกงก็ทรงกระบอก ทรงลุง
จุดเด่นคืออะไร
เราจะรวมทุกอย่างที่เป็นแฟชั่นของนักกีฬาสมัยก่อน ทั้งนักบาสฯ และนักฟุตบอล สไตล์ของคนที่แต่งตัวสมัยนั้นแล้วดูเท่ และสมัยนี้ยังแต่งได้อยู่ เราก็เอามาประยุกต์ ก็คือใช้แพตเทิร์นเสื้อผ้าแบบนั้น แต่ว่าลายเราอาจจะปรับเปลี่ยนมาเป็นแบบของเราเองครับ
ไมเคิล จอร์แดนเป็นแรงบันดาลใจในการเล่นบาสเกตบอลของกระทิงใช่ไหม
ครับ เขาเป็นคนเดียวที่ผมรู้จักครั้งแรก สมัยก่อนผมอยู่บ้านนอก ไม่ได้ดูยูทูบหรืออะไร ผมรู้จักคนแรกก็จอร์แดน ตั้งแต่ยังไม่เคยเห็นด้วย
จดจำสไตล์การเล่นของเขามาใช้กับตัวเองด้วยไหม
ผมจำความคิดของเขามากกว่า เขาเป็นคนที่มีความคิดแปลก แต่มันก็ทำให้เขาไปถึงจุดที่เขาไม่เหมือนคนอื่น เขาไม่ยอมแพ้ เป็นคนที่ต้องการจะชนะมากๆ เขาเกลียดการแพ้ เวลาเขาซ้อมเล่นในทีมเขาจะจริงจังมาก และเพื่อนมักจะโดนเขาด่าตลอด เพราะเขาเป็นคนที่เล่นแล้วอยากชนะ เขาไม่อยากแพ้ เขาจะทำทุกอย่างเพื่อไปถึงเป้าหมายให้ได้ ผมคิดว่าเขาเป็นคนที่มีเป้าหมายชัดเจน และไม่สนวิธีการ
พอไม่ได้เป็นนักบาสฯ แล้ว กระทิงเลิกเล่นบาสฯ ไปเลยหรือเปล่า
ก็ไม่ถึงกับเลิกครับ ผมก็ยังเล่นอยู่ เพียงแต่มันเป็นสิ่งที่เราชอบมากกว่า ไม่ได้จริงจังเหมือนเมื่อก่อนที่ต้องไปซ้อมทุกวัน ต้องดูแลรักษาร่างกาย หรือต้องไปแข่งทัวร์นาเมนต์ เดี๋ยวนี้ผมจะเล่นแบบ…เช่าสนามเล่นกันกับเพื่อน อาทิตย์ละสามวัน ไปออกกำลังกาย ไปรีแลกซ์เสียมากกว่า ไม่ได้ทิ้ง คือว่างก็จะไปเล่นบาสฯ เพราะผมรู้สึกว่าเวลาเล่นบาสมันเป็นอะไรที่ผมรีแลกซ์ตัวเอง เวลาทำงานบางทีเราอาจจะคิดเยอะ พอไปเล่นกีฬาหรือทำสิ่งที่เราชอบ มันรู้สึกว่าหัวผมโล่งขึ้น พร้อมที่จะกลับไปทำงานใหม่
ตอนผละออกมา กระทิงก้าวไปถึงจุดไหนของการเล่นบาสฯ แล้ว
ผมเคยเล่นสโมสรของไทยแลนด์ ลีกครับ แต่ทีมโรงเรียนของผมเป็นสังกัดไฮเทค (Hitech Basketball Club) ก็เล่นได้สักพักหนึ่ง ประมาณสองปี แล้วพอเข้ามหาวิทยาลัยผมก็มาทำงานในวงการ
ละครเรื่องแรกที่ผมเล่นเป็นนักแสดงรับเชิญจะคาบเกี่ยวช่วง ม.หกกับมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง ตอนนั้นใกล้จะจบและทัวร์นาเมนต์บาสฯ แข่งเสร็จแล้ว งานก็เข้ามาพอดี ผมก็เข้าเวิร์กช็อป ไปเรียนจนเข้ากองถ่าย และพอถ่ายไปได้สักพักหนึ่งผมก็เข้าปีหนึ่ง ก่อนเปิดเทอมปีหนึ่งผมก็ถ่ายละครเสร็จพอดี
แต่ช่วงแรกๆ ผมยังสับสนอยู่ว่าจะมุ่งไปทางไหนดี จะไปทางบาสฯ ไปทางการแสดง หรือจะตั้งใจเรียนดี ผมเอาสามอย่างไงครับ ช่วงนั้นเลยวุ่นๆ แต่ผมต้องหนักไปทางทุนนักกีฬา เพราะว่าผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ด้วยทุนนักกีฬา ก็คือเล่นกีฬามหาวิทยาลัยอย่างเดียว แต่ก็คือต้องซ้อมทุกวัน
กระทิงเลือกเรียนด้านการตลาด แล้วมันไปกันได้กับกีฬาหรือเปล่า
ผมว่ามันใช้ได้นะครับ คือตอนแรกผมก็คิด หรือว่าจะเรียนนิเทศศาสตร์ดี แต่ผมรู้สึกว่า ถ้าผมเรียนนิเทศฯ ผมก็จะไม่ได้อย่างอื่นเลย เพราะงานที่เราทำ เราก็สามารถเรียนนิเทศฯ ได้โดยประสบการณ์ ผมเลยอยากเรียนการตลาดเพิ่มดีกว่า เผื่อผมจะเอาไปใช้ทำโน่นนี่ ต่อยอดกับสิ่งที่ตัวเองทำได้ เป็น second job ของตัวเอง
เข้ามาอยู่ในวงการห้าปีแล้ว ได้เรียนรู้อะไรบ้าง
ก็เยอะครับ ตอนแรกที่ผมเข้ามา ผมยังขี้อายอยู่เลย ผมไม่กล้ามองหน้าคนอื่น ยิ่งเป็นผู้หญิงผมยิ่งไม่กล้ามองหน้า เพราะผมอยู่กับผู้ชายเยอะ พอเริ่มข้ามกำแพงตัวเอง ความขี้อายของเรา…มันไม่ได้หายไปเลย แต่จะอายในเรื่องที่ควรอายมากกว่า คือปกติกับคนที่ไม่สนิทผมจะไม่ยุ่งเลย ผมจะอยู่แต่กับเพื่อน และเวลาอยู่กับเพื่อนก็เฮฮา แต่พออยู่กับคนอื่นผมก็จะเขินขึ้นมาทันที
ตอนนี้กระทิงได้บทพระเอกแล้วใช่ไหม
ก็ได้มาสักพักหนึ่งแล้วครับ
มีเรื่องไหนบ้าง
ที่ออนแอร์ไปแล้วที่ผ่านมาก็มี ‘เทพธิดาปลาร้า’ และที่ถ่ายทำอยู่มี ‘แค้นรักสลับชะตา’
กระทิงมีวิธีจำบทอย่างไร
ความเข้าใจครับ ผมว่าผมต้องอ่านให้เข้าใจ ถ้าจำเป็นไดอะล็อกเลยผมว่าผมจะสับสน ผมจะจำเอาว่า ผมจะพูดกับคนนี้ผมจะพูดอะไรกับเขา ใช้ความเข้าใจว่าเรากำลังคุยกันอยู่ ผมต้องการอะไร เขาเป็นใครสำหรับผม และถ้าผมได้ยินคำที่เขาถามขึ้นมา มันเหมือนจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้วว่า เราต้องการสิ่งนี้จากเขาเราก็จะพูดออกมาได้ ยิ่งบทยาวๆ เรายิ่งต้องทำความเข้าใจ สำหรับผมนะครับ
ที่ผ่านมาบทยาวที่สุดกี่หน้า
โห…ผมเคยโดนเรื่อง ‘พราวมุก’ ประมาณสอง-สามหน้า แต่ไม่ได้พูดทีเดียวสอง-สามหน้านะครับ ก็พูดหลายบรรทัดอยู่ เป็นซีนที่ผมด่าเขา สอนเขาด้วยเหตุผลด้วยว่า เออ…ทำแบบนี้มันไม่ถูก ทำแล้วรู้หรือเปล่าว่าจะเกิดอะไรขึ้น เหตุผลคืออย่างนี้ๆๆ ที่เราไม่อยากให้ทำ แล้วเขาก็เถียงมา เราก็มีเหตุผลต่อ ประมาณสอง-สามหน้า อันนั้นรู้สึกว่ายากที่สุด
ผ่านมาหลายเรื่องแล้ว รู้สึกว่าตัวเองเชี่ยวขึ้นไหม
ก็เชี่ยวขึ้นนะครับ แต่ผมก็รู้ว่าตัวเองยังไม่เก่ง ก็ต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ
ขอถามเรื่องกระปุก (พัชรา ทับทอง) ยังคบหากันอยู่ใช่ไหม
ครับ
พอเปิดตัวแฟนแล้ว กระทิงก็ไม่มีสิทธิ์จะเป็นคู่จิ้นกับดาราคนไหนได้ ถูกไหม
(หัวเราะ) ไม่รู้ครับ สำหรับผมมองว่างานก็เป็นงาน ชีวิตส่วนตัวก็เป็นชีวิตส่วนตัว ผมมองว่าอยากให้เขาเสพงานเรามากกว่า เพราะผมก็ชอบมีชีวิตส่วนตัวเหมือนกัน แต่ผมไม่ซีเรียสเรื่องที่ว่าจะมีคู่จิ้นหรือไม่มีนะ ผมเข้าใจในงาน และเข้าใจตัวเองด้วย
แต่ถ้ามีคู่จิ้น มันจะกลายเป็นกระแสมากกว่าไหม
ครับ ผมก็เคยคิดนะครับ คือถ้ามันจะจิ้น อาจจะจิ้นด้วยงาน เคมีเข้ากัน อย่างไรมันก็จิ้นละครับ ถ้างานของเรากับเขาเคมีมันดีต่อกัน มันก็โอเค
ตอนนี้กระทิงเข้าขากับนักแสดงหญิงคนไหนบ้าง แบบที่เคมีตรงกัน
เข้าขากับใครบ้างงี้เหรอ (หัวเราะ) ผมก็เล่นมาไม่เยอะ ที่ซ้ำก็มีบัว-นลินทิพย์ (สกุลอ่องอำไพ) เคยเล่นด้วยกันมาสองเรื่อง ผมรู้สึกว่าเคมีบัวตรงกับผม แบบว่า…รู้สึกว่าเป็นคนที่เวลาเราอยู่ด้วยแล้วโอเค สบายใจ ทำงานด้วยได้ลื่น ปกติผมจะติดเกรงใจนิดหนึ่ง แต่นี่เราสนิทกัน ก็เลยรู้สึกว่าเวลาทำงานกับบัวแล้วลื่นไหล
ชอบโมเมนต์ไหนเวลาอยู่ด้วยกัน
ผมชอบโมเมนต์ที่เทคแคร์ เพราะว่าเขาจะเทคแคร์เรา ตรงนี้ผมแฮปปี้ คือผมเป็นคนที่เลือกซื้อของไม่เป็น อย่างเสื้อผ้าเราเลือกเองได้ แต่เรื่องครีม เรื่องสิว ผมแพ้ยาสระผมงี้ มันต้องใช้อะไรวะ แต่แฟนผมจะรู้ว่าผมแพ้ง่าย ผิวจะเป็นอย่างนี้ ผมใช้ครีมนี้ถูกกับหน้าผม เขาจะจัดการให้ทุกอย่าง หรือครีมอาบน้ำก็จะซื้อให้ทั้งเซ็ตเลย เหมือนแม่ผม แม่ก็ทำอย่างนี้ เพราะผมแพ้ง่าย แล้วพอผมคบกับเขา เขาก็จะดูแลผมอย่างนี้ มันเป็นการเทคแคร์ แค่นี้ผมก็แฮปปี้แล้ว
เคยคุยกันถึงเรื่องอนาคตของความสัมพันธ์ไหม
ไม่ครับ ไม่เคยคุยกันเลยเรื่องอนาคต ผมรู้สึกว่าอะไรที่มันดีอยู่แล้ว หรือเป็นไปได้ดี ไปต่อไปลื่นไหล ผมว่าไม่อยากคาดหวังดีกว่า ถ้าคนเราไปกันได้ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก มันไปของมันได้เรื่อยๆ เราก็จะไม่เบื่อด้วย ไม่ต้องมานั่งคิดว่า เฮ้ย…ตั้งใจเป้าอยากให้คุณเป็นอย่างนี้ หรือคาดหวังว่าอีกห้าเดือนอยากให้เป็นอย่างนี้ ผมว่ามันจะแย่ลง สำหรับผม ผมรู้สึกว่าอะไรที่เข้ากันได้มันจะไหลต่อไปได้เรื่อยๆ ปล่อยมัน flow ไป
ดูไม่เลื่อนลอยไปเหรอ
ไม่เลื่อนลอยครับ ไม่ได้คบกันแบบเรื่อยๆ แต่คือ ผมรู้สึกว่ามันไปได้อยู่แล้ว ผมเลยไม่อยากคิดมาก ผมว่าความสัมพันธ์แบบนี้มันไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ถ้ามันใช่ มันก็คือใช่ของมันเลย ผมไม่ใช่ประเภทนักวางแผน ผมชอบอารมณ์ที่แบบ…อะไรที่ไม่คาดหวัง มันจะมีเซอร์ไพรส์เกิดขึ้น มันเป็นโมเมนต์แฮปปี้มากกว่า
มีเรื่องขัดแย้งกันบ้างหรือเปล่า
ก็มีครับ เป็นปกติ ทะเลาะกัน ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องผมไม่ค่อยละเอียดอ่อนในเรื่องความรู้สึก ก็จะแบบลืมตอบไลน์บ้าง คือผมเป็นคนขี้เกียจอ่านไลน์ แต่จะชอบลื่นดู IG ดู Pinterest ไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยตอบใคร แต่เห็นว่าเขาไลน์มาแล้ว เราก็ว่าเดี๋ยวจะตอบแล้ว แต่บางทีผมลืมไง (หัวเราะ) ผมจะเป็นอย่างนี้บ่อยมาก แล้วเขาก็จะมางอนบ้าง น้อยใจว่าเราไม่สนใจ
แต่หายเร็ว
หายเร็วครับ คือเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
ในส่วนของเขาที่เราไม่ชอบล่ะ
ไม่มีนะครับ คือผมรู้สึกว่าผมแฟร์ ถ้าคบกันผมก็โอเค ผมให้สเปซเขา ให้เขาได้เจอเพื่อน เจอใครผมก็ไม่ได้ว่า ผมให้ความเชื่อใจเขา เขาให้ความเชื่อใจผม เราแลกกันแฟร์ๆ คือทุกคนมีชีวิตของตัวเองอยู่แล้วครับ แต่ว่าเราให้ความเชื่อใจเขา อยู่ที่ว่าเขาจะทำอย่างไรกับมัน ผมคิดอย่างนี้มากกว่า แฟร์ๆ ไปเลย
ครอบครัวของกระทิงยังอยู่ที่เชียงรายใช่ไหม
ใช่ครับ ยกเว้นพี่ชาย ตอนนี้เขามาอยู่ที่นี่ด้วย มาเรียนเป็นเทรนเนอร์
มีโอกาสกลับไปบ้านบ้างหรือเปล่า
ผมกลับไปบ้างครับ แต่ว่าช่วงหลังๆ ไม่ค่อยได้กลับไป ประมาณปีหนึ่งกลับไปสอง-สามครั้ง แต่ว่าส่วนใหญ่แม่ก็จะมาหา เหมือนเราสลับกัน อย่างบางช่วงผมไม่ว่าง แม่ก็จะมาดูบ้าน มาเช็ดทำความสะอาดให้ สาม-สี่เดือนมาครั้ง
มีความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับเชียงรายไหม
เยอะมากครับ เวลากลับไปบ้านบางทีผมจะมีฟีลแบบ…ไม่อยากกลับกรุงเทพฯ เลย ที่นั่นรถก็ไม่ติด มันเป็นอะไรที่คุ้นเคย สบาย ชิลล์ เพื่อนก็อยู่ที่นั่น แล้วไปไหนมาไหนก็สะดวก ตื่นมาก็มีข้าวกิน ไม่เหมือนที่กรุงเทพฯ ผมอยู่คนเดียว ตื่นมา เฮ้ย…กินอะไรดี บางทีต้องไปหากิน แต่บางทีก็เบื่อไปกินร้านเดิม แต่ข้าวแม่ผมกินได้เรื่อยๆ แม่ทำอะไรมาผมก็กิน เป็นอะไรที่สบายมาก เวลาอยู่กับพ่อแม่ทุกอย่างในตู้เย็นมีให้กินหมด ไม่ต้องออกไปหา ถึงเวลาแม่ก็เรียกกินข้าว หรือผมออกไปหาเพื่อนข้างนอก เที่ยงก็กลับมากิน แทบไม่ต้องใช้เงินดีกว่า แล้วอยู่ที่นั่นบางทีผมไม่อยากกลับกรุงเทพฯ ขออีกสักแป๊บแล้วกัน
เมนูของแม่ ชอบอะไรมากที่สุด
ผัดกะเพรา แม่ทำผัดกะเพราอร่อยมาก
ไม่เหนือเลยนี่
(หัวเราะ) อาหารเหนือก็มี ที่แม่ทำอร่อยเขาเรียกแกงอบไก่ น้ำจะคล้ายแกงเผ็ด แต่มันจะเป็นน้ำที่มีพริกเหลืองๆ อร่อยมาก ตอนแรกเอาไก่ไปอบเบาๆ ก่อน แล้วเอามาต้มต่อ มันจะเปื่อยมาก อร่อยมาก แล้วก็น้ำพริกหนุ่ม
มีสถานที่แนะนำในเชียงรายบ้างไหม
ผมชอบร้าน ‘ชีวิตธรรมดา’ มันจะเป็นคาเฟ่ อยู่ติดแม่น้ำกก ฟีลคล้ายสวนหน่อย ข้างๆ จะมีโต๊ะให้นั่งริมแม่น้ำ มีโซฟาคล้ายๆ บอลลูนที่เวลานั่งแล้วมันจะยวบลงไป ผมชอบไปนั่งที่นั่น วิวดีมาก ยิ่งเราไปนั่งกินตอนเย็นๆ ดูพระอาทิตย์ตก โอเคเลย
นอกนั้นก็จะมีดอยช้าง ภูชี้ฟ้า นั่นก็จะเป็นแนวธรรมชาติ หน้าหนาวเวลาผมกลับบ้านผมก็จะไปกับเพื่อน อาบน้ำกันตั้งแต่ข้างล่างหกโมง-ทุ่มหนึ่ง เพราะเราจะไม่อาบข้างบน หนาวมาก อาบน้ำเสร็จก็ขึ้นไปทำอาหารกินกัน ตั้งแคมป์ แล้วนอน ตื่นเช้าก็ลุกขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น ถ้าหน้าหนาวผมแนะนำให้ขึ้นดอยครับ
กระทิงมองอนาคตในวงการบันเทิงของตัวเองอย่างไร
ที่ผมมอง ที่คาดหวังไว้ ผมคิดว่าผมก็จะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ จนกว่าผมจะไม่ได้ทำอาชีพนักแสดงแล้ว ระหว่างที่ผมทำงานอยู่ก็ตั้งใจว่าผมจะทำเต็มที่ ผมจะเป็นนักแสดงที่ดีให้ได้ จะเล่นให้สมบทบาท แบบว่าเวลาไปที่ไหนมีคนเรียกเราเป็นชื่อตัวละครตัวนั้น นั่นจะเป็นอะไรที่ผมแฮปปี้
ผมอยากให้ผมโตขึ้นแล้วพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ เล่นได้หลายบทบาท และเข้าถึงบทบาทให้ได้ ก่อนที่ผมจะจบอาชีพนักแสดง แต่จนกว่าผมจะจบผมจะพัฒนาไปเรื่อยๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะจบเมื่อไหร่
ผมคิดว่าผมโชคดีนะครับที่ได้มาทำงานตรงนี้ ผมได้ทำในสิ่งที่ผมชอบ แม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็รู้สึกว่า อีกวันมาเราก็มีแรงตื่นไปทำงาน เพราะใจเราอยู่กับมัน ผมรักงานนี้
เรื่อง : บุญโชค พานิชศิลป์