ในบรรดาซีรีส์วายในประเทศไทยที่สามารถสร้างภาคต่อ โดยใช้นักแสดงชุดเดิมได้ครบ มีไม่กี่เรื่องหรอกค่ะ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่ดิฉันเห็นก็จะมี Love Sick, SOTUS, Make It Right แล้วก็มี What the Duck รักแลนดิ้ง นี่ล่ะค่ะ ที่สามารถทำได้ (ส่วน 2Moons และบังเอิญรัก พังไม่เป็นท่า จะเหตุผลอะไรนั้น ลองหาอ่านในกระทู้เก่าๆ ของ Mars Homme นะคะ) สำหรับซีซั่นสองออนแอร์ไปบ้างแล้ว พร้อมเรื่องราวที่แซ่บกว่าเดิม ทั้งฉากเลิฟซีน และเรื่องราวซับซ้อนซ่อนเงื่อนปมเพื่อนทรยศ Mars Homme ฉบับนี้พาคุณมาคุยกับพระเอกและนายเอก ‘สตรอง-เจริญชัย ขันติชัยขจร’ และ ‘โอ-ภูวนัย แสงวรรณ์’ สองนักแสดงนำ พร้อมแฟชั่นใสๆ และเรื่องราวในภาคต่อที่อยากให้คุณชมด้วยตัวเอง


Season 2 เพิ่งออนแอร์ไปหมาดๆ ความรู้สึกหลังออนแอร์ ระหว่าง Season 1 กับ Season 2 แตกต่างกันเป็นอย่างไรบ้างคะ

โอ : ตื่นเต้นครับ เมื่อวานนั่งลุ้นอยู่ว่าจะออกมาอย่างไรบ้างครับ
สตรอง : โอถามผมตลอดเลยครับว่า ดูหรือยังๆ แต่ผมว่าซีซั่น 2 ตื่นเต้นกว่าครั้งแรกนะ

ทำไมล่ะ

สตรอง : ผมรู้สึกว่า มันหายไปช่วงหนึ่ง
โอ : ใช่ครับ มันห่างหายไปสักพักหนึ่ง แล้วเรารู้สึกว่าพอกลับมา Season 2 พวกเราก็อยากรู้ด้วยว่ามันจะเป็นอย่างไร การตัดออกมาเป็นอย่างไร
สตรอง : เพราะเราก็ยังไม่เคยเห็นเคย
โอ : ใช่ๆ เรายังไม่เคยเห็นเลย เราก็ต้องดูไปพร้อมกับผู้ชมครับ
สตรอง : แล้วประเด็นก็คือ พาร์ตแรกจะเป็นพาร์ตที่โอ๊ตจีบป๊อบใช่ไหมครับ มันจะเป็นพาร์ตที่ดูได้เรื่อยๆ แต่พาร์ตนี้จะเป็นพาร์ตที่หนักหน่วงหน่อยๆ จะเป็นพาร์ตที่พวกเราทำงานหนักมาก
โอ : เพราะว่าเนื้อเรื่องค่อนข้างที่จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
สตรอง : ใช่ครับ


ดูจากทีเซอร์แล้ว แรงขึ้น เหมือนมีการซ่อนปมเพื่อนทรยศอะไรอยู่ในที่

สตรอง : เยอะๆๆ ซึ่งเจ็บ บอกเลยว่าเจ็บ คนดูต้องติดตาม
โอ : ใช่ครับ ต้องติดตามจริงๆ ครับ

ความยากในการถ่ายทำซีซั่นแรกกับซีซั่น 2 ต่างกันมากไหม

สตรอง : เอาจริงๆ ซีซั่นแรกจะไม่ค่อยเข้ากับตัวผมสักเท่าไร เพราะว่าซีซั่นแรก โอ๊ตจะเป็นคนที่ดูกะล่อนๆ ชอบตอดนิดตอดหน่อย แต่พอมาซีซั่น 2 Final Call มันจะเป็นเริ่มเข้มข้น คือเริ่มเข้าใกล้ตัวผมมากขึ้น ด้วยความที่พอเริ่มมีความรักจริงๆ แล้ว มันก็จะค่อยๆ ลึก ลึกลงไปจนมีปมที่ผูกกับหลายๆ อย่าง ทำให้น่าติดตามมากขึ้นครับ แล้วก็ยากมากขึ้นด้วย
โอ : ส่วนผมรู้สึกว่า ซีซั่น 1 กับซีซั่น 2 มีความยากพอๆ กันนะ ด้วยความที่เป็นเรื่องแรกของผม ผมยังใหม่อยู่ เพราะฉะนั้นการแสดงระหว่าง 2 ซีซั่น ผมรู้สึกว่า ความยากและความน่าตื่นเต้นมันพอ ๆ กันครับ แต่ว่าความยากก็จะน้อยกว่าความตื่นเต้น เพราะตื่นเต้นก็จะน้อยลงแล้ว


เมื่อกี้สตรองบอกว่าตัวซีซั่น 2 ใกล้กับตัวเรามากขึ้น คำว่าใกล้ นี่คืออะไร หมายถึงบุคลิกของตัวเรา หรือตัวเราจริงๆ

สตรอง : มันไม่เชิงว่าเป็นตัวเราจริงๆ แต่ว่ามันเป็นการ recall memory ของเราที่ว่า มันเป็นช่วงที่เรารักใครคนหนึ่ง แล้วก็มันดันมีปมส่วนตัวของโอ๊ต สปอยล์ได้ไหม มันไม่ควรสปอยล์นะ แต่บอกให้นิดหนึ่งก็ได้ว่า มันเป็นปมเกี่ยวกับครอบครัว การโดนคนที่เรารักหักหลัง
โอ : ใครล่ะ
สตรอง : เออนั่นดิ ใครล่ะ เออใช่ อาจจะตรงกับชีวิตของใครหลายๆ คนก็ได้ ด้วยความที่ว่าในเรื่องโอ๊ตเป็นคนที่มีความรักไม่มีขอบเขต รักใครก็รักได้ แล้วก็ทำให้หลายๆ อย่างมองไปแล้วมันดูเล็กน้อย แต่ว่ามันก็เป็นสิ่งที่ดี มันไม่ได้เป็นสิ่งที่แย่ แต่ว่าพอในเรื่องมันจะมีสิ่งเร้าอื่นๆ เข้ามา ทำให้เรื่องราวมันเกิดขึ้น แล้วก็ดำเนินไปจนจบ

ตอนที่จบซีซั่นแรก ชีวิตเราเปลี่ยนไปมากไหม

โอ : ตอนที่จบซีซั่นแรก ผมรู้สึกว่า การดำเนินชีวิตเราเปลี่ยนนะ เพราะเริ่มมีคนรู้จักเรามากขึ้นครับ แต่ว่าถ้าถามนิสัยของผมกับตอนแรกที่เล่น กับตอนนี้ ผมรู้สึกว่าคือตัวป๊อบกับเรามีความคล้ายกันมากๆ อยู่แล้ว แม้ว่าเราจะเป็นผู้ชาย แต่ว่าเราเป็นผู้ชายที่แบบ

ขี้อ่อย

โอ : ไม่ได้อ่อย
สตรอง : จริงๆ มันขี้อ่อย
โอ : ไม่ได้ขี้อ่อย มันเป็นไปตามธรรมชาติ
สตรอง : นั่นแหละเขาเรียกมึงขี้อ่อย
โอ : เหรอ

อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ อีบุ๊ค : MARS HOMME Magazine Online
ดาวน์โหลดผ่านช่องทาง
https://www.mebmarket.com/index.php?action=SearchBook&page_no=1&type=tab_all&search=mars%20homme
https://www.ookbee.com/search?keyword=mars%20homme&searchType=all