เพลง ‘Wonderwall’ ดูคล้ายจะเป็นเพลงโปรดของใครต่อใครในยุคสมัยหนึ่ง ขับร้องโดยเลียม กัลป์ลาเกอร์-ฟรอนต์แมนของวง Oasis ที่ตัวจริงไม่ใช่หนุ่มอ่อนโยน นิสัยน่ารักแต่อย่างใด

เหตุผลอาจเป็นเพราะชีวิตวัยเด็กที่ซับซ้อนของเขา เลียมเป็นน้องคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องสามคน เกิดและเติบโตในแมนเชสเตอร์ และมักตกเป็นเหยื่อความรุนแรงของผู้เป็นพ่อ ตอนเขาอายุ 10 ขวบแม่แยกทางกับพ่อ แล้วย้ายออกจากบ้านไปพร้อมกับลูกทั้งสามคน ปัญหาครอบครัวของเลียมส่งผลมาถึงพฤติกรรมของเขาในช่วงวัยรุ่น ทั้งการขโมยรถจักรยาน การทำลายข้าวของ และบ่อยครั้งก็ชอบหาเรื่องชกตีกับใครๆ โดยเฉพาะกับโนล-พี่ชายของเขาเอง

แต่นิสัยชอบความรุนแรง เลียม กัลลาเกอร์ก็พัฒนาตนเองไปสู่ความชอบในดนตรี ระหว่างที่ยังเรียนอยู่เขาเข้าร่วมวง The Rain ของเพื่อน ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ต่อมาในปี 1991 จึงเปลี่ยนชื่อวงเป็น Oasis และจู่ๆ ก็มีโนล-พี่ชายเข้ามาร่วมบนเวทีการแสดง หลังจากนั้นก็มีการเซ็นสัญญากับค่ายเพลง

‘Definitely Maybe’ อัลบั้มแรกของพวกเขาออกตัวแรงกว่าของศิลปินคนไหนๆ อีกทั้งอัลบั้ม ‘(What’s The Story) Morning Glory?’ รวมถึงเพลงอย่าง ‘Wonderwall’ และ ‘Don’t Look Back in Anger’ ยังช่วยผลักดันให้ชื่อของ Oasis ไต่อันดับขึ้นจุดสูงสุดของบริตป๊อป

ความขัดแย้งภายในและการเริ่มต้นใหม่

ความฝันของศิลปินวัยหนุ่มคล้ายจะเจิดจรัส หากปราศจากเงามืดในความมีชื่อเสียง – บ่อยครั้งมักมีเรื่องขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างพี่น้องคู่นี้ เลียมชอบหาเรื่อง ไม่ก็เมามายจนพลาดงานแสดง ภายหลังคอนเสิร์ตร่วมกับโนลเพียงไม่กี่ครั้ง และมีผลงานร่วมกัน 7 อัลบั้ม ปี 2009 เลียมก็ผละออกจากวง Oasis ไปในที่สุด เหตุเพราะเขาไม่สามารถทนทำงานร่วมกับพี่ชายของตนเองได้อีกต่อไป

เลียมไม่ได้หันหลังให้กับดนตรีอย่างที่ใครคาดคิด แต่กลับไปก่อตั้งวงใหม่ Beady Eye ซึ่งมีอดีตสมาชิกวง Oasis คนหนึ่งร่วมอยู่ด้วย ช่วยกันเข็นซิงเกิลแรกออกมาในปี 2010 ตามด้วยเพลงคัฟเวอร์ผลงานเก่าของ Oasis แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ เลียมกับเพื่อนสมาชิกวง Beady Eye จำต้องแยกย้ายกันไปตามทางของตนอีกครั้งในปี 2014

‘As It Was’ ตัวตนของเลียม กัลลาเกอร์บนแผ่นฟิล์ม

“แรกเริ่ม ผมประหลาดใจนะที่เขาเป็นคนดี” เกวิน ฟิตซ์เจอรัลด์-ผู้กำกับหนังสารคดี บอกกับสื่อในช่วงเปิดตัว ‘As It Was’ หนังสารคดีตามติดชีวิตของเลียม กัลลาเกอร์ จากเดิมที่เคยได้ยินแต่ข่าวด้านลบเกี่ยวกับเขา ไม่ว่าเรื่องที่เขาเคยถูกสายการบินแบนเพราะสูบบุหรี่บนเครื่องในปี 1998 เคยสบถและเสียฟันหลายซี่จากเรื่องชกต่อยกับตำรวจเยอรมันในปี 2002 ฯลฯ “เลียมเป็นคนขี้เล่น ตลก ขี้โอ่ และเขาดูผ่อนคลายมากๆ ด้วย”

ภาพในหนังสารคดีเผยตัวตนของเลียม กัลป์ลาเกอร์ที่สนุกสนานกับการวิ่งจ๊อกกิ้งตอนเช้าตรู่ ขณะกำลังออกทัวร์คอนเสิร์ต เป็นคุณพ่อที่น่าภาคภูมิใจสำหรับลูกชายวัยรุ่นสองคน เช่นเดียวกับลูกสาวที่เขาได้ติดต่อเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1997 นอกจากนั้นยังได้สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของตนเอง และรู้สึกเสียใจที่ไม่อาจใช้เวลามากกว่านี้กับแม่ของเขา

บางช่วงเวลาเขายังดูเข้าถึงจิตวิญญาณอีกด้วย ระหว่างที่เดินทางไปเยือนห้องนอนที่เขาเคยนอนร่วมกับพี่ชาย อีกทั้งสำนึกถึงบุญคุณต่อสิ่งที่ทำให้เขาเปลี่ยนจากวัยรุ่นเหลวแหลกกลายเป็นร็อกสตาร์

แต่สิ่งเดียวที่เลียมยังหาความสงบสุขไม่ได้ นั่นคือ เรื่องของโนล ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทำให้พี่น้องคู่นี้ไม่ได้ติดต่อหรือพูดคุยกันมานานหลายปี “หลังจากแยกวงไป เลียมรู้สึกเจ็บปวดนะ เพราะที่สุดแล้ว พวกเขาเป็นพี่น้องกัน และเลียมก็คิดถึงเขา” ฟิตซ์เจอรัลด์บอก

ความขัดแย้งยังสืบต่อในความเป็นจริง

ขณะที่โนล กัลลาเกอร์ พี่ชายวัย 52 ปีกลับรู้สึกต่างไปจากน้องชายวัย 47 เขาปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ และไม่ยินยอมให้ใช้เพลงของวง Oasis ซึ่งส่วนใหญ่เขาเป็นคนแต่ง ไปใช้ประกอบในหนังสารคดีเด็ดขาด พร้อมข่มขู่ว่าจะฟ้องร้องหากมีการละเมิด

ไม่ว่า ‘Wonderwall’ หรือ ‘Supersonic’ เพลงคลาสสิกของ Oasis ที่เลียมมักนำไปร้องนั้น ล้วนเป็นผลงานที่โนลเป็นคนแต่ง เมื่อสองปีก่อนโนลยังเคยพูดเหน็บแนมผ่านสื่อไปถึงน้องชายเจ้าปัญหา “ผมมองแบบปรัชญานะ ผมอยู่ตรงนี้และเล่นเพลงของผม ส่วนเขาอยู่ตรงนั้นและยังเล่นเพลงของผม” ก่อนประกาศเตือนน้องชายอย่างจริงจัง หลังจากรับรู้ข่าวการถ่ายทำสารคดี ‘As It Was’ เมื่อปี 2018

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เลียมเคยโอดครวญผ่านทวิตเตอร์เรื่องที่พี่ชายของตนขู่ฟ้อง “ผมเพิ่งรู้ข่าวว่าตัวเองอาจจะถูกฟ้องโดยผู้ชายเล็กๆ ที่มากอำนาจ ถ้าผมเอาฟุตเทจเพลงของ Oasis ที่ผมร้องไปใช้ใน ‘As It Was’ ใครกันที่ควรจะขมขื่น?”

ชีวิตรักของร็อกสตาร์

ชีวิตจริงนอกจอของเลียม กัลลาเกอร์ เขาไม่ใช่แค่เป็นร็อกสตาร์ที่โด่งดังเท่านั้น หากยังเป็นแขกรับเชิญขายดีบนหน้าหนึ่งของสื่อบันเทิงด้วย กระทั่งมีคนเปรียบเทียบเขาเป็นจอห์น เลนนอนกลับชาติมาเกิด แม้ว่าเลนนอนจะเสียชีวิตหลังจากเลียมเกิดแล้วแปดปีก็ตาม นั่นเพราะเป็นบุคคลที่สามารถป้อนข่าวให้เสพกันได้อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งเรื่องราวส่วนตัวของเลียมก็เช่นกัน


ปี 1997 เลียมแต่งงานกับแพตซี เคนสิต-ภรรยาคนแรก และได้ลูกสาว-มอลลีในเวลาไม่นานต่อมา แต่ไม่ใช่จากภรรยาที่เพิ่งแต่งกันหมาดๆ หากเป็นลูกที่เขามีกับลิซา มูริช-นักร้องสาวที่เลียมมีสัมพันธ์ด้วยหลังแต่งงาน ต่อมาก็ได้ลูกชายสองคน จากเคนสิตหนึ่งคน และอีกหนึ่งคนจากนิโคล แอปเปิลตัน-ภรรยาคนที่สอง จากนั้นชีวิตคู่ระยะเวลาห้าปีกับภรรยาคนที่สองก็อับปางลงในปี 2014

คู่หมั้นหมายคนล่าสุดของเลียมคือ เด็บบี้ กวิเธอร์ ผู้ช่วยสาวที่เข้ามาช่วยงานเขาตั้งแต่ปี 2013 เคยมีประสบการณ์เป็นผู้จัดการส่วนตัวและพีอาร์ให้กับศิลปินมาก่อน รวมถึงเป็นคนที่ทำให้เลียมมีความมั่นใจในตัวเองและการแต่งเพลง แต่ก็ไม่วายมีข่าวออกมาเมื่อปีที่แล้วว่า ทั้งสองทะเลาะกันในร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน และเลียมบีบคอเธอ จะจริงเท็จอย่างไร ทั้งสองก็ปฏิเสธข่าวไปแล้ว

ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่สื่อสามารถนำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับเลียม กัลลาเจอร์ได้ตลอดเวลา ไม่ใช่เพราะเขาคือจอห์น เลนนอนกลับชาติมาเกิด แต่เป็นเพราะเขาเสพติดการ ‘คัมแบ็ก’ นั่นเอง

เรื่อง : บุญโชค พานิชศิลป์