คนทุกคนมองชีวิตในมุมที่แตกต่างและอาจมีมุมมองเกี่ยวกับมนุษย์ที่แตกต่างกัน แต่สำหรับทนายเจมส์-นิติธร แก้วโต คงยากที่จะมองชีวิตในมุมของคนปกติธรรมดาทั่วไป เนื่องจากเขาต้องผ่านการว่าความให้กับเหล่าคนดังในสังคม ทั้งนักแสดงและบุคคลที่มีชื่อเสียง กว่า 14 ปีที่ผ่านมาชีวิตเขาเปลี่ยนไปแค่ไหน และมีมุมมองแบบใดในการใช้ชีวิตหลังต้องพบปะความไม่ยุติธรรม และมนุษย์หลากหลายรูปแบบ
อาชีพทนายต้องพบเจออะไรบ้าง และเราจะยุติธรรมได้แค่ไหน ลองสำรวจแง่มุมของความถูกผิด รวมถึงความคิดของทนายเจมส์มาดเข้มคนนี้ได้เลย
“มันมีหลายเหตุผลที่คนทำความผิดโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ อย่าไปพิพากษาว่าเขาเป็นคนเลว การทำผิดเพียงหนึ่งครั้งไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนเลว เขาอาจมีเหตุผลบางประการที่เราคาดไม่ถึงก็ได้”
ตอนเด็กๆ ใช้ชีวิตอย่างไร้เป้าหมายอะไรคือจุดเปลี่ยนทำให้กลายมาเป็นทนายอย่างทุกวันนี้
สมัยเด็กๆ นี่ ผมแค่ดื้อ ไม่ได้เกเรมาก ดื้อในที่นี้คือโดดเรียน ไม่สนใจเรียน พอจบม. 6 เพื่อนๆมีความชัดเจนในชีวิตหมดว่าอยากเรียนอะไร ทำงานอะไร แต่เราไม่มีเพราะเราไม่เคยวางแผนหรือใส่ใจมันเลย เป็นช่วงที่รู้สึกว้าเหว่ที่สุดเลย เพราะเราไม่มีเป้าหมายใดๆ เลย แต่คนอื่นๆมีเส้นทางเดินที่ชัดเจนหมดเราเลยคิดว่าต้องเริ่มต้นใหม่แล้ว เลยยึดว่าอุดมศึกษาปีหนึ่งนี่แหละ คือจุดเริ่มต้นของเรา ตอนแรกขอคำแนะนำจากผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่บอกให้ไปเรียนบัญชี ซึ่งเราไม่มีพื้นฐานเลย ขึ้นปีหนึ่งมาเราก็เรียนไม่ได้ พอเรียนไม่ได้แล้วก็เลยเริ่มหาหนทางของตัวเองว่าต้องการอะไร เมื่อมาดูตัวเองก็พบว่า เราเป็นคนไม่ชอบให้ใครมาเอาเปรียบ หรือเอาเปรียบใคร และเราก็เป็นคนชอบช่วยเหลือคนอื่น ก็เลยลองมองไปในทางนิติศาสตร์ ลองถามรุ่นพี่ที่เคยเรียนดูเพื่อประกอบการตัดสินใจ จึงตัดสินใจเรียนนิติศาสตร์
ช่วงนั้นเข้าใจสัจธรรมหนึ่งก็คือ ชีวิตมันเหมือนลู่วิ่ง พ่อแม่หรือคนรอบตัวเขาส่งเราได้แค่ตอนเริ่มต้น แต่ตอนวิ่ง เราต้องวิ่งเองคนเดียว ไม่มีใครช่วยอะไรเราได้เลย ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนจริงๆ อันนี้แหละที่ผมคิดว่าเป็นจุดเปลี่ยน จากเด็กค่อนข้างเกเรหน่อยๆ กลายมาเป็นหนอนหนังสือเพราะเราต้องใช้ความรู้ในเส้นทางที่เลือกมา
กว่า 14 ปีที่เป็นทนาย คิดว่าสิ่งสำคัญของการเป็นทนายความคืออะไรบ้าง
เบื้องต้นเลยเราต้องมีความรักในความยุติธรรมก่อน สองคือความจริงใจ สามหลักกฎหมายคุณต้องแม่น สามอย่างนี้เป็นองค์ประกอบรวมกัน ถ้าคุณไม่มีความยุติธรรมเลย คุณก็เอาผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง เอาเงินอย่างเดียว ถ้าคุณไม่มีความจริงใจเลย ลูกค้าคุณก็หายหมด ถ้าคุณมีความจริงใจ เงินเยอะขนาดไหนก็ซื้อคุณไม่ได้ และคุณก็จะพูดความจริงกับลูกความของคุณ คดีนี้เป็นยังไง สู้ไหว สู้ไม่ไหว ไม่ใช่สู้ไม่ไหวแล้วไปยุให้เขาสู้คดี ส่วนเรื่องสุดท้าย หลักกฎหมาย คุณต้องใฝ่รู้ตลอดเวลา
ความรู้กฎหมาย ถ้าคุณหยุดเมื่อไร เท่ากับเดินถอยหลัง เพราะกฎหมายใหม่ๆ ออกมาตลอด กฎหมายเก่าก็มีการแก้ไขตลอด รวมถึงข้อเท็จจริงใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น สมัยก่อนไม่มีการโกงออนไลน์ หรือหมิ่นประมาทออนไลน์ แต่สมัยนี้มันมี คุณต้องใช้พยานหลักฐานอะไรบ้างมาประกอบ นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้สามองค์ประกอบนี่แหละ ที่จะทำให้คุณก้าวขึ้นสู่การเป็นทนายความมืออาชีพ
“ผมไม่รู้หรอกว่าคุณผิดคุณถูก เพราะคนที่จะรู้ดีที่สุดคือคุณสองคน โจทก์จำเลยเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด ทนาย ศาล ไม่รู้หรอก และธรรมชาติของมนุษย์ไม่มีใครเอาเรื่องไม่ดีของตัวเองมาพูด”
การเป็นทนายทำให้มุมมองของคุณเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์เป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้
คำเดียวเลยครับ ตั้งแต่ผมเป็นทนายความมาจนวันนี้ สัญชาตญาณของมนุษย์มีแค่อย่างเดียวคือ การเอาตัวรอด
ปัจจุบันดูเหมือนคนไม่ค่อยเชื่อในกฎหมายแล้ว บอกว่าเอาผิดคนจน ช่วยเหลือคนรวย คิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้
ผมมองว่าไม่ควรจะไปโทษกฎหมาย เพราะตัวบทกฎหมายดีอยู่แล้ว คนที่ร่างกฎหมายนี่ระดับปรมาจารย์ทั้งนั้น อีกทั้งไม่ใช่มีแค่นักกฎหมายเพียงอย่างเดียว ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ อีกด้วยที่มาช่วยร่างกฎหมายฉบับต่างๆ เพื่อให้มันมีช่องโหว่น้อยที่สุด แต่มันอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมาย ว่าคนจะเอาไปบังคับใช้แบบไหน ไม่เกี่ยวว่าคนรวยคนจน และสำคัญคือมันอยู่ที่สังคมด้วย สังคมไทยเป็นระบบอุปถัมภ์ถึงคุณไม่มีเงินแต่เป็นพรรคพวกเพื่อนพี่น้องของใคร ก็จะช่วยเหลือกันอยู่แล้ว มันเป็นเพราะระบบของสังคม ความยุติธรรมมันอยู่ที่ตัวคนใช้กฎหมาย
“ความดีผมว่ามันยังสำคัญอยู่ผมว่าความดีมันไม่ตาย และมันจะติดตัวเราไปถึงไหนต่อไหน รวมถึงในสิ่งที่เราทิ้งไว้ในโลกด้วย อันนี้คือสิ่งสำคัญจริงๆ บางคนแยกไม่ออกว่าอะไรคือความดี ผมว่าการทำความดีคือการทำอะไรก็ได้ที่ชาวบ้านไม่เดือดร้อน คุณไม่จำเป็นต้องสละเวลาไปช่วยเหลือคนอื่นก็ได้ เอาแค่เริ่มต้น คุณดูแลคนในบ้านดีหรือยังก่อน ถ้าดีแล้วคุณอาจไปช่วยคนอื่นก็ได้ ที่สำคัญเราต้องไม่ละเมิดคนอื่น”
คุณยึดถือหลักข้อใดในการทำงานด้านความยุติธรรม
ความจริงใจครับ ความจริงใจนี่อยู่รอดหมด ต่อให้คุณไม่รู้กฎหมายดี คุณก็ศึกษาได้ แต่ถ้าไม่มีความจริงใจ ต่อให้คุณเก่งแค่ไหนลูกความก็ไม่ใช้คุณ มันสุ่มเสี่ยงที่คุณจะเอนเอียง ความจริงใจนี่แหละที่จะซื้อใจลูกความเรา สุดท้ายชื่อเสียงและสิ่งที่เราทำดีก็จะแพร่กระจายออกไป ถ้าคุณไม่มีความจริงใจ ชื่อเสียงก็จะกลายเป็นชื่อเสีย และถูกกระจายออกไปแทน
คิดว่าสังคมไทยให้คุณค่ากับความยุติธรรมมากแค่ไหนในสายตาคุณ
มากครับ เดี๋ยวนี้เห็นชัดขึ้น เมื่อก่อนเครื่องมือเครื่องไม้ในการเข้าถึงสื่อเพื่อหาความรู้และหาความเป็นธรรมมันน้อย มันเลยไม่เห็นเรื่องนี้ชัด สมัยก่อนมีแค่นักข่าวท้องถิ่น มีเรื่องอะไรก็ส่งเข้านักข่าวท้องถิ่น แล้วส่งเรื่องไปยังผู้เกี่ยวข้อง แต่สมัยนี้คนรู้เรื่องราวของกฎหมายมากขึ้น เพราะสื่อออนไลน์นำความรู้เข้ามาสู่ระบบและเข้าถึงง่ายทำให้คนฉลาดขึ้น เลยนำความรู้มาใช้ในเรื่องความยุติธรรมด้วยตัวเองมากขึ้นได้ด้วย
แล้วความยุติธรรมนำมาใช้กับความรักได้มั้ย
ได้นะอย่างเช่นผมคบกับแฟนมาตั้งแต่ปี 2540 เรียนด้วยกัน รู้จักกันมา 9 ปีแล้วค่อยมาแต่งงานกัน ความยุติธรรมในความรักคือ เมื่อเขาได้มอบความรักให้กับเรา เราก็มอบให้กับเขาเขาให้สิ่งดีๆ กับเรา เราก็ให้คืนกับเขา ผมว่าสิ่งนี้ถือเป็นความยุติธรรมนะ เหมือนสัญญาในทางกฎหมาย มันมีความแฟร์ต่อกันอยู่
มีเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความรักของนักกฎหมาย คือช่วง 5 ปีแรกนี่ นักกฎหมายหรือทนายนี่กินแกลบเลยนะครับ แทบไม่มีงานไม่มีเงิน คุณต้องผ่าน 5 ปีแรกไปให้ได้ แล้วคุณจะมีประสบการณ์ และเริ่มมีลูกค้า ซึ่งหากใครคบเราแล้วไม่เข้าใจเรา เขาก็จะไปหาคนอื่น แต่ถ้าเขายังมอบความรักให้กับคุณ อยู่กับคุณในช่วง 5 ปีนั้น แสดงว่าเขาไม่ได้สนใจเงินทอง เขาสนใจในตัวคุณจริงๆ อันนี้แหละมันคือความงดงามที่นักกฎหมายจะได้พบ เป็นความรักที่งดงาม เป็นความรักที่แท้จริง
นอกจากบทบาทในการเป็นทนายแล้วยังมีกิจกรรมอื่นในชีวิตที่สนใจหรือไหม
มีครับ สมัยก่อนผมเขียนบทความเกี่ยวพระเครื่อง ผมจะนับถือหลวงพ่อเขียน วัดสำนักขุนเณร จังหวัดพิจิตร ต้นตระกูลผมมีความผูกพันกับท่านเป็นอย่างดี นับถือกันมาตั้งแต่ผมยังเด็กต้นตระกูลผมเป็นคนพิจิตร แต่ไม่มีหลวงพ่อเขียนเลยสักองค์ เป็นจุดเริ่มต้นให้ผมเริ่มเก็บสะสมหลวงพ่อเขียน เมื่อผมเริ่มมาเก็บก็มีความสับสนในรายละเอียดของพระเครื่อง เช่นทำไมลักษณะต่างกัน แต่ชื่อเรียกเดียวกันจนเริ่มจัดระเบียบ ศึกษา และก้าวเข้าสู่การเป็นกรรมการตัดสินพระสายต่างๆต้องเดินทางไปหลายจังหวัด เช่นชัยนาท สุพรรณฯ กรุงเทพฯ ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเองหมด ช่วงหลังๆ เริ่มห่างออกมาเพราะงานที่เยอะมากจนไม่มีเวลาเพียงพอจะไปดู ปัจจุบันก็ยังเล่นอยู่แต่สะสมหลายๆ หลวงพ่อมากขึ้น
เจอคนมามากมาย หลากหลายรูปแบบ คิดว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดของมนุษย์
ความดีผมว่ามันยังสำคัญอยู่ผมว่าความดีมันไม่ตาย และมันจะติดตัวเราไปถึงไหนต่อไหน รวมถึงในสิ่งที่เราทิ้งไว้ในโลกด้วย อันนี้คือสิ่งสำคัญจริงๆ บางคนแยกไม่ออกว่าอะไรคือความดี ผมว่าการทำความดีคือการทำอะไรก็ได้ที่ชาวบ้านไม่เดือดร้อน คุณไม่จำเป็นต้องสละเวลาไปช่วยเหลือคนอื่นก็ได้ เอาแค่เริ่มต้น คุณดูแลคนในบ้านดีหรือยังก่อน ถ้าดีแล้วคุณอาจไปช่วยคนอื่นก็ได้ที่สำคัญเราต้องไม่ละเมิดคนอื่น รวมถึงไม่เป็นแบบอย่างในทางไม่ดีด้วย มีคนที่ผมรู้จักคนหนึ่งเขามีปัญหา ผมขอเขาเลยว่า ผมทำคดีให้ฟรีก็ได้ แต่ช่วยเลิกพฤติกรรมห่ามๆ ที่ทำอยู่ได้ไหม เด็กเยาวชนจะเลียนแบบแล้วมันไม่ดี