แม้ตลาดซีรีส์วายในปีนี้จะบูมสุดขีดเพราะมีลิสต์รอผลิตและออนแอร์อยู่เกือบ40เรื่อง นี่ยังไม่นับซีรีส์วายเกาหลี ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ที่เข้ามาตีตลาดไทยบ้างแล้ว แต่ฟังธงไว้เนิ่นๆ ว่าหนึ่งในพระเอกที่จะดังมากในปีนี้จะมีชื่อ “เก้า-นพเก้า เดชาพัฒนคุณ” พระเอกซีรีส์วายเรื่องนับสิบจะจูบที่กำลังออนแอร์เร็วๆ นี้ทางช่อง3HD เก้า นพเก้า ไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการเสียทีเดียวเพราะก่อนหน้านี้เก้าเคยแสดงซีรีส์วายด้ายแดงมาแล้ว เพียงแต่ด้วยบทคู่รองที่ได้รับ ทำให้ออร่ายังไม่เปล่งประกายมากนักแต่แฟนคลับก็หนาแน่น กับก้าวใหม่ในฐานะนักแสดงนำ มีสิ่งใหม่ ๆ ที่ท้าทายอยู่ไม่น้อย


Q : ก่อนจะถามเข้าเรื่อง อยากรู้ว่าทำไมถึงชื่อ “เก้า”
A : ผมเกิดวัน 9 เดือน 9 เวลา 9 โมง ครับผม และก็เกิดมาอยู่ห้องคลอดเลขที่ 9 แม่กับป้าก็เลยตั้งชื่อว่าให้ “เก้า” นพเก้า ครับ

Q : ถ่ายซีรีส์จบหรือยัง นับสิบจะจูบ เป็นอย่างไรบ้าง เล่าให้ฟังหน่อย
A : จบแล้วครับ ก็จะได้ดูกันเร็ว ๆ นี้ครับ ประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ เรื่องนี้เป็นซีรีส์วายเรื่องที่ 2 ครับ แต่แสดงนำเป็นเรื่องแรกครับ นับสิบนี่ถ้าตามคาแรกเตอร์ จะเป็นคนเงียบ ๆ คล้าย ๆ ผม พูดน้อย แต่เวลาเขาพูดหรือเวลาเขาคิดอะไรนี่เขาจะเป็นคนที่เจ้าเล่ห์ มันจะแสดงออกในคาแรกเตอร์ของเขา ในการกระทำของเขา เขาจะเป็นคนมีแผนการ มีกระบวนการทางความคิดที่เวลาเขาจะเข้าหาหรือหลอกใช้ใคร แต่ตรงนี้จะแตกต่างจากตัวผมนิดหนึ่งตรงที่ว่า ผมเป็นคนพูดน้อยหรือผมเป็นคนพูดจาตรง ๆ แต่ไม่ได้มีแฝงในคำพูดเหมือนตัวนับสิบครับ ผมเป็นคนซื่อ ๆ


Q : จากที่เล่นเป็นบทรองในด้ายแดงแล้วมาแสดงเป็นคู่นำนี่รู้สึกอย่างไรบ้าง
A : ตื่นเต้นและกดดันมากครับ พอเป็นนักแสดงนำเรื่องแรกนี่ทำให้รู้สึกถึงแรงกดดันเลยว่า เราจะทำออกมาดีหรือเปล่า เราจะทำตามที่แฟนนิยายเขาคาดหวังไว้ได้หรือไม่ แต่พี่ตี๋ผู้กำกับเขาก็คอยให้คำปรึกษาผม คอยให้คำแนะนำผม เขาก็บอกให้ผมทำออกมาแบบที่ตั้งใจ แสดงความสามารถออกมา หวังว่าแฟนซีรีส์เขาก็จะมองข้ามจุดพลาด จุดด้อยของเราไป แล้วก็เห็นความพยายามของเรา มันก็จะเป็นเรื่องที่ดีครับ

Q : เคยคิดไหมว่าวันหนึ่งเราจะต้องมาแสดงนำ และพอต้องมานำในซีรีส์วายด้วย เป็นอย่างไรบ้าง
A : ผมไม่ได้คิดหรอกครับ แต่ก็มีความหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเราบ้างว่า สักวันหนึ่งเราจะมาเป็นนักแสดงนำหรือว่าได้โอกาสมารับบทเป็นบทนำบ้าง และพอต้องมารับบทนำจิงๆ หนักเลยครับ หมายถึงจูบหนักเลยครับ พอจากตอนแรกเป็นรองใช่ไหมครับ มันก็อาจจะมีซีนหวาน เลิฟซีนบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่พอเรามาเป็นบทนำนี่เราหนักหน่วงมากครับ

Q : แสดงว่าเลิฟซีนตรงกับในนิยาย ?
A : น่าจะครับ


Q : เก้าเข้าวงการมาได้อย่างไร
A : ผมเริ่มจากการถ่ายโฆษณาครับ แต่เดินยังไม่เคยนะครับ แรกๆ ก็ไม่ได้คิดหรอกครับว่าจะมาเล่นละคร เพราะว่าเราไม่ได้มีความสามารถทางด้านนี้จริงจัง ผมเป็นคนขี้อายมาก ไม่คิดเลยว่าจะได้มาทำตรงนี้ สมัยเด็กๆ อยากเป็นนักกีฬา แต่น้าของเรารู้จักผู้จัดการดารา เขาก็มาชักชวนเรา ซึ่งก็คือพี่วุฒิที่ชวนมาให้ทำอะไรง่าย ๆ ก่อน ไป cast โฆษณาไปถ่ายครั้งแรกก็ยังโดนผู้กำกับด่า รู้สึกท้อเหมือนกันนะ แต่พอเราได้เข้ามาทำตรงนี้แล้ว มีฐานแฟนคลับเพิ่มขึ้นทุกวัน ๆ แล้วเราเห็นความตั้งใจของเขา เราเห็นการผลักดัน มันก็ทำให้เราชอบและเราอยากทำให้มันดีขึ้นไปเรื่อย ๆ

Q : จากหนุ่มขี้อายพอต้องมาแสดง ปรับตัวหรือเรียนรู้อะไรต่างๆ ยากมั้ย
A : มากครับ แต่ก็ค่อย ๆ เรียนรู้ รับประสบการณ์จากคนอื่นมา ยิ่งเรื่องนับสิบนี่ผมได้พาร์ตเนอร์ที่ดีมากเป็นอัพ (ภูมิพัฒน์ เอี่ยมสำอาง) เขาเป็นคนที่เก่งมาก ผมบอกเลยว่าเขาเป็นคนที่เก่ง ทั้งเรื่องเรียน เรื่องการแสดง ผมยกให้เขาเลยครับ ผมจะบอกเขาตลอด บอกกับทุกคนตลอดว่า ได้เรียนรู้อะไรจากอัพบ้าง เขาเป็นคนถ่อมตัว เราทำงานกับเขาเราก็แอบเก็บประสบการณ์ดีๆ มา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก


Q : ก่อนมาเล่นซีรีส์วาย เก้าเคยเล่นละครมาก่อนเรื่องหนึ่ง
A : ใช่ครับ เรื่องสะใภ้กาฝาก ของ TV Thunder ครับ บทที่ได้ก็จะเป็นคนทะเล้น ๆ เป็นคนพูดมาก

Q : แล้วพอมาเล่นซีรีส์วายเราปรับตัวหรือยากไหมกว่าเดิมมั้ย
A : ยาก ๆ เพราะว่ามันต้องเป็นคนไหลลื่น และยิ่งผมเป็นคนที่พูดน้อย ยิ่งเป็นคนขี้อาย ความธรรมชาติหรือเสน่ห์ ความแพรวพราวก็ไม่ค่อยออกมา มันก็ยากเหมือนกันครับ แต่ถ้าเทียบความยากระหว่างด้ายแดงกับนับสิบนะ จริง ๆ ทั้งสองเรื่องเป็นบทที่หนักทั้งคู่ แต่คือนับสิบนี่เราจะได้เล่นนำ เราจะได้เล่นเยอะกว่า ได้เล่นทั้งคอมเมดี้ ดราม่า เลิฟซีน มันรวมอยู่ในเรื่องนับสิบหมดเลยครับ ซึ่งในตอนที่เราเล่นด้ายแดงก็จะมีแค่ดราม่า

Q : ชอบอันไหนมากกว่ากัน
A : จริง ๆ ชอบทั้งคู่ เพราะว่าเป็นผลงานส่วนตัวผมเลย และผมได้รับโอกาสดีๆ เรื่องด้ายแดงนี่ได้โอกาสจากพี่นิวเลย ทำให้ผมได้มีฐานแฟนคลับที่มากเพิ่มขึ้นทุกวัน นี่ก็เพราะพี่นิวเลยครับ

Q : คิดอย่างไรที่นักแสดงชายยุคนี้ ถ้าจะแจ้งเกิดต้องแสดงซีรีส์วาย
A : คิดว่าเป็นก้าวแรกนะครับ เพราะว่าวงการของวัยรุ่นจะให้ไปเริ่มเล่นละครเลยมันก็เป็นโอกาสที่ยาก เพราะว่าเขาก็มีฐานคนดูที่มันสูงมาก พอเราได้เริ่มลองเล่นซีรีส์ก่อน มันก็ทำให้เราเรียนรู้และพัฒนาขึ้น

Q : เมื่อกี้เก้าบอกว่าเก้าเป็นเด็กขี้อาย ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมาทำงานในวงการ แล้วกับเรื่องร้องเพลงล่ะ ทำไมจู่ ๆ ไปจอยกับโปรเจ็กต์ BOYFREINDS ได้
A : ได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่มากกว่าครับ เราก็ทำงานมา พอเข้าวงการเราเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมานิด ๆ หน่อย ๆ ผู้ใหญ่เขาก็เห็นแววมั้งครับ เขาก็เอ็นดูเรา ก็ชวนให้เราไปลองร้องเพลงไหม อยากเป็นศิลปินไหม เราก็ได้มีโอกาส ต้องขอบคุณทางผู้ใหญ่มากกว่า จริง ๆ ผมไม่เก่งด้านนี้เลย

Q : แล้วพอต้องไปร้องเพลงแล้วเรารู้สึกอย่างไร เราร้องได้ไหม หรือว่าเอ๊ะเราค้นพบอะไรบางอย่างในตัวเรา
A : ค้นพบเหมือนกันครับ ค้นพบว่าเออเราไม่ได้ร้องเพี้ยนมาก (หัวเราะ) จากเดิมที่ว่าเราคิดว่าเราร้องเพี้ยนเหมือนกันนะ แต่เราก็ไม่ได้ร้องเพี้ยนมาก และเราสามารถทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จากการเริ่มทำงานทางด้านเป็นศิลปิน ก็ทำให้เราพัฒนาขึ้น แล้วเวลาทุกครั้งที่เราได้รับโอกาสขึ้นเวทีหรือขึ้นคอนเสิร์ตนี่ ก็ทำให้เราเก่งขึ้นเรื่อย ๆ และมันก็ตื่นเต้นมาก และมันก็จริง ๆ ผมจะมีปัญหาทางด้านก่อนขึ้นเวทีมาก จะเกิดอาการเหมือนขาสั่นครับ


Q : พอมีโอกาสได้จอยโปรเจ็กต์ BOYFREINDS แล้วมีอะไรสะกิดเราให้อยากเป็นศิลปินบ้างไหม หมายถึงเป็นศิลปินเดี่ยวในอนาคต
A : อยากครับ สะกิดเราเหมือนกัน เพราะว่าก่อนที่เราจะมาทำงานเพลง เราเป็นนักแสดง แต่เราก็อยากเป็นศิลปินมาก่อน เพราะว่าเราชอบเล่นดนตรี คนเรามีความสุข เราก็ร้องเพลง มันก็มีความคิดว่าเราอยากเป็นศิลปินอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กครับ

Q : เมื่อกี้เก้าบอกว่าเป็นเด็กขี้อายและเคยมี aim ว่าอยากจะเป็นนักกีฬามากกว่า กีฬาที่ชอบคืออะไร
A : ฟุตบอล จริง ๆ ผมได้มีโอกาสเป็นนักกีฬาเกือบทุกประเภทเหมือนกัน ตั้งแต่เด็กลองมาหมดแล้วทั้งว่ายน้ำอะไรอย่างนี้ก็ตั้งแต่เด็กเลย และก็สุดท้ายมาก่อนฟุตบอลก็เป็นบาสเกตบอลประจำโรงเรียน แล้วก็มาเป็นนักฟุตบอล และสุดท้ายก็มาทำวงการ

Q : ชีวิตวัยเด็กเป็นอย่างไร เป็นคนกรุงเทพฯ หรือเปล่า
A : ไม่ใช่คนกรุงเทพฯ ครับ คนเหนือครับ คนพะเยาครับ เกิดและเติบโตที่นั่น เป็นลูกคนเดียวครับ ชีวิตวัยเด็กก็ไม่มีอะไรมากครับ ส่วนใหญ่ก็อยู่กับเพื่อน เรียน กลับบ้าน เป็นคนไม่ได้หวือหวาอะไรมากนัก

Q : เป็นลูกคนเดียวไม่โดนสปอยล์หรือ
A : ไม่ครับ คุณพ่อนี่เข้มงวดหนักมาก ส่วนคุณแม่ก็อาจจะมีสปอยล์บ้างนิดหนึ่ง แต่ว่าไม่หนักมากครับ ตอนเรียนมัธยม ติดเพื่อนจริงจังมากครับ ตอนนี้ เรื่องเที่ยวเรื่องอะไรพวกนี้ทิ้งหมดทุกอย่าง ตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างเดียว


Q : เป็นคนดูแลตัวเองอย่างไร
A : เมื่อก่อนก็ใส่เสื้อยืด กางเกงสีดำ ไม่ดำก็ขาว วนเวียนอยู่อย่างนั้น แค่นี้แหละครับ แต่ปัจจุบันก็มีโอกาสให้เราได้แต่งตัวมากขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น เป็นเรื่องที่สนุกเหมือนกัน เหมือนได้เปิดประสบการณ์ใหม่ เริ่มหาเสื้อสีสันมาใส่ เริ่มแต่งตัวมากขึ้นครับ

Q : เรื่องออกกำลังกาย รักษาหุ่นล่ะ
A : ส่วนใหญ่คุมอาหารดีกว่าครับ ผมไม่ได้ค่อยเข้าฟิตเนสมานานแล้ว แต่เมื่อก่อนบ้าฟิตเนสมาก ตอนเริ่มเล่นแรก ๆ ถึงกับว่าเคยมีกล้ามสวยมาก แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีเวลาจริง ๆ ครับ

Q : ความสนุกในกองถ่ายมีอะไรบ้างไหม ระหว่าง นับสิบกับด้ายแดง เล่าให้ฟังหน่อย
A : ด้ายแดงก็สนุกกับเพื่อน ๆ มาก น้อง ๆ ด้ายแดงนี่เราเป็นคนที่แก่ที่สุดในกองเลยนะครับ น้องโอห์ม น้องแซมมี่ น้องเอิร์ธ น้องเปรม น้องบุ๋น ทุกคนอายุน้อยมาก 20 นิด ๆ ไม่มีใครเกิน 22 อะไรอย่างนี้ แล้วผมกกระโดดไปถึง 25-26 ครับ พวกเขาเรียกผมว่าลุง แต่เรามีนิสัยเด็กๆ อยู่แล้วเราก็เข้ากับน้อง ๆ ได้ง่าย ส่วนกองนับสิบนี่ก็อายุไล่เลี่ยกันหน่อย ก็สนิทกันเป็นเพื่อนกัน สนุกกันคนละแบบครับ


Q : ตัวตนของเก้าจริง ๆ เป็นอย่างไร
A : ผมหรือครับ ตัวตนของผมจริง ๆ ถ้าผมอยู่กับเพื่อนผมก็จะเป็นคนค่อนข้างช่างพูดเหมือนกัน เพราะว่าเราอยู่กับเพื่อนสนิทเรา เราก็มีอะไรให้พูดกับเพื่อนสนุกสนาน พูดได้ไปเรื่อยเหมือนกันถ้าอยู่กับ ส่วนใหญ่จะมีเพื่อนเป็นรุ่นพี่มากกว่า เพราะว่าบางทีผมก็เป็นคนที่พูดน้อย แล้วเราคบคนที่อายุเยอะกว่า เขาก็จะเป็นคนชอบพูดให้เราฟัง แล้วเขาเห็นเราเป็นคนฟังที่ดี เขาก็แบบว่าทำให้ผมมีเพื่อนสนิทหรืออะไรเป็นรุ่นพี่เยอะ

Q : กับอัพนี่ตอนที่รู้ว่าต้องมาแสดงด้วยกันนี่ จูนกันนานไหมกว่าเคมีจะคลิกกัน
A : กับอัพนี่เป็นเรื่องที่จูนกันง่ายมากนะครับ เพราะว่าอัพก็เป็นคนคุยสนุกสนานมาก ตอนเจอกันครั้งแรกผมเกร็ง ๆ นิดหนึ่ง แต่อัพก็ชวนผมคุย ผมก็ชวนอัพคุย เราคุยกันแบบไม่ถือตัว เหมือนคนบ้าคุยกัน เพราะเราเล่นอะไรกันคล้าย ๆ กัน มีความเป็นเด็ก คล้าย ๆ กัน

Q : แล้วพอสนิทกันมากแล้วต้องมีบทแบบเลิฟซีน ฟีลลิ่งตอนนั้นอย่างไรบ้าง เขินไหม
A : เขินไหม เขินอยู่แล้วครับ เพราะว่าอัพเป็นเพื่อนเรา และเราได้ลองจูบกับเพื่อน ถึงมันจะเป็นบท มันก็มีความรู้สึกเขินอยู่ดี ผมก็ถามอัพเหมือนกันนะว่ารู้สึกอย่างไร ครั้งแรกเหมือนกันใช่ไหมครับ อัพก็บอกเขิน ครั้งแรกผมก็เขิน ทุกวันนี้ก็ยังเขินอยู่ ใช่ และก็เอาออกไปไม่ได้อยู่ดีความเขิน


Q : เหตุผลที่แฟนคลับต้องชมนับสิบจะจูบ มันต่างจากซีรีส์วายเรื่องอื่นอย่างไร
A : คือจะบอกว่าเรื่องนับสิบนี่เป็นเรื่องที่มีหลายอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นดราม่า คอมเมดี้ เลิฟซีน โรแมนติก มีครบหมดเลยครับ บางทีเราก็เล่นเป็นนิยายบ้าง สยองขวัญบ้าง มีครบมากจริง ๆ อยากให้ทุกคนได้ดูครับว่าเรื่องนี้มันเป็นอย่างไร แล้วมันเป็นเรื่องราวของเหมือนคล้าย ๆ เบื้องหลังวงการซีรีส์วาย ทั้งมุมมอง แฟนคลับ หรือมุมมองนักแสดงที่หยิบมาเล่นกันได้ ก็อยากให้ทุกคนติดตามเรื่องนี้พี่ ๆ ผู้กำกับและทีมงานทุกคนนี่เขาตั้งใจทำงานเต็มที่มากครับ

Q : ย้อนกลับไปนิดหนึ่งตอนที่เราคุยกันเรื่องด้ายแดง เก้าบอกว่ามันเริ่มทำให้เรามีฐานแฟนคลับมากขึ้น ทุกวันนี้แฟนคลับเราเป็นอย่างไรบ้างครับ
A : แฟนคลับผมหรือครับ ผมจะเรียกแฟนคลับตัวเองว่าพี่ ๆ น้อง ๆ ผมไม่ค่อยอยากเรียกว่าแฟนคลับ พี่ ๆ น้อง ๆ ผมนี่เป็นคนที่น่ารักมากครับ เท่าที่ผมรู้จักมาเกือบทุกคนนะครับ เวลาผมไปทำงานที่ไหนเขาก็จะคอยส่งกำลังใจ บางทีเขามาไม่ได้เขาก็จะมาหา

Q : ทุกวันนี้เราเล่นโซเชียลมีเดียเยอะมากน้อยแค่ไหน
A : น้อยมากครับ


Q : ทำไม ทั้ง ๆ ที่มันเป็นช่องทางที่เราจะมีปฏิสัมพันธ์กับแฟนคลับเราได้ตลอดเวลา
A : มันบอกไม่ถูกเหมือนกันนะครับ บางทีเราจะเป็นคนที่ชอบส่องเหมือนกันนะ เข้าไปส่องว่ามีคนพูดถึงเราบ้างไหม บางทีเราไม่ได้เข้ามานาน ๆ เพราะว่าเวลาผมอยู่ห้อง ผมก็จะเป็นคนทำโน่นทำนี่ ถ้าทำงานผมก็จะเป็นคนตื่นเต้นกับงาน หรือเรายังใหม่อยู่ ลืมเข้าไปเล่น หรืออะไรอย่างนี้ครับ แต่หลัง ๆ นี่มีบ้าง เพราะว่าเราต้องแบบว่าแอบส่องแฟนคลับ

Q : หรือว่าจริง ๆ แล้วเก้าเป็นคนที่มี space ของตัวเองค่อนข้างสูง
A : ถามว่ามี space ของตัวเองค่อนข้างสูงไหม ไม่ค่อยนะครับ ถ้าคนที่รู้จักผมจริง ๆ อย่างเพื่อนสนิทผม เขาจะรู้ว่าผมเป็นคนอยากจะเข้าหาคนนั้นคนนี้ หรือ friendly เป็นคนค่อนข้างเปิดเผย พูดจาตรง ๆ


Q : ตอนที่เล่นด้ายแดงที่บอกว่าเป็นดราม่าหนัก ๆ เวลาผู้กำกับเขาคัทแล้วเราดึงตัวเองกลับมาอย่างไร
A : ผมหรือครับ ผมนี่จริง ๆ ผมเป็นคนค่อนข้างจะ down ยาก มันจะคัทตัวเองง่ายมากผม พอคัทปุ๊บเราก็จะนิดหนึ่ง นิ่งนิดหนึ่งแล้วสามารถกลับมาเป็นตัวเราได้ เพราะว่าเราอยู่กับปัจจุบันมากกว่า เราจะเทียบเคียงหรือใช้ความคิดหรือสถานการณ์ปัจจุบันมาเทียบเคียงมากกว่า มันก็ทำให้เราหลุดออกมาง่าย ผมไม่เคยใช้การเทียบเคียงเรื่องอดีตหรืออะไรที่มันหนัก ๆ ในชีวิต

Q : โอเค เรื่องความรักเป็นอย่างไรบ้างครับ
A : เรื่องความรักหรือครับ ยังไม่ค่อยได้สนใจเรื่องนี้ครับ เพราะว่าผมอยากโฟกัสกับงานมากกว่า ทำให้ดีก่อนครับ

Q : อยากฝากผลงานล่าสุดของเราหน่อย
A : ก็ฝากซีรีส์นับสิบจะจูบ ด้วยนะครับ อยากให้คนมาติดตามและมาดูเยอะ ๆ ครับ เพราะว่าพวกเราและทีมงานนี่ตั้งใจทำกันมากฃ จะได้ชมเร็ว ๆ นี้ ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ทางช่อง WeTV นะครับ และช่อง 3 หมายเลข 33 ครับ


โดย Takeshi West

ติดตามดาวน์โหลดได้แล้วที่ :

https://www.ookbee.com/shop/magazine/MARHOMMEMAG/24031655-fd39-4e66-976f-840579f18515/mars-homme-magazine-online-kao

https://www.mebmarket.com/ebook-150114-Mars-Homme-Magazine-Online-KAO